วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2568
น้ำท่วมปาก
วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2568
ฮูเร่ วังกา ขอเชิญท่านมานั่งชมลิเก
เห่ สะลัม มานา ละลาล่ะหล่า ลาล้า หล่าลา ละลาละหล่า
ตุ้มปะ ต่มป๊ะ ตุ่มเปง
เมืองไทยวันนี้เละเป็นขี้แช่น้ำ การเมืองก็เน่าสนิทชนิดที่ว่าจะหาทางออกแทบไม่เจอ ต้นปีแผ่นดินไหว ตึกเป็นพันๆไม่ถล่ม ยกเว้นตึกของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน คลอๆไปกับข่าวฮั๊วสอวอ
พอกลางๆปี ไม่มีข่าวอื่นปนเลย มีแต่เรื่องทิดแย้มกับน้องเก็น ตามมาติดๆด้วยข่าวสยิวกิ้วของบรรดาพระที่มีบรรดาศักดิ์สูงๆชั้นเทพชั้นพรหมณ์ที่จูงมือกันขึ้นสวรรค์ไปกับสีกากอล์ฟ งานนี้ขึ้นดาวดึงส์กันไปหลายองค์ จนในที่สุดก็ต้องสึกหาลาเพศไป
และแล้ว นายกของไทยยกหูโทรหาอังเคิ้ลฮุนเซ็น คุยกันแป๊บๆ เป็นเรื่องเลย กลายเป็นการเปิดศึกไทยกำพูเจีย ยิงกันนัว เห็นร่ำๆว่าจะเอารถขี้ไปฉีดถล่มที่ชายแดน งานนี้ทำให้พลโทมาลีดังหาใครเกิน เธอในชุดสีชมพูถ่ายรูปคู่ท่านผู้นำ ก็ดูโอเคนะ แม้จะเป็นภาพเอไอ ขืนยังจ้อไม่เลิกคงมีเวอร์ชั่นเรทสิบหกบวกๆแน่นอน
ตู้ม++++เขย่าขวัญกันด้วยข่าวไฟไหม้โรงงานกระดาษ แป็บนึง ควันก็จาง กลบด้วยข่าวหมอบีและทิดอลงกต
นี่มันยิ่งกว่าลิเกที่ผมเคยดูสมัยเด็กๆ พอออกแขกเสร็จ ก็จะมีตัวแสดงออกมา รำป้อๆ แล้วก็บอกว่า
อันตัวเรานี้ ชื่อว่าพระเจ้า อะไรก็ว่าไป มีพระมเหสีอยู่หนึ่งองค์ ชื่อว่า พระนาง อะไรก็ว่าไป แล้วก็ว่า เรามีเรื่องร้อนใจ เอ้ยร้อนใจด้วยไฟสุม มากลุ้มรุมให้ดวงจิตคิดสับสน ทั้งยามตื่นยามหลับอลวน เหมือนดังโดนยิงถล่มด้วยจรวด ปวดกบาล
เตร้ง เตรง เต่งเต๊ง เตรง เตร่ง เตร้ง เตง เต่ง ไฟไหม้หอยแดงโร่
ลิเกเนี่ยมันสนุก เพราะเรื่องที่เราดู เขาแต่งขึ้นเพื่อการบรรเทิง
แต่การเมืองไทยนี่ มันไม่สนุก เพราะเขาแต่งให้มันไม่สนุก
แต่ไหนแต่ไรแล้ว เราไม่เคยมีรัฐบาลดีๆเลย เข้ามาทีก็ต้องร่วมกันจากพรรคเล็กพรรคน้อย เหมือนหมาจรจัดมาเจอกัน ชามข้าวมันเล็ก มันแบ่งกันกินพักเดียวก็กัดกันเกรียว
แล้วเดี๋ยวก็รัฐประหาร สลับกันไปมา ทหารมา ก็แป๊บเดียว ก็เอาน้องเอาพี่ญาติโกโหติเกมา ทำท่าจะไม่ให้เลือกตั้ง คนก็หงุดหงิด ไม่ใช่อะไรหรอก มันไม่มีจะแดก ทำมาค้าขายก็ไม่ได้ไม่ดี ใครมันจะมาลงทุน กัดกันแบบนี้ เขาก็กลัวพิษหมาบ้า
ไงละมึง ในวัดก็ไม่เหลือพระให้กราบ ในสภาก็กัดกันเละเทะ ศาลเรอะ หวังไม่ได้มานานแล้ว ขอไปกี่ทีกี่ทีก็ถูกกินเรียบ ไอ้ที่จะให้ตรงๆสักสองตัวสามตัว ไม่เคย ทีเครื่องเส้นละจะเอา
ประเทศไหนมันมั่วเหมือนประเทศไทยมีมั้ยเนี่ย
เอ้ยจะต้องเดินทางไป กราบพระอาจารย์เพื่อกลับไป พระนคร แล้วก็รำวนรอบเตียง แป็บเดียวก็ถึงเมืองของเราแล้ว
มั่วแค่ไหน กูดูรู้เรื่องละกัน อย่าคิดว่าเราดูไม่ออกว่าใครกำลังเล่นอะไร
วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2568
นาทีชีวิต
ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและสูญหาย
ความสูญเสีย (Loss)
- เมื่อเกิดเหตุไฟไหม้ขึ้น ทำไมจึงเกิดการลุกลามอย่างรวดเร็ว แทนที่จะมีการระงับเหตุได้ตั้งแต่เพลิงยังมีขนาดเล็กๆ (Incipient Stage)
- มีผู้พบเห็นเหตุการณ์ในขณะที่ไฟเริ่มไหม้หรือเปล่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเวลาทำงาน กลางวันแสกๆ ไม่มีผู้พบเห็นไฟหรือควันเลยหรือ
- หากมีผู้พบเห็น เขาได้แจ้งเหตุเพลิงไหม้อย่างไร บางโรงงาน แม้จะมีขนาดพื้นที่ต่อชั้นมากกว่า 300 ตรม. และมีมากกว่าสองชั้น ก็ไม่มีระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้อัตโนมัติ มีเพียงเครื่องส่งสัญญานแบบมือหมุน หรือว่า
- มีระบบแจ้งเหตุ แล้วมันอยู่ในสภาพที่ใช้การไม่ได้
- หรือระบบแจ้งเหตุทำงานแต่ไม่มีใครเข้าระงับเหตุในช่วงแรก
- หรือระบบดับเพลิงใช้การไม่ได้ ไฟจึงลุกลาม
- แล้วเหตุใดจึงไม่มีการอพยพออกจากอาคาร จนทำให้มีผู้สูญหายและเสียชีวิต
- หรือมีการอพยพ แต่ไม่เป็นระบบ ไม่เป็นไปตามแผนอพยพ
- การเข้าระงับเหตุของหน่วยกู้ภัย มีการแจ้งเหตุและประสานงานอย่างไร เหตุใดจึงมาถึงที่เกิดเหตุในขณะที่ไฟโหมจนเข้าไม่ได้ เพราะโครงสร้างอาคารอาจจะทรุดตัว
ก่อนเกิดเหตุและขณะเกิดเหตุ
- เกิดอะไรขึ้นจนทำให้เกิดการลุกไหม้และไฟลามอย่างรวดเร็ว
- มีงานเชื่อม งานเจียร งานตัดหรืองานที่มีความร้อนหรือไม่
- มีการลัดวงจรไฟฟ้าหรือไม่
- มีการสูบบุหรี่ในพื้นที่ซึ่งมีวัสดุที่เป็นเชื้อเพลิงหรือไม่
วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2568
ภาวะไร้อารมย์
ชื่อเจ้าของโมเดลนี้เรียกยากหน่อย แต่เรื่องนี้เข้าใจไม่ยาก มันคือแบบจำลองการไหล (ไม่รู้อะไรไหล)
Csikszentmihalyi's flow model.
โมเดลของลุงฉะซิกฉะเซ็นท์มิหันละยี้ ไงล่่ะมึง แค่ชื่อกูก็เครียดแล้ว แกบอกว่า ไอ้หลานเอ้ย อะไรที่มันทำยากๆ แล้วเราก็ดันไม่เคยซะด้วยเนี่ยมันเครียดนะเว้ยเฮ้ย (High Challenge Level-Low-Skill Level)
ยังไงลุง แกหันมาสบตา ลังเลจะบอกดีไม่บอกดี บอกมาเถอะ ผมไม่เอาไปเล่าต่อ
ก็มีอยู่ครานึง รุ่นพี่พาไปเปิดจุกแถวๆประตูน้ำ ลุงเนี่ยให้ตายเถอะ ไม่เคยเลยเรื่องแบบนี้ อย่างมากก็แค่ช่วยตัวเองในที่ลับตา
มันเป็นความยากขีดสุดสำหรับเด็กหนุ่มบ้านนา ที่ไม่ประสีประสาอะไรเรื่องแบบนั้น พอถูกดันเข้าไปในห้องกับผู้หญิงอ้วนๆลงพุง ที่ไม่นุ่งอะไรเลย มันโคตรเครียด (Anxiety)
ตรงกันข้ามกับสาวใหญ่ที่นอนเปลือยกายรออยู่ เธอดูไร้อารมย์ (Apathy) โดยสิ้นเชิง ก็เพราะว่างานของเธอมันไม่ได้มีความยากและท้าทายสำหรับเธอแล้วแทบไม่ต้องใช้ทักษะอะไรในการทำให้หนุ่มน้อยคนนี้แตกซ่าน
แต่ในสถานการณ์ที่ทำให้ Flow มันอธิบายได้ว่า ความท้าทายกับทักษะที่ต้องใช้มันทำให้เร้าร้อน เอ็งก็มันข้าก็มัน
ลุงแกว่า ทำตาเคลิ้มถึงอดีต การเสียตัวครั้งที่สิบห้ากับสาวหน้าใสพูดไทยไม่ชัดครั้งนั้นมันทำให้แก Flow
อธิบายแบบนี้ เข้าใจทฤษฏีของลุงรึยัง
ทฤษฏีนี้ใช้ทำอะไร คำตอบคือ การใช้คนให้เหมาะกับความยากง่าย และหรือเข้าใจมากขึ้นว่าอะไรทำให้คนบางคนเครียดจนขี้แตก เมื่อเจองานหินที่ตัวเองไม่มีทักษะ ในขณะที่พวกมือโปรเจองานกระจอกก็นั่งกัดเล็บด้วยความเบื่อหน่าย (Boredom)
ความกดดันทางจิตใจ (Psychological Hazards)
ตอนเรียนหนังสือที่โรงเรียนก็ถูกพวกลูกคนรวย อย่างพวกลูกๆเถ้าแก่ในตลาดรังควาน ถูกพวกลูกตำรวจ ลูกครูรังแก ก็เก็บกดไปพอประมาณ
พอเรียนจบเข้าทำงาน ก็ไปเจอหัวหน้า เพื่อนร่วมงานที่เขาจบมหาวิทยาลัยเดียวกัน รวมหัวกันกดดันกลั่นแกล้ง
เขาไม่ยอมส่งมอบงานให้ ในขณะที่เราก็เป็นคนใหม่ เข้าไปในตำแหน่งผู้จัดการแผนก งานเซฟตี้ก็มีคนสูงอายุสองคนทำอยู่ก่อนเรา คนหนึ่งเป็นทหารเรือเก่า ใครๆก็กลัวแกเพราะแกดุ พอถึงวันที่นายใหญ่จะเข้าโรงงาน แกจะเตรียมธงเขียวไปยืนรอที่ประตูทางเข้า ซึ่งเป็นประตูโรงงานโอเลฟิน พอรถมาถึงแกจะโบกธงผึงแล้ววิ่งชูธงนำหน้ารถเหยาะจนรถเข้าโรงไฟฟ้าของเรา ทำแบบนี้เพราะนายเขาไม่ชอบลงไปติดต่อที่ป้อม รปภ.ข้างหน้า และแกก็ไม่เคยติดบัตรพนักงาน
วันหนึ่งมีผู้บริหารแก่ๆมาเยี่ยม บรรดาผู้จัดการเข้ากันหมด ในห้องพวกเขาดูครื้นเครงระหว่างพวกเขา แล้วผู้บริหารท่านก็ถามขึ้นมาว่า กรดซัลฟุริคสองพันกว่ากิโลรั่ว ปั๊มเอย ท่อเอย วาวล์เอยจมใต้กรด ไม่มีใครเห็น มันเป็นเพราะอะไร
หนึ่งในนั้นตอบเสียงดังทีเล่นทีจริงว่า เขื่อนมันสูง เราเดินผ่านแล้วมองไม่เห็น นี่ผมว่าจะเสนอให้ทุบเขื่อนให้เหลือสักห้าสิบเซ็นต์ แล้วเขาก็คุยครื้นเครง จนผู้บริหารท่านนั้นหันมาเห็นผมเข้า พยักหน้าถาม เซฟตี้เมเนเจอร์คนใหม่รึ คุณเห็นอย่างไร
ผมขออนุญาตพูดแล้วก้าวฉับๆไปที่เครื่องฉายแ่นใส วาง Loss Causation Model ของ Frank E.Bird แล้วอธิบาย ผมเสนอว่า สิ่งที่เราควรต้องมีและทำมีหลายอย่าง ได้แก่ มาตรการในการตรวจสอบระบบท่อ Joint Flanges Valves เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีการผุกร่อนและรั่วไหลขึ้น แถมเสนอมาตรการป้องกันการหกล้น ระหว่างการเติมกรดจากรถบรรทุกสารเคมี แล้วเสริมว่า Secondary Containment ที่มีนั้นดีอยู่แล้วไม่ควรทุบให้เตี้ยลง
แล้วก็มีเสียงสอดขึ้นว่า ทำไมไม่เสนอให้สร้างเขื่อนรอบโรงไฟฟ้าเลยล่ะครับ เวลาอะไรรั่วจะได้ไม่ออกไปข้างนอก แล้วพวกเขาก็ฮาครืน ราวกับผมเป็นโหน่ง เท่งมาเล่นตลกให้ดู
ครั้งนั้นบอกได้เลยว่าเครียดจนเจ็บจี๊ดในอก
คงไม่ใช่ผมคนเดียวที่เจอ พวกเซฟตี้ตัวเล็กตัวน้อยในบริษัทใหญ่บริษัทเล็ก และคนที่ทำงานอื่นๆในที่ต่างๆ ก็ล้วนมีเรื่องที่ทำให้เกิดความเครียดความกดดันกันทั้งนั้น อยู่ที่ว่าใครจะมีน้ำอดน้ำทนแค่ไหน
ในทางวิชาการ เราต้องทำหลายอย่างเพื่อจัดการอันตรายประเภท Psychological Hazards อย่างระมัดระวัง
ขั้นแรก ทำความเข้าใจปัจจัยที่นำมันมา มีอะไรบ้าง อย่างกรณีผม ความไม่ให้เกียรติ และการแสดงออกในลักษณะเหยียดหยามรังแกด้วยความเป็นคนเก่า มีมากกว่า มันกดดัน
บางแห่ง หัวหน้างานเอาเปรียบลูกน้อง อย่างกรณีหัวหน้างานที่ดูแลจัดตารางการเดินรถ ที่จะจัดทริปให้เฉพาะลูกน้องในคอก เพราะใครได้ทริปมากก็มีรายได้มาก ใครไม่เข้าคอกก็ไม่ค่อยได้ทริป แบบนี้ ประยูร เคนเล่าให้ผมฟังพร้อมๆกับน้ำตาคลอเบ้า ความเอาเปรียบและแบ่งพรรคแบ่งพวก
บางทีหัวหน้าหรือผู้จัดการเอาแต่ใจ ใช้อารมย์ก่นด่าหยาบคาย ไม่อธิบายให้ชัดเจนว่าจะเอาอะไร ลูกน้องถามก็ด่าว่าโง่ พอเขาขอคำอธิบายก็หาว่าเถียง
คนงานหัวร้อน ใช้ความรุนแรงกับเพื่อนร่วมงานก็มีให้เห็นมากมาย
ผู้บริหารที่ไม่ใช่ Leader ก็จะไม่เข้าใจ เพราะพวกเขาเป็นแค่ Manager เรื่องละเอียดแบบนี้เขาไม่เข้าใจหรอก
มันต้องเริ่มที่หัว หางจึงกระดิก
เรื่องแบบนี้เวลาป่วย มันออกอาการทางกาย นอนไม่หลับ เครียด บางคนเลยเถิดเป็นโรคซึมเศร้า ทำอะไรที่เราไม่คาดคิดก็มีมากมาย
บริษัทไหนที่เขาให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยและ Well-Being จริงๆ ไม่ใช่แค่ถุยๆตามที่นายฝรั่งเมืองนอกเขาสั่งมา ก็พอจะได้เป็นบุญเป็นกุศลให้คนที่ด้อยกว่า แต่ถ้าแค่ถุยๆ ก็คงจะได้แค่โปสเตอร์สวยๆส่งมาจากเมืองนอก แปลแล้วส่งให้บรรดานายๆเอาปากกาเมจิมาเซ็นรับทราบนโยบาย จบ แบบเครียดๆ ในความฮามันก็มาพร้อมกับความเครียด
วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2568
คุยกับอังเคิ้ล
ใครๆก็มีลุงกันทั้งนั้น คนไทยก็อยู่กับลุงมาตั้งหกปี บางคนก็ได้ลุงส่งเสียจนเรียนจบ แต่บางคนคุยกับลุงแค่ 17 นาที คนทั้งประเทศลุกฮือเรียกร้องให้ลาออก
ไม่รู้จะสงสารหรือสมเพสดี
วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2568
การป้องกันการพังทลายของดินในงานขุด (Cave-In Prevention)
ดินถล่มทับคนงาน ไม่ใช่ว่าในต่างประเทศเขาไม่เคยเกิด แต่พอเกิดขึ้นแล้ว เขาหาทางแก้ไขและป้องกัน
ทางหนึ่งก็ด้วยการออกและบังคับใช้กฏหมายอย่างเข้มงวด ประโยคเมื่อกี้ มีสองคำ คือ ออกกฏหมาย และบังคับใช้อย่างเข้มงวด
ประเทศนี้ล่ะ ออกกฏหมายมั้ย
อย่างน้อยๆ มีกฏกระทรวงสองสามฉบับที่พูดถึงเรื่องนี้ ได้แก่
กฏกระทรวงว่าด้วยเรื่องที่อับอากาศ ที่พูดถึง บ่อ หลุม ว่าเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่อับอากาศ และพูดถึง สภาพอันตรายที่ลูกจ้างอาจจะถูกวัสดุถล่มทับจนจมลงไป นายจ้างบางราย (ที่มีจิตสำนึกก็จะตีความร่องลึก บ่อ หลุม เป็นที่อับอากาศ แล้วกำหนดให้ต้องมีการขออนุญาตกัน) ส่วนนายจ้างที่ไม่มี ก็จะไม่ตีความเอาแบบนั้นเพราะมันยุ่งยากและสิ้นเปลือง
อีกฉบับ ก็เป็นกฏกระทรวงเกี่ยวกับงานก่อสร้าง ที่พูดถึงเรื่องงานเจาะ งานขุด ไว้ในหมวดที่ 2 เนื้อหาในหมวดนี้เขียนไว้หยาบๆ ไล่ไปตั้งแต่ว่า ต้องมีการเคลื่อนย้ายสาธารณูปโภคในละแวกที่จะขุดออกไปก่อนเพื่อกันอันตราย แต่ถ้าย้ายไม่ได้ก็ต้องมีมาตรการป้องกัน
พูดถึงราวกันตก ป้ายเตือนอันตรายและสัญญานแสงสีส้มเห็นได้เวลากลางคืน ถ้ารูหลุมนั้นลูกจ้างอาจจะพลัดตกได้ก็ให้หาอะไรมาปิดเสีย ให้แข็งแรงพอและทำราวกั้น ข้อนี้เป็นมาตรฐานปลายเปิด ตามอัธยาศัยและจิตศรัทธาของผู้ปฏิบัติ เคยมีคนเดินเหยียบแผ่นไม้อัดที่ปิดรูลึกกว่า 5 เมตร หล่นลงไปตายระหว่างวิ่งข้ามถนนลัดเข้าไปในเกาะกลางที่บริษัทโทรคมนาคมทำค้างไว้ แต่เขาไม่ใช่ลูกจ้าง กฏกระทรวงข้อนี้เลยเอาไปใช้ไม่ถนัดนัก
ข้อ 25 และ 26 เนื้อหาค่อยใกล้เคียงมาตรฐานที่ชาติอื่นเขาทำกัน เช่น ต้องจัดให้มีปลอกเหล็ก แผ่นเหล็ก ค้ำยัน หรืออุปกรณ์อื่น กันดินทลาย และต้องให้วิศวกรตรวจสอบ ไอ้ที่จะได้เห็น การ Shoring, Shielding มาตรฐานเรื่องการกองขี้ดิน การตรวจเนื้อดินและออกแบบการขุด ไม่มี บอกแล้วว่ามันเป็นกฏหมายหยาบๆ
ข้อ 28 พูดเรื่องขั้นตอนการลงไปในรูในหลุมที่ลึกเกินกว่า 2 เมตร คล้ายๆเข้าที่อับอากาศ แต่หยาบๆ เน้นให้ผู้ควบคุมงานต้องมีความรู้เรื่องงานดิน และช่วยชีวิต เป่าปากกดหัวใจเป็น เน้นเก็บกู้ซะมากกว่า บอกแล้วว่ากฏหมายหยาบๆ
ข้อ 29 ห้ามลูกจ้างลงหลุมที่กว้างไม่เกิน 75 ซม. ลึกเกินสองเมตร ก็ประมาณความกว้างบุ้งกี๋รถแบคโฮ งานถนัดของการเดินท่อเลย ห้ามได้ไง กฏหมายหยาบๆ
งานขุด Trenching, Excavation ในมาตรฐานประเทศที่เขาเจริญแล้ว ละเอียดกว่านี้มาก เขาพูดถึง
ให้มีผู้ชำนาญการ (Competent Person) ที่รู้เรื่องประเภทของดิน A,B,C,และรู้วิธิป้องกันดินถล่มด้วยเทคนิคต่างๆ เช่น Sloping, Benching, Shoring กันการถล่ม หรือที่เรียกว่า Cave-In ผมเอามาแปะไว้ เผื่อมีใครจะสนใจอ่าน แต่ไม่อยากอ่านก็ไม่เป็นไร ไม่ว่ากัน เอาเป็นว่า ดินขนาดแค่ลูกบาศก์เมตร น้ำหนักก็พอๆกับรถปิกอัพคันหนึ่ง ถ้าถล่มทับใครเข้า ขุดกันนานเลย เซฟตี้เมืองไทย วัฒนธรรมความปลอดภัยแบบไทยๆ บอกตรงๆ หยาบมาก
วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2568
ไม่ต้องหามไกล
ไฟ 22 KV ดูดลูกจ้าง
วันพุธที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2568
មិនអាចសើចបានទេ
មិនអាចសើចបានទេ ភាសា
จะตีกันทำไม
วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
Distraction
Muffin
ภาพยนต์โฆษณาดีๆ ที่ดูแล้วยิ่งทำให้ต้องมาย้ำเตือนกันถึงเรื่องการใช้โทรศัพท์ ไม่ว่าจะเป็นการโทรเพื่อพูดคุย การแช็ทไลน์ ส่องเฟสบุ๊ค ดูติ๊กต่อก ล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดการเสียสมาธิ ในสามลักษณะ
ทางกายภาพ ต้องเอื้อม ต้องเอี้ยวไปหยิบโทรศัพท์ บางทีก็ละมือจากพวงมาลัย ขับมือเดียว
ต้องละสายตา เพื่อกดหมายเลข ยิ่งแช็ทไลน์ ยิ่งหนักเลย
ต้องคุย ซึ่งเป็นการเสียสมาธิแบบ Cognitive Distraction เคยสังเกตุตัวเองบ้างไหม เวลาคุยสาย ต้องออกท่าออกทาง เดินไปเดินมา เพราะสมาธิมันไปจดจ่อที่การสนทนา
ทั้งหมดนั่น ก็ใช้เวลาไปราวๆ 3 วินาที บางคนนานกว่านั้น
แล้วมันเกิดอะไรขึ้น
วันพุธที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
สุดแสนจะอัพเซ็ท
คนงานตกรูเสาเข็ม
หมวด 2 มาตรการความปลอดภัย ข้อ 10 ให้นำยจ้ำงจัดให้มีสิ่งปิดกั้นที่สำมำรถป้องกันมิให้บุคคลใดเข้ำหรือตกลงไปในที่อับอำกำศ ที่มีลักษณะเป็นช่อง โพรง หลุม ถังเปิด หรือสิ่งอื่นที่มีลักษณะคล้ำยกัน
กฏกระทรวง กำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับที่อับอากาศ พ.ศ. ๒๕๖๒
ชัดเจน ว่านายจ้างไม่ได้ดำเนินการตามที่กฏกระทรวงกำหนด ถือว่านายจ้างรายนี้ละเมิดมาตรา 8 ของ พรบ.ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ซึ่งระบุบทลงโทษไว้ตามมาตรา 53 มีโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 400,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
มิหนำซ้ำ หากพบว่านายจ้าง ไม่ดำเนินการตามมาตรา 14 ของ พรบ. ฉบับเดียวกัน ก็มีโทษปรับอีก 50,000 บาท
และหากปรากฏว่าวานนี้นายจ้างไม่ได้ดำเนินการตามมาตรา 32 นายจ้างผ้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๓ มาตรา ๑๖ หรือมาตรา ๓๒ ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนบรรดาผู้จัดการโครการ หัวหน้าหัวนายทั้งหลายหากพบว่าละเลยไม่ดำเนินการ ก็มีสิทธิ์โดนโทษเท่าๆกับนายจ้าง ตามมาตรา 69
งานนี้ ถ้า กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานขยัน ก็จะพบข้อบกพร่องอีกหลายข้อตาม กฎกระทรวง ๒ มีนาคม ๒๕๖๔ กำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการ ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับงานก่อสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๔ อีกหลายมาตราเลยทีเดียว ทำไปทำมาก็จะผิดมาตรา 8 ตาม พรบ.ปี 2554 เข้าอีก ก็จะโดนอีกกระทง เป็นจำคุก 2 ปี ปรับ 800,000 เข้าไปแล้วนั่น
หน้าที่ดำเนินการเอาผิดกับนายจ้าง เป็นของ พนักงานตรวจความปลอดภัย ที่ต้องสอบสวน ถ้าเขาไม่ตรวจไม่สอบ หงุมหงิมงุบงิบ หรือทำท่าขึงขังดึ๋งดั๋งสองสามวัน พอข่าวเงียบ เรื่องก็จบ หรือไม่ก็เลี่ยงไปปรับพอเป็นพิธิ ด้วยมาตรากระจอกๆ อย่าง มาตรา 13 มาตรา 16 พวกนี้
งานนี้ คงมะงุมมะงาหรากันตั้งแต่มาตรา 4 แบบปัดกันไปโยนกันมาว่าลูกจ้างชะตาขาดคนนี้เป็นของใคร เผลอๆ เขาก็ตายเปล่า ตามกฏหมายคุ้มครองแรงงาน กฏหมายกองทุนเงินทดแทนและอื่นๆ จับอะไรดมไม่ได้
เศร้าใจ เสียใจ สลดใจ กับมาตรฐานความปลอดภัยในบ้านเรา คุณว่ามั้ย (ที่ยกมาตรานั้นมาตรานี้มา ผมรับประกันได้พวกคุณไม่เข้าใจหรอก ยังดีใจอยู่บ้างที่เราได้ผู้ว่า กทม.ดี ท่านไม่ละเลย
ส่วนกระทรวงแรงงาน ผมว่าท่านหงุมหงิมมาตลอดตั้งแต่ เหตุซ้ำๆบนพระรามสอง มาถึงตึกถล่มของ สตง.ท่านสงวนท่าทีเกินไปทั้งๆที่เป็นพระเอกได้ แต่ไม่ทำ
วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
วัดเส้าหลิน ถึงวัดไร่ขิง
แฟนพันธุ์แท้วัดไร่ขิงคงบ่นกันระงม
ใครที่ตามข่าวทิดแย้มกับโยมสาวหมวย สวยอึ๋ม (คำนี้ผมเอามาจากคำสัมภาษณ์ของอดีตศิษย์วัดท่านหนึ่ง) คงอิดหนาระอาใจ นึกไม่ถึงว่า สมภารที่ธาตุไฟแตก จะกลายจากจอมยุทธุ์ผู้เข้มขลัง มีพลังภายในชนิดที่แค่ปล่อยลมออกมาจากนิ้ว ใบไม้ย่อมสั่นไหวปลิดปลิว ไม่ถึงกับต้องระบายลมปรานออกมาดังป๊าด เหล่ามารร้ายก็ด่าวดิ้น
แต่ด้วยเหตุอันใดที่ยังไม่ทราบได้ ทำให้กลายเป็นมาร บิดเบือนคำสอน เรื่องอนัตตา การเกิดขึ้นตั้งอยู่และแตกดับ กลายเป็น เปิดขึ้น ตั้งโด่ และดับไฟ จากครั้งแรก เป็นครั้งที่สองสามสี่ ถี่ขึ้นเรื่อยๆ จากไม่กี่สิบล้าน กลายเป็น เจ็ดแปดร้อยล้าน
ถ้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นที่วัดเส้าหลิน ผู้นั้นคงถูกเอาไปขังในแชมเบอร์ที่สามสิบแปด ให้นั่งกำหนดสมาธิควบคุมความพลุ่งพล่าน ท่ามกลางเครื่องกลที่กระทุ้งเข้าใส่ทั้งข้างบน ข้างล่าง ข้างหน้า ข้างหลัง หากวิทยายุทธ์ที่เคยมีมันหยดแย้มไปเสียสิ้นเนื่องจากกิเลสทั้งปวง เมื่อนั้นทิดแย้มคงไม่สามารถจะออกจากช่องที่สามสิบแปดมาได้
แต่ถ้าบาปเคราะห์หนนี้ เป็นเพียงแค่ถูกนางมารสบู่นกแก้วปล่อยพิษผ่านไลน์โดยที่พี่ทิดมัวแต่ตะลึงงันกับเสียงน้ำไหลรินๆ และนางมารสาวทำเสียงกระเส่า แย้มขา แย้มขา พี่ทิดคงไม่พ้นต้องพิษเข้าเส้นเลือด
การสอบเค้นทรมานจากสำนักเส้าหลิน คงเป็นเพียงแค่การซักฟอกเอาคราบฉาวออกไป ไม่นานพลังยุทธ์ก็จะคืนมา ไอ้ที่เคยตั้งโด่แล้วดับไฟก็จะกลับมาเข้าร่องเข้ารอย
อมิตาพุด อายีด่าฝัก อายีด่าฝัก
วันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
เรื่องลับของพี่ทิด
ข่าวตึกถล่มหายสนิทเมื่อข่าวพี่ทิดติดหน้าหนึ่งทุกสำนัก
ผมเกิดและโตที่บ้านนอก ละแวกบ้านมีทิดอยู่หลายคน ที่เคารพนับถือกัน ทิดบัด ทิดนอ ทิดทม ทิดมาย คนหลังนี่ เป็นพ่อผมเอง
สมัยก่อน คนที่บวชเรียนแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใช่บวชแค่ห้าวันเจ็ดวัน แต่เขาอยู่กันเป็นพรรษา บางคนก็หลายพรรษา พอสึกออกมา เขาก็เรียกว่า ทิด เป็นคำนำหน้าที่บ่งบอกถึงความชื่นชมและนับถือในภูมิ
เดี๋ยวนี้ ทิด เป็นคำเรียก ในทำนองว่าคนเคยบวช แต่ถูกสึกด้วยเรื่องบัดสีบัดเถลิง มั่วสีกา ปั่นบาคารา เสพยา อัดถั่วดำเด็กวัด สาระพัดแต่เรื่องฉาวโฉ่ คำว่าทิดเลยออกไปในแนวเสียดสีซะมากกว่า
ผมเองก็เคยบวชแว่บๆ บวชแค่ไม่กี่วัน เพราะต้องกลับไปเรียน ถ้าพ่อแม่จะเกาะผ้าเหลือง ก็คงไม่ถึงป้าย ต้องต่อรถเมล์ ลงรถไฟฟ้า อีกสองต่อแหละ พอสึกออกมา พวกลุงป้าน้าอาที่บ้านนอกเขาก็ยังเรียกยังทักว่า ไอ้ทิด
เป็นพระนี่มันไม่ง่าย สบงใหม่นี่มันแข็ง เวลานุ่ง เดินบิณฑบาตร ถูไปมากับพ่อนาคน้อย มันเจ็บเอาเรื่องเลย รองเท้าก็ไม่ได้ใส่ เวลาเดินบนถนนกรวด ดินลูกรัง บางทีเจอหนามโคกกระสุน แถบเหยาะแถบย้อยเลยโยม
บวชใหม่ๆ ข้าวเย็นไม่ได้กิน เดินบิณฑบาตรท้องร้องจ๊ากๆ หลายกิโลกว่าจะกลับถึงวัด ยังจำได้ว่าหลวงพ่อบก กับหลวงพี่บัติ สองคนนี่เขาเขม่นกันมาตลอด พอกลับถึงวัด หลวงพ่อบกถึงก่อนก็ลงมือฉัน หลวงพี่บัติมาทีหลังฉันไปได้ไม่กี่คำ หลวงพ่อบกก็ขึ้น ยะถาวารีวะหา เท่านั้นแหละพราะที่กำลังฉันต้องทิ้งช้อน หยุดกิน ทั้งสองพระถลกเขมรปรี่ใส่กัน วงแตกสิครับ กิเลสล้วนๆ
บวชใหม่ๆ ยังฟุ้งซ่าน กลัวผี ตื่นตีห้า ลงไปกรวดน้ำใต้ต้นไม้ มีเสียงพรึบบนหัว แทบทิ้งที่กรวดน้ำเลย คิดว่าผีหลอก ที่ไหนได้ ไก่มันกำลังจะลงไปหากิน
เป็นพระนี่ ถ้ายังไม่บรรลุ ผมว่า มันหลุดง่ายๆเลย ยิ่งสีกามาอาบน้ำโชว์ ทิดแย้มก็ทิดแย้มเหอะ โยมเอ๊ย ยุบหนอ พองหนอ พักเดียวมันพองแล้วไม่ยอมยุบง่ายๆ ผมว่าทิดแกไม่ได้ปั่นบาคาร่าอย่างเดียว คงเผลอปั่นอย่างอื่นด้วยแหละ โลภ โกรธ หลง ตัวท้ายนี่ ถ้าคุมไม่อยู่ หลวงพ่อ หลวงน้า หลวงอา หลวงพี่ กลายเป็นทิดโดยไม่ได้ตั้งใจง่ายๆเลยเชียว
วันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
เสื่อมซ้ำซาก
โบราณว่า สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง กับ รำไม่ดี โทษปี่ โทษกลอง
เครดิต การ์ตูนสวยๆจาก คลิกที่นี่
สองแบบนั่น ถ้าเป็นเรื่องเซฟตี้ จะเข้าทำนอง Non-Conformance จะซีเรียสหรือเล็กน้อยหยุมหยิม สะสมไปเรื่อยๆ ความฉิบหายก็จะมาเยือน อย่างสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับประเทศไทยในตอนนี้ งามหน้าไหมละ
ต้นเหตุตึก สตง.ถล่มก็คงต้องรอผลการสอบและอิทธิฤทธิ์ของแรงเสือก แปลว่าอะไร อ้าว ก็โดยส่วนใหญ่ พวกที่จัดว่าเป็น Principal Witnesses เติมเอสเพราะมีหลายคน พวกนี้มีส่วนได้ส่วนเสีย ได้เท่าไหร่ เสียเท่าไหร่ ไม่รู้ ใครจะบอกตรงๆ พวกนี้ก็ต้องรำไปด้วย หันไปโทษปี่ โทษกลอง โทษฮวงจุ้ย โทษกรรมกร โทษสาระพัดไปเรื่อย บางคนก็มีอิทธิฤทธิ์สามารถสอดเสือกแก้ไขข้อเท็จให้เป็นข้อจริง แก้ข้อจริงให้เป็นข้อเท็จ บางคนก็เส้นใหญ่กว่าเหล็กข้ออ้อยซะอีก ไอ้ที่มั่วๆกันมาจะเล็กจะน้อย ก็จะค่อยๆโผล่ เรื่องเซฟตี้นี่มันลึกลับซับซ้อน ทั้งปี 365 จะเห็นคนใหญ่คนโตพูดถึงเซฟตี้ก็มีแค่สองวัน คือวันที่มีอุบัติเหตุ กับวันสิ้นเดือนเพราะต้องเอาตัวเลขส่งไปรายงานคนที่ใหญ่กว่า นอกนั้น ไม่มี จะมีซักคนมั้ยที่จะพูดว่า เออนี่นะ เราประสบความสำเร็จ แก้ไขเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ปลอดภัยขึ้น ไม่มี
จะซื้อของอะไรที่เกี่ยวกับเซฟตี้ ก็ต้องเอาถูกๆไว้ก่อน เอาแค่ให้ได้ตามกฏหมาย อย่างอบรมความปลอดภัย ถ้าจะต้องจ้างบริษัทอบรม ก็เอาแบบถูกๆไว้ก่อน ถ้าได้เซอร์โดยไม่ต้องเข้าอบรมเลยยิ่งเจ๋ง แบบนี้มีเยอะ
ความบกพร่องเล็กๆ อย่างเช่น พาลเล็ทที่ไม้แตกหัก แอ่นระแน ตะปูหลุดๆลุ่ย ถุงบิ๊กแบ๊ก หูขาด ซอฟท์สลิงเปื่อยๆ ตู้ไฟที่ไม่มีเลเบล โอยอะไรสาระพัดร้อยแปด พวกนี้มันคือความเสื่อมโทรม ไม่ใช่แค่สิ่งของ มันเสื่อมไปถึงใจผู้บนริหารเลยเทียว พอเซฟตี้บอกก็หงุดหงิด แหวขึ้นมา อะไร เราอยู่กันมาสามสิบปีไม่เห็นมีปัญหา พอษมนเข้ามาเจอแต่เรื่อง อ้าว อีหอกนี่
มีอีดอกคนหนึ่ง ตบโต๊ะใส่ผม ระหว่างที่กำลังประชุม เพราะผมเข้ามาได้ไม่กี่วัน มีเหตุเย็บไปสองราย รายแรกแปดเข็ม รายที่สอง 18 เข็ม ห่างกันแค่วันเดียว พยาบาลก็พยายามจะขอรายงานว่าเป็นเคสแค่ปฐมพยาบาล อ้างว่าเธอนี่แหละเย็บ ไม่ใช่หมอเป็นคนเย็บ ตลกดี พอเอามารายงานข้างบนตอนประชุมผู้บริหาร อีดอกตบโต๊ะใส่ หาว่าทำตัวเป็นครูบาอาจารย์ เราไม่เคยมีอุบัติเหตุเลย ต๊ายยยยยอีดอกกกก
เซฟตี้มันเหมือนการสร้างปราสาท ถ้าฐานมันผุ มันก็ถล่ม เพราะฉะนั้น ก่อนจะแหล กลบเกลื่อนว่าไม่เคยมี NC มาก่อน ก็ดูคดี สตง.ไว้เป็นตัวอย่าง จะแดกก็อย่ามูมมาม เข้าใจมั้ย
คราวหน้าจะหาต้นตอคำว่าอีดอกมาเล่าให้ฟัง
มีอะไรก็คอมเมนท์กันมั่ง อย่าอ่านอย่างเดียว ขอร้อง
วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2568
อันตรายของเหี้ย
คนไทยด่าคนจัญไรว่า ไอ้เหี้ย อีเหี้ย
วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2568
ตีความตีคน
ทุจริต ภัย
หมายถึง ภัยที่เกิดจาก คน ประพฤติชั่ว ประพฤติไม่ดี ไม่ซื่อตรง โกง คดโกง ฉ้อโกง โดยใช้อุบายหรือเล่ห์เหลี่ยมหลอกลวงเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ.
เก้าอี้เทวดา
เครดิต ยุคลชนข่าว
โบราญเขาว่า คนล้มอย่าข้าม หลังจากที่บ้านหลังใหม่ของ สตง.ถล่มครืนเดียวลงไปกองกับพื้น เดือดร้อนกู้ภัยต้องมาช่วยกันรื้อซาก เพื่อกู้ชีวิตคนที่ติดอยู่ข้างล่าง ขุดมาห้าหกวัน ยังไม่เจอคนที่รอดชีวิต ความห่วงใย ความโศกเศร้า หงุดหงิดงุ่นง่านมากขึ้นทับทวี และแล้ว เสียงฮือฮาก็กระหึ่ม เมื่อมีข่าวว่า
ผู้รับเหมาที่สร้างตึก ทำท่าจะเป็นจีนเทา
การก่อสร้าง ไม่ได้มาตรฐาน
เหล็กที่ใช้ ไม่ได้มาตรฐาน
มีการติดสินบนคนของรัฐ
มีการข่มขู่ย้ายรัฐมนตรี
บ้างก็ว่าคนรับเหมาจริงๆเป็นคนที่ใครๆก็รู้ ถ้าบอกก็จะร้องโอ้ว
จดหมายปลุกขวัญให้สูดลมหายใจลึกๆ จับมือกันเดินไปข้างหน้า
และแล้ว ข้อมูลเรื่องเก้าอี้เทวดา โซฟา โต๊ะประชุม ฝักบัว สายล้างตูด ราคาแพงระยับ บางอย่างซื้อควายได้สองตัว
ตึกถล่มทีเดียว เสียวไปทั้งประเทศ คนอยู่คอนโดก็เสียว คนไปติดต่อราชการก็เสียว ไปศาลก็เสียว ไปโรงพยาบาลก็เสียว เพราะไม่รู้ว่าตึกที่กำลังเข้าไปนั้น ใครเป็นคนสร้าง ใช้เหล็กมาตรฐานอะไร ใช้ปูนอะไร ผูกเหล็กยังไง เทปูนแบบไหน หาข้อยุติยากจริงประเทศนี้
นี่ถ้าตึกถล่มหนนี้เกิดขึ้นขณะที่ท่านๆกำลัง อะจึ๊ อะจึ๊ยกันบนโซฟาราคาหลายแสน แล้วติดอยู่ใต้ซาก จนกู้ภัยไปลากท่านออกมา มันคงจะทุเรศพิลึก
สุดตะลึงงงงัน
วันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2568
มาตรฐานมึงกับกู
ระหว่างที่หน่วยกู้ภัยกำลังเร่งรีบรื้อซากปรักหักพังเพื่อค้นหาผู้ติดอยู่ใต้ซากตึก พลันก็มีชายหน้าตี๋คนหนึ่งยืนสะอึกสะอื้นงั่กๆอยู่ในมุมลับตา
อาตี๋: โธ่ เตี่ย ไม่น่าเลย ไม่น่าจะมาตายในตึกนั่นเลย อั๊วเคยบอกแล้ว เวรกรรมมีจริง
เตี่ย: มึงจะร้องหาเตี่ยมึงเรอะ อั๊วะยังไม่ตาย
อาตี๋: อ้าว เตี่ย ยังไม่ตายหรอกรึ อั๊วะคิดว่าแหละไปแล้ว เตี่ยไปหลบที่ไหนมา
เตี่ย: เสียงดังหาเตี่ยมึงเรอะ เดี๋ยวพวกนั้นได้ยิน เขากำลังมาเก็บตัวอย่างเหล็กไปตรวจ เขาสงสัยว่า เหล็กกับปูนไม่ได้มาตรฐาน
อาตี๋: ได้มาตรฐานซิเตี่ย อั๊วจ่ายไปกับมือ
เตี่ย: มาตรฐาน มอ ออ กอ รึ
อาตี๋: มาตรฐาน มึงกับกู คับเตี่ย
เตี่ย: มาตรฐานเหล็กเส้น SDT แปลว่าอะไรวะอาตี๋
อาตี๋: ก็มาตรฐาน ส้งติงทำ ไงเตี่ย
เอียงมานานแล้ว
วันอังคารที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2568
ซาก
เหลือแต่ซาก
วันพุธที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2568
จับมือใครดม
เหตุการณ์ทางพิเศษที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างถล่มที่ถนนพระราม 2 เกิดขึ้นซ้ำๆซาก จนเสียงที่อุทานผ่านสื่อออนไลน์ระงมไปหมดว่า แ.่ง อีกแล้วเรอะ!
วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568
จ่อว่าจะจับ VS ปรับโดยไม่ต้องจ่อ
ผมพูดถึงแง่มุมกฏหมายความปลอดภัยอยู่บ่อยๆ และมักจะหยิบยกการบังคับใช้กฏหมายความปลอดภัยมาเปรียบเทียบกันระหว่าง OSHA ของอเมริกา และ โอชา ของไทยแลนด์ (แต่น แต้น) ว่าเขามีลีลาในการลงดาบอย่างไร
ก็ต้องบอกว่า ของ โอชา ไท้แลน เวลาจะลงดาบ ก็จะต้องฟ้อนไปรอบๆ มีดาบเล่มเบ้อเริ่มในมือ อย่างดาบในมาตรา 53 สามารถลงดาบนายจ้างที่ไม่ทำตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ในกฏกระทรวง (ซี่งก็จะครอบจักวาลไว้หลวมๆ คลุมๆเครือๆ แบบว่าจะตีความให้หลุดก็ตีได้ จะตีความให้ จำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ก็ทำได้) แถมด้วยดาบมีดสั้นจากมาตรา 13, 16, 32 นี่ก็ไม่ธรรมดา จำคุก 6 เดือน ปรับอีก 200,000 ไหนจะมาตรา 14 ที่ปรับเพิ่มได้อีก 50,000 หากหมั่นใส้ ไล่ไปเจอว่าผิดหลายกฏกระทรวง ก็คูณเข้าไปสิ
เครดิต แต่พอเอาเข้าจริง ไม่รู้ได้เคยลงดาบใครสักทีมั่งยัง สงสัยจัง ผมเข้าไปอ่านในเว็ปของ กอง มีเคสที่เขาเอามาโพส อ่านไปอ่านมาก็ยังกังขาว่า เอ เขาได้ลงโทษนายจ้างที่ละเมิดไปบ้างมั้ย รึว่าได้แต่จ่อ อี๊ แอ่ แอ๋ แอ่ แอ๋ รำป้อๆ ให้นักโทษเสียวแล้วเลี้ยวขึ้นรถตู้กลับออฟฟิศตึกเขียว
แต่ของอเมริกาโน่น OSHA เขาไม่ได้ดุดันอย่าพวก เอฟบีไอ ที่ไปไหนๆยกบัตรให้ดู ถีบประตูแล้วตะโกนสั่ง ฟรี๊ซ ๆๆๆ พวกเขาไปตรวจ สถานประกอบกิจการ ไปเฉยๆ ไปตามที่มีคนร้องเรียน ไปตอนมีเหตุ ไปถึงก็ตรวจๆๆๆๆ เจออะไรก็จดๆๆๆๆ จดเรียงข้อ เรียงกระทง ถ้าอะไรที่เป็น การกระทำผิดแบบ สะเว็ป SVEP- Severe Violator Enforcement Program อย่างเช่น ไม่มีการตรวจเครน ไม่มี LOTOTO อันนี้เจอบ่อยๆ แบบนี้เขาสั่งปรับ ข้อหาละ 7000-8000 USD เรียกว่าปรับกันเห็นๆ ปรับขี้แตกขี้แตน แถมโพสให้เห็นเลยว่าข้อหาอะไร บริษัทอะไร ไม่มีหรอกไอ้ที่จะมาใช้ตัวย่อ บริษัท ช ผู้รับเหมา ห นาย Z โห่ย ไม่เชื่อลองคลิกไปดู
วัฒนธรรมความปลอดภัยที่สำคัญมากๆอย่างหนึ่งก็คือ ทำตามมาตรฐาน ไม่ลูบหน้าปะจมูก ไม่เงื้อง่าราคาแพง โปร่งใส
รึใครเห็นเป็นอย่างอื่น คอมเมนท์กันมานะครับ
วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568
อบรมทำงานบนที่สูง
การฝึกอบรมด้านความปลอดภัยที่ระทึกใจผู้เข้ารับการอบรมสุดสุด ที่ครูฝึกได้โชว์พราวด์ แสดงสตั้นท์โชว์เรียกเสียงฮือฮากรีดกร๊าด ก็มีหลายหลักสูตรทีเดียว แต่ละอย่างก็เสียวไปคนละแบบ อย่างอบรมความปลอดภัยการทำงานบนที่สูงนี่ก็ เน้น ให้ผู้เข้าอบรมใส่ Full Body Harness แล้วให้ได้มีโอกาสไปห้อยต่องแต่ง แล้วฝึกใช้ Rope Grab ใช้อุปกรณ์ในการหย่อนตัวลงมาให้ถึงพื้น เป็นไฮไลท์ ทำให้เรื่องสำคัญของการป้องกันอันตรายจากการทำงานบนที่สูงถูกละเลยไป เช่น
การตกจากที่สูง ถ้าจะมองในแง่ความเสี่ยง จะเห็นว่า สามารถจัดการได้ทั้ง Likelihood และ Consequence พูดง่ายๆ การป้องกันการตกจากที่สูงทำได้สองวิธี
1. ปิดโอกาสไม่ให้เกิดการตกเสียตั้งแต่ต้น ไม่ว่าจะคนตก ของร่วง โครงสร้างถล่ม ด้วยการออกแบบ Safe Working Platform และเลือกใช้ให้เหมาะสม แบบนี้นายจ้างไม่ค่อยปลื้ม เพราะมันเปลือง ต้องใช้นั่งร้านมาตรฐานสูง ปูพื้นเต็ม ไม่มีช่องให้ของร่วง มี Toe Board มีราวกันตก มีบันไดทางขึ้นทางลงที่สมบูรณ์ เรียกได้ว่า เหมือนกับเดินจากชั้นหนึ่งขึ้นชั้นสองเลยทีเดียว วิธีนี้ถ้าไม่รวยจริง ไม่คลั่งเซฟตี้จริง ทำไม่ได้ ทางเลือกอื่นๆ ก็เช่น ใช้นั่งร้านแบบเคลื่อนที่ได้ ใช้รถกระเช้า Cherry Picker รถกระเช้าแบบ Scissor Lift ซึ่งก็ต้องหาซื้อหาเช่ามาอีกเหมือนกัน อุบกรณ์ MEWP-Mobile Elevated Platform พวกนี้จัดได้ว่าเป็น Safe Working Platform ถ้าใช้เป็น
2. ถ้ามีงานที่ต้องออกไปทำนอกแบบที่ 1 เช่นปีนป่ายออกไปนอกราวกั้น ก็จัดได้ว่า Risk to Fall แบบนี้ มีโอกาสตกสูง แต่การตกนั้นจะไม่ตายแน่นอนถ้าไม่กระแทกพื้น กระแทกโครงสร้างอื่นๆ คุณว่าจริงมั้ย ลองคิดดิ ตกจากเครื่องบิน แต่ไม่ถึงพื้น จะตายมั้ย นั่นแหละจึงเป็นบทบาทของ Personal Fall Arresting System -PFAS ซึ่งก็ฝากชีวิตไว้กับ ABCDE- Anchoring Point, Body Harness, Connectors, Decelerating Devices, และสุดท้าย Emergency Rescue
มัวแต่เน้นเอามัน สาระสำคัญก็เมินไปเสียหมด แบบนี้ สู้เอาแมงมุมมากัด ให้ทุกคนกลายเป็นสไปเดอร์แมนดีกว่ามั้น พอตกขึ้นมาก็ ยื่นมืออกไป เอานิ้วกลางกดอุ้มมือ ฉีดใยแมงมุมปี๊ดๆออกไป ไม่ตายถ้าใยไม่หมด อบรมไป ถ้าละเลยข้อแรก ยังไงก็ตกลงมาตายอยู่ดี เหอๆๆๆ
วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2568
เรื่องของ สี่ผู้
มันเป็นความเข้าใจผิดๆว่า เวลาเข้าที่อับอากาศ ต้องเข้าไปคราวละหลายๆคน เผื่อว่าเวลาเป็นอะไรจะได้ช่วยกันออกมาได้
อันตรายในที่อับอากาศมีสองลักษณะ คือ บรรยากาศอันตราย เช่นขาดออกซิเจน มีก๊าซพิษ ก๊าซไวไฟ กับอีกแบบคือ สภาพอันตราย เช่นไฟรั่ว ไฟดูด หรือเครื่องถูกสตาร์ทขึ้นมาทั้งที่มีคนอยู่ข้างในบดจนเละเป็นเศษเนื้อ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเข้าไปกี่คน เวลาตายก็ตายพร้อมกันหมด
ร่างกายขาดออกซิเจน กล้ามเนื้อจะอ่อนแรง เพราะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ๆเป็นกล้ามเนื้อลาย ขาดออกซิเจนแค่ไม่เกิน 8 นาที ก็ไม่รอดแล้ว
ส่วนก๊าซพิษ อย่าง ก๊าซไข่เน่า มันทำให้เราตายได้เร็วมากๆ ด้วยความเข้มข้นเพียงแค่ 15 ppm ในเวลาไม่เกิน 15 นาทีรับรองได้ ต้องห่อกลับบ้าน บางคนยังจินตนาการไม่ออกว่า ไอ้ก๊าซไข่เน่านี่จะไปหาดมได้จากที่ไหน ก็จะแนะนำว่า ลองนอนคลุมโปงแล้วตดรมควันตัวเองดู นั่นแหละมันเลย ก๊าซไข่เน่า ใครที่ชอบค้นคว้าก็นี่เลย ข้อมูลเกี่ยวกับตด ก๊าซไข่เน่าฆ่าคนโดยไปยับยั้งการหารใจระดับเซลล์ แบบเดียวกับพวกไซยาไนด์เลยเชียว
หากคุณอยากรู้ว่าในการตดแต่ละทีจะเกิดก๊าซไข่เน่ากี่พีพีเอ็ม ก็ลงทุนเครื่องวัดแก็สหน่อย เอาไปจ่อแล้วตดใส่ ดูซิว่าเข้มข้นเท่าไหร่
คนงานจำนวนไม่น้อย มาเข้ารับการอบรมที่อับอากาศแบบสี่ผู้ คือ ผู้อนุญาต ผู้ควบคุมงาน ผู้ปฎิบัติงาน และผู้เฝ้าระวังช่วยเหลือ ผมเพิ่มให้อีกสองผู้เลย คือ ผู้ต้องหา กับผู้เสียชีวิต
กฏหมายที่อับอากาศ บังคับนายจ้างละเอียดยิบ สรุปใจความง่ายๆ คือที่อับอากาศห้ามเข้า จะเข้าต้องได้รับอนุญาต ใครอนุญาต ก็นายจ้าง ซึ่งไม่ค่อยเห็นว่าจะมีนายจ้างมาเรียนเป็นผู้อนุญาต ส่วนใหญ่ส่งลูกจ้างมาเรียน
เข้ามาก็นั่งหงอยห่อเหี่ยว ถามว่าคาดหวังอะไร ก็ไม่หือไม่อือ บอกแค่ว่าอยากได้ใบเซอร์ หารู้ไม่ว่าใบเซอร์ที่ได้ มีคุกติดไปด้วย ใครที่เที่ยวไปเซ็นอนุญาตส่งเดช ระวัง คุกเห็นๆ ผู้ต้องหาเลยทีเดียว
ที่อับอากาศมันไม่ใช่แค่ส่งคนมาเรียนเอาใบเซอร์ มันต้องทำอะไรหลายๆอย่าง (ที่นายจ้างไม่ค่อยอยากทำ) ที่ว่าไม่อยากทำก็เริ่มตั้งแต่
ไม่มีหรอกที่อับที่เอิบอากาศ บ้าไปแล้ว เรามีแต่ถังน้ำ นายจ้างและบรรดานายใหญ่ๆทั้งหลายจะเริ่มที่มุขนี้ก่อน ด้วยการตีตกว่ามันไม่ใช่ที่อับอากาศ
ก็ในเมื่อมันไม่ใช่ ก็ไม่ต้อง ส่งคนไปเรียน ไม่ต้องตรวจร่างกาย ไม่ต้องระบายอากาศ ไม่ต้องวัด และอื่นๆ อีกมากมาย
ลูกจ้างที่เกี่ยวข้องกับที่อับอากาศก็ไม่มีปากไม่มีเสียง เครื่องวัดแก็สไม่มี พัดลมระบายอากาศไม่มี ก็ไม่ว่าอะไร กูก็เซ็นๆไปงานจะได้เสร็จๆ
ส่วนคนงานก็เป็นผู้รับเหมา ส่วนใหญ่ก็แรงงานด่างด้าว พูดยังไม่ชัดเลย จะเถียงเป็นรึ
ผู้บังคับใช้กฏหมาย โอ่ย รายนี้ไม่ต้องพูดถึง เขามักจะจ่อเอาผิดนายจ้าง จ่อแล้วจ่ออีก จ่อจนกูเสียว เขาจะปรากฏตัวในชุดเสื้อกั๊กสีดำ เวลาเกิดเหตุแล้ว แถมมาช้ากว่าพวกอาสาสมัครกู้ภัยซะอีก
ที่อับอากาศมีอยู่ทั่วไป บ่อพักน้ำเสียใต้ดินตามตลาด นี่ก็ตายมาเยอะ ท่อระบายน้ำ ที่เรามักจะเห็นเขาเอานักโทษมาลอกท่อ ลงไปตัวเปล่า ไม่มีอะไรเลย ส่วนใหญ่เป็นพวกหน่วยงานรัฐซึ่งบรรดา พรบ.และกฏกระทรวงไม่ได้บังคับใช้กับเขา
ล่าสุดบ่อปลาร้า สถานประกอบการที่มีคนงานไม่ถึง 20 คน ไม่ต้องมี จป.อะไรเลย ก็เลยไม่มีใครบอกคอยเตือน
นี่เป็นผลจากการจัดประเภทสถานประกอบการโดยใช้จำนวนลูกจ้างเป็นเกณฑ์ พอคนน้อยกว่าเกณฑ์ก็บอกว่าไม่ต้องทำ พอคนเป็นหมื่นๆ กลับบอกว่า จอปอวิชาชีพมีคนเดียวก็พอ โอวววว
การเอาคนงานเข้าที่อับอากาศ ที่ยังไม่สามารถกำจัดบรรยากาศอันตรายจนหมด ก็สามารถทำได้อีก โดยบอกว่านายจ้างต้องให้ลูกจ้างสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายที่เหมาะสม ป๊าด เหมาะสมของใครล่ะทีนี้
เคยมีผู้จัดการคนหนึ่งเดินมาหาผมหน้าเครียด เขาเป็นฝรั่งเศษแต่พูดไทยชัดมาก เขาถาม ษมน ผมไม่ซื้อเครื่องวัดแก็สได้ไหม
ทำไมล่ะโทนี่ ผมถาม
มันแพง และก็เราไม่มีที่อับอากาศที่อันตรายอะไรมากมาย มีแต่พวกน้ำและสารเคมีธรรมดาๆ (น่าน)
แต่เราต้องมีการตรวจอากาศก่อนการอนุญาตนะโทนี่
ผมจะเอาเครื่องวัดแสตกไปใช้ แทน
โอว เครื่องนั่นมันไม่อ่านค่าตรงๆนะ ต้องเอาเข้าแลป ไปคำนวณอีกที แถมมันใหญ่มาก
แต่มันแพง โทนี่ว่า
เท่าไหร่ ผมถามไปงั้น เพราะรู้ว่ามันแพง อะไรที่เป็นของเซฟตี้ ภาษี 200 % บางอย่างต้องยุ่งยากในการขออนุญาตเพราะถูกจัดเป็นยุทธภัณฑ์ (ประเทศกูเลย)
สี่เซ็นเซอร์ก็เกือบสี่หมื่นแล้ว โทนี่อ้อน
เอาล่ะ โทนี่ ฟังนะ คนที่เซ็นใบอนุญาตทั้งหลายล่ะ ลูกน้องยูทั้งนั้น ไม่สงสารเขารึ เวลาเกิดอะไรขึ้น ลายเซ็นหราเลย เขาติดคุก และที่ว่าแพงน่ะ เมื่อคืนยูพาเอฟดีอาร์ (FDR)ไปเลี้ยง (พี่เฟรดเขาเป็น CEO) ยูเลี้ยงไวน์ไปกี่ขวดล่ะ ขวดละเท่าไหร่ แพงกว่าเครื่องวัดแก็สมั้ย
โทนี่ไม่ตอบ เดินออกไปแบบเคืองๆ
ผมก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่อยู่ในลิสต์ที่ต้องถูกปลดโดยเร็ว เพราะเหตุฉะนี้แล ดันไปขัดใจซีอีโอเข้า หุๆๆๆ ผู้ประสบภัย
เจ้าที่แรง
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายที่หลายแห่ง ที่ผมหาคำอธิบายไม่ได้ว่าทำไมถึงเกิดเหตุเพทภัยไม่หยุดหย่อน นอกจากจะต้องหันไปพึ่งความเชื่อเก่าๆว่า เจ้าที่แรง
เหตุการณ์แรก ที่ยังฝังใจและสยองไม่หาย เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่ผมต้องไปทำงานที่อู่ซ่อมเรือแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี เรื่องเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ผมพยายามเขียนให้ได้อรรถรสเหมือนกำลังฟัง แถวนี้ผีดุ ผมชอบรายการนี้มาก ฟังเพลินๆ ดึกๆ ผลอยหลับไป ตื่นมาอีกที ปวดฉี่ ก็เริ่มหลอนไม่กล้าออกไปเพราะกลัวผี
ระหว่างที่กำลังจะไปประชุมที่อีเนอร์ยี่ (ควรจะอ่านว่า อีเนอจี้ มั้ง) คอมเพล็กซ์ ก็มีโทรศัพท์เข้าเมา ผมรับสาย "อาจ้าน สวัสดีค๊า " เสียงนั่นไม่คุ้น เบอร์ก็ไม่คุ้น แต่เรียกเราว่า อาจ๊าน แสดงว่า คงรู้จักเรา ไม่น่าจะใช่พวกคอลเซ็นเต้อ ผมรับสาย ครับสัสดีครับ โดยไม่รอช้า เธอถาม อาจ๊าน สนใจจะทำงานกับเรามั้ยคะ ผมถามกลับว่า ที่ไหน แล้วรู้จักผมได้ไง เธอก็ตอบมาว่า อาจ๊านเคยมาสอน จอปอบริหารภาษาอังกฤษ เอ็มดีเป็นลูกศิษย์อาจาน เลยให้โทรมาชวน
ชื่อเสียงอู่ซ่อมเรือนี่กระฉ่อนพอตัวในวงกสนเซฟตี้ ผมเองเคยเข้าไปสอบสวนอุบัติเหตุ คราวนั้นเกิดการระเบิดของแท่นรองทำงาน จากการรั่วของแก็สอะเซทิลีน ตายไปสามศพ ต่อมาก็มีฝรั่งที่เคยเป็นเซฟตี้เมเนเจอร์ที่นั่นมาทำงานที่บริษัทแก็สที่เดียวกับผม เรียกว่า ที่นั่นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว แต่คำว่าเอ็มดีให้โทรมาชวน ประจวบกับเรากำลังตกงาน เลยตอบตกลงไปทันที ตัดฉากไปที่
สัปดาห์แรกของการทำงาน หลังจากที่ผมซื้อพวงมาลัยธูปเทียนไปกราบคารวะเจ้าที่ ก็ได้เวลา เซฟตี้ทอร์ค ของแผนก พวกเรา รวมถึงผมด้วย กับทีมงานเกือบ 20 คน ยืนล้อมวง พยาบาลที่พวกเราให้ความเคารพ เพราะนอกจากผมแล้ว แกน่าจะอาวุโสสุดในวง แกเริ่มก่อน
หัวหน้าคะ เมื่อคืนมีเคสค่ะ เย็บไปแปดเข็ม หัวหน้าจะให้รายงานเป็นอะไรค๊า แกรายงานเสียงแจ๋ว ยิ้มๆ
เย็บก็ต้องเป็นเมดิคอลทรีทเมนท์สิครับ ผมตอบ
ไม่ใช่ค่ะหัวหน้า หนูนี่แหละเป็นคนเย็บ ไม่ได้ส่งโรงพยาบาล เราเย็บในห้องพยาบาลเรานี่แหละ
ผมคิดว่าเธอน่าจะรู้ว่า การเย็บเป็นการบาดเจ็บขั้น Medical Treatment Case ผมย้ำอีกที ว่า มันคือ Medical Treatment Case ครับ ผมตอบ
หัวหน้า
เจ๊แกครางออกมา ไม่ได้ว่าอะไรต่อ
วันรุ่งขึ้น
หัวหน้าค๊า เมื่อคืนมีเคสค๊า เย็บไปสิบแปดเข็ม
ผมถาม ทำไมรึ เคสเมื่อวานแวะมาขอเย็บเพิ่มอีกสิบเข็มรึไง ผมถามปนขำ
ไม่ใช่ค่ะ เป็นคนละเคส
งั้นก็ Medical Treatment Case ครับ
หัวหน้า เสียงครางพร้อมกัน ผมหันไปถาม ทำไมรึ มีอะไร
หัวหน้าครับ โบนัสเราเหลือสามพันเองนะครับ ถ้าแตกอีกเราไม่เหลือแล้วนะครับ
สายของวันนั้นมีการประชุมผู้บริหาร ผมขึ้นไป ในนั้นมีหญิงวัยใกล้เกษียนคนหนึ่ง หลังจากรับผมมาทำงานแล้ว แกดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ แกบอกว่า คุณษมน เซฟตี้พรีเ๙้นท์ได้ไม่เกินสามสไลด์นะ อย่ายาว
ผมเริ่ม เรามี Medical Treatment Case สองครั้งแล้วครับในรอบสัปดาห์
หญิงแก่นั่นตบโต๊ะ คุณษมน อย่ามาทำตัวเป็นครูบาอาจานที่นี่นะ เราไม่เคยมีอุบัติเหตุเลย
ผมนึกในใจ ตายห่า กูเป็นตัวซวยรึนี่ แต่ในใจผมคิดว่า กูไม่เชื่อหรอก ว่าไม่เคยมีเคส แต่ขี้เกียจเถียง ได้แต่นึกว่า ฮ๊าจริงดิ
หลังจากนั้น ก็มีคนจากแผนกป้าแกมาป้วนเปี้ยนหน้าห้องผมทุกวัน มาพูดทำนองว่าป้าแกไม่ปลื้ม และเที่ยวย้ำกับลูกน้องผมว่า หากผมยังทำงานแบบนี้ จะไม่ผ่านโปร คือไม่ลงให้แกจะไม่ผ่านโปร ว่างั้น เวลาผมจะไปเดินดูงานข้างนอก สมุนแกจะมาพาไปเดิน ไม่ปล่อยให้เดินเอง พาไปแป็บๆ ก็พากลับมาส่ง สงสัยจะกลัวเราหลงมั้ง ผมไม่ชอบวิธีแบบนี้ วันหนึ่งเลยใส่ชุดหมีแดง เหน็บวิทยุติดเอว ออกหน้างาน ไม่รอใครพาไปเดิน ผมลงไปในอู่ มีคนงานป้วนๆเปี้ยนมาแอบมอง แต่ไม่กล้าเข้ามาคุย จนกระทั่ง
หัวหน้าคั่บ เสียงเหน่อๆทักมา คนงานระดับหัวหน้า ทักมา แกดูลับๆล่อๆ หัวหน้ามาใหม่เหรอคั่บ แกถาม พร้อมจ้องหน้าผมอย่างสนใจ ครับ ผมตอบ
ผมว่า หัวหน้าไม่น่าจะอยู่ได้เกินสองอาทิตย์ครับ แกว่า อ้าวทำไมล่ะ ผมถาม โดยไม่รอคำตอบ ก็ที่นี่ไม่มีอุบัติเหตุเลยไม่ใช่รึ แถมได้รางวัลสถานประกอบการดีเด่นระดับเพชร
โอยยย แกคราง เอาเคสไหนล่ะครับหัวน๊า เอามาสักเคสนึง ผมถาม
มีพนักงานคนนึง นอนหลบแดดหลังพักเที่ยง จู่ๆ รถฟอร์คลิทฟ์มา ซูมมมม แกทำเสียง เอาไปเลยยยย
ตายไหม ผมถาม โอยยยหัวหน้า แล้วแกก็เล่าอีกหลายเรื่อง ลงเอยที่ เซฟตี้คนก่อน มาอยู่ได้ไม่ถึงเดือน ถอดชุดหมีกองไว้ เอาวิทยุวางไว้ แล้วไปเลยยย
อือ สงสัยเจ้าที่จะแรง ผมนึกในใจ
หลังจากที่ผมได้ถอดชุดหมี เอาวิทยุวางไว้ตรงกลาง แล้วขับรถออกมาจากที่นั่น โดยได้ส่งอีเมลล์ลาป้าแกและสำเนาไปถึงเอ็มดี ขออภัยที่ไม่ได้มีโอกาสทำงานให้อย่างที่ตั้งใจ และย้ำเตือนไปว่า ถ้าองค์กรยังปล่อยให้เจ้าที่มายุ่มย่าม ทำให้เกิดการซุกซ่อนไม่รายงานแบบนี้ วันหนึ่งจะถึงยอดปิระมิดเข้าจนได้ ผมยังได้ส่งอีเมลล์หาเซฟตี้ไดเรคเตอร์ ที่เป็นคนสิงคโปร์ แล้วก็ร่ำลากันทางดิจิทัล เจ้าที่แรงขนาดนี้ อยู่ด้วยไม่ไหว มันสยอง
ต่อมาผมก็ได้ไปเจอกับสถานที่อีกแห่ง ที่เจ้าที่แรงไม่แพ้กัน
มันเป็นช่วงโควิด แต่ผมได้ไปเริ่มงานกับบริษัทผลิตเครื่องสุขภัณฑ์ระดับไฮเอนด์ยี่ห้อหนึ่ง มันเป็นตำแหน่ง Regional Safety Manager ครอบคลุมหลายประเทศ รวมถึงออสเตรเลีย สิงค์โปร์ และนิวซีแลนด์
ผมเริ่มรู้สึกพลังงานบางอย่างระหว่างการถูกพาไปแนะนำตัวให้ทีมผู้บริหารของประเทศไทย ซึ่งเป็นที่นั่งทำงานของผม มันเป็นโรงงานที่สระบุรี
ในห้องประชุม มีผู้ชายชาวมาเลย์เชื้อสานอินเดีย ยืนพูด ปนไปกับการด่าตะวาด ตะคอก คนที่อยู่ในห้องนั้น ซึ่งมีทั้ง ผู้จัดการโรงงานและบรรดาหัวแถว โรงงานนี้มีโรงงานย่อยๆอยู่เจ็ดโรง มีโกดังอยู่ในพื้นที่ใหญ่มากในแก่งคอย เขาด่าคนของเขาพักใหญ่แล้วก็เอ่ยแนะนำว่า นี่คือ Regional Safety Manager คนใหม่ เขามาอาศัยนั่งทำงานที่นี่ แต่งานของเขาไม่เกี่ยวกับเรา ฟังดูคล้ายๆจะกีดกันกูตั้งแต่แรกเลยว่างั้น
โควิด มันทำให้เราไปไหนไม่ได้ ส่วนเราก็อดไม่ได้ที่จะไปเดินดูนั่นดูนี่ ยิ่งเดิน มันก็ยิ่งเห็น ยิ่งเห็นเราก็ยิ่งกังวล ว่าถ้าเป็นแบบนี้ มันจะเกิดอุบัติเหตุเข้าจนได้ ความที่ประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งใต้ปีกเรา อดไม่ได้ที่จะถามและตรวจสอบ เจ้าที่ก็เริ่มไม่พอใจ
พี่ๆ เขา (หมายถึงนายคนนั้นที่ทุกคนกลัว) เขาฝากมาบอก ว่าถ้าพี่นั่งอยู่เฉยๆไม่ได้ เขาจะเตะพี่ไปนั่งที่อินโดนีเซีย
เสียงกระซิบนั่นทำให้ผมโมโหจัด ประจันหน้ากับเขาคนนั้นเข้าอย่างจัง ส่วนเขาก็ถือว่าใหญ่สุดที่นั่น เขาก็ยื่นข้อเสนอว่า เอางี้ละกัน ถ้าคุณอยากเดินดูโรงงานเรา ฉันจะให้ผู้จัดการฉันพาเดิน พูดง่ายๆคือ อย่าเที่ยวไปเดินเพล่นพล่านตามอำเภอใจ ผมก็ยินดี เลยทำเป็นตารางออกมาเลยว่าจะไปดูโรงไหนวันไหน โอแม้เจ้า ตารางของผมมันได้สร้างปรากฏการณ์ทำให้มีการล้างพื้น ทำความสะอาดกันมโหฬาร ก่อนคุณษมนจะเดินโรงงาน
เหตุการณ์ปลูกผักชีมันดำเนินไปพักหนึ่ง มันก็มาถึงจุดที่ปลูกไม่ไหว อยากเห็นอยากดูอะไร เรื่องของมึงเลย
ผมไปเจอการปล่อยน้ำเสียที่ไม่บำบัดออกไปทางรางระบายน้ำ ไหลพลั่กๆ ลงไปในคลอง จากนั้นก็ไปแม่น้ำป่าสัก เจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อม แอบเอารายงานมาให้ดู ก็พบว่า ทำมาตั้งแต่ปี 2019 ปีหนึ่งก็จะปล่อยเดือนละ แปดเก้าครั้ง การเผชิญหน้าเริมปะทุขึ้น ไม่ใช่กับไอ้แขกมาเลย์นั่น แต่เป็นเจ้านายมัน คนอังกฤษ เข้ามาประทะคารมกับผม จนถึงขั้นขู่ว่าจะไล่ออก ผมก็เลยถามไปว่าไล่ออกด้วยสาเหตุอะไร ไม่ใส่ชุดยูนิฟอร์มเนี่ยนะ มันโกรธจนหัวล้านแดงก่ำ เดินกระแทกเท้ากลับไปที่ห้อง (ห้องทำงานผมอยู่ติดๆกับเขา) สักพักเดินกลับมาใหม่ หัวล้านกลับมาเป็นสีชมภูเรื่อๆ น่าจุ๊บสักจ๊วบ กลับมาขอจับมือ ขออภัยที่ใช้อารมย์ แล้วขอร้องผมว่าอย่าไปถือสาไอ้แขกนั่น มันเป็นคนดีหยั่งงั้นหยั่งงี้ มันทำงานจนถุงเท้าหลุด ผมนึกในใจ ส่วนสาวๆที่ทำงานให้มัน ก็ขยันจน เสื้อผ้าหลุด พอกันเลย เฮ้อ คนเล่นของนี่น่ากลัวจัง
ผมเริ่มสอบสวนเรื่องนี้ โควิดยังไม่จบ
วันนั้น เป็นวันที่ผมครบรอบจะได้รับการรีวิวผลการทำหน้าที่กับหัวหน้าที่อเมริกา เขาออนไลน์เข้ามาแวบหนึ่งถามว่า HR มาหรือยัง ผมก็งงว่า Performance Review ทำไมต้องมี HR
วันนั้น ผมถูกเลิกจ้าง โดยเขาแจ้งว่า บริษัทได้ตัดสินใจยุบหน่วยงาน Regional Safety APAC แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องจ้างคุณอีก HR เตรียมเอกสารเลิกจ้างมารอ ผมก็ได้แต่พยักหน้า อือๆ โอเค คืนของก็คือ กุณแจห้องทำงาน กุณแจหอพัก สติกเกอร์ติดหน้ารถ แล้วก็ขับรถกลับบ้าน
ที่นี่เจ้าที่แรง ได้ยินมาว่า มีหัวหน้าสาวๆหลายคนโดนของดำ แต่ก็ได้เลื่อนขั้นเป็นถึง ผู้จัดการไปหลายคน คนไหนมีท่าทีไม่ยอมก็จะถูกคุณไส เสือกไสกดขี่จนอยู่ไม่ไหวก็จะต้องหายหน้าหายตาไป ผมเป็นคนที่กลัวเรื่องเจ้าที่เจ้าทางอยู่ก่อนแล้ว แต่พอมาได้ยิรเรื่องการเล่นของ เสกของดำเข้าตัว ผมนี่กลัวขี้แตกเลย รีบขับรถกลับบ้าน ใจนึงก็นึกขอบคุณ ที่รอดมาได้ โอแม่เจ้า เจ้าที่แรงจริง
วันเสาร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2568
เมื่อ AI ต้องอ่านภาษาไทย
ตอนเด็กๆ เวลาร้องเพลงหน้าเสาธง จะมีอยู่ท่อนหนึ่งที่เราจะต้องตะเบ็งสุดเสียง ตัวตรงแหนว มือทาบข้างลำตัว
"สะหละอะเหลือดทูกหยาดเป็นชาดผี" การเรียนภาษาไทยสำหรับเด็กไทยที่ลืมตาตื่นก็ได้ยินภาษาไทย พูดไทย เพลงไทย ฝันยังเป็นภาษาไทย ก็ไม่ได้ยากอะไร เพราะอาศัยเลียนเสียงเอา พอโดขึ้นมา ก.เอ๋ย ก ไก่ ก็เริ่มเป๋ เพราะหลักการหลักเกณฑ์ภาษาไทยมันยุบยับ ข้อละเว้นมากมาย และความที่ภาษาไทยเป็นภาษาที่ผันเสียงได้มากมาย สูง กลาง ต่ำ มีพยัญชนะ ถึง 44 ตัว ในจำนวนนั้นมีตัวที่ไม่เคยใช้ในชีวิตประจำวันตั้งหลายตัว มีสระ (สะหระ) อะ อา อิ อี อึ อือ มี ลึ ลือ รึ รือ มีการันต์
ที่บอกว่าหลักการเยอะมาก บางครั้งสระก็ล่องหน เหลือไว้แต่เสียง อย่างเช่นคำว่า งง งอโอะโงะ โงะงอ งง แต่คำว่า นว กลับไม่อ่านว่า โนว แต่อ่านว่า นะวะ อย่างคำว่า โรจนะ อ่านว่า โรด จะ นะ แต่พอเติมการันต์บน นอหนู กลายเป็น โรจน์ อ่านว่า โรดเฉยเลย ไม่ยักอ่านว่า โรดจะ ฟังแล้วเป็นไง งะงะไหม (งงหมัย) เอาเป็นว่า ตามความเห็นส่วนตัว ผมว่าภาษาไทยยาก เข้าใจยาก
พอถามเซ้าซี้เข้าก็บอกว่า คำนี้เรายืมเขามา ยืม เขมรมั่ง ยืมบาลี ยืมสันสกฤตมั่ง เอาจริงๆที่เป็นคำไทยจริงๆมีกี่คำ ไม่ใช่ผมคนเดียวที่บ่น เขาบ่นกันทั่วโลก คล๊กเฮีย
สมัยนี้ จะเอาลูกเข้าโรงเรียนอนุบาลที่เป็นโรงเรียนรัฐบาล (รัดถะบาน) พ่อแม่ต้องส่งลูกไปกวดวิชา หนึ่งในนั้นคือภาษาไทย ปัญหาเกิดเลยทีนี้ แค่สะกดคำ ก็ตายแล้ว สระในภาษาไทยมี 21 รูป แต่ทำเสียงได้ 32 เสียง โอ โอ่ โอ้ โอ๊ โอ๋ กู จะ จ่ะ จ้ บ้า แถมบางคำพอสะกดเสร็จ ลูกถามว่ามันตืออะไร
ความหวังว่าลูกจะพูด อ่านเขียนไทย มันดูจะริบหรี่ (คำนี้เอไอมันอ่านว่า หะริบหะรี่) เห็นแล้วปวดกบาล (เอไอมันอ่านว่า ปะวะดกบาล) เรียนเสริมไปหลาย ชม. (เอไอมันอ่านว่า ชม)
พูดไทยคำอิงลิชคำเขาก็ว่าดัดจริต พอถามว่า จะหริดแปลว่าอะร้าย เขาก็ไล่ให้ไปอยู่ประเทศอื่น ข้อหาไม่รักษ์ เอ๊ะทามมายต้องมี สอรึสีการัน(ต์) เขาก็ด่าให้ว่าไอ้โง่ นั่นมันแปลว่า รักษา อ้าว ทามมายไม่เขียนว่า ไม่รักสาไปเล้ยงง
ของบางอย่างถ้ามันยากมาก เด็กรุ่นใหม่มันก็ไม่อยากเรียน มันไม่อยากใช้ มันเลยเกิดคำใหม่ๆที่เด็กๆมันคิดขึ้นมาสื่อสารกัน บางคำก็ฮิตพักหนึ่งแล้วก็หายไปพร้อมๆกับเด็กรุ่นนั้นกลายเป็นคนแก่หัวหงอก อย่างคำว่า หลี เป็นคำฮิตสมัยผมเรียนปีหนึ่ง ขี้หลี ไอ้ขี้หลี สมัยนั้นผมก็ยังไม่เข้าใจลึกซึ้งนัก จนมีเพือนสองคน มันเป็นคู่หูกัน คนหนึ่งมันชื่อไอ้หง อีกคนมันชื่อไอ้หลี ไอ้สองคนนี่ทำให้เราเข้าใจคำว่าหลีดีขึ้น
ภาษาไทยมี แม่หลายแม่ แม่กก แม่กด แม่กง แม่กม แม่เกย แม่เกอว อีแม่สุดท้ายนี่ถ้าเอาไปให้เอไอมันอ่าน มันต้องออกเสียงไม่เป็นเลย สงสารอีสิริ เวลามันพยายามบอกทาง ถนนหลายสายสิริออกเสียงผิดไปหมด อย่าง พหลโยธิน ประดิษฐ์มนูธรรม รามอินทรา บูรพาวิถี
ใครเคยเจอปัญหาเรื่องภาษาไทยในงานเซฟตี้ ก็เล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ
วันจันทร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2568
ติดคุกเพราะชำนาญการ
พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 มีข้อกำหนดมากมายหลายมาตรา รับกันมาเป็นทอดๆ ไล่ไปตั้งแต่มาตรา 4 ที่เขียนนิยามของคำว่า ความปลอดภัยเอาไว้ชัดเจน จนไม่จำเป็นต้องมาเถียงกัน อะไรที่มันเป็นสภาพหรือการกระทำที่จะก่อให้เกิดอันตรายทางร่างกายและหรือจิตใจ มันก็ไม่ปลอดภัยทั้งนั้น ต่อมาก็สำทับด้วยมาตรา 6 หน้าที่นายจ้างและลูกจ้าง ทำให้สถานประกอบกิจการปลอดภัย นายจ้างหัวหมออาจจะตั้งคำถามว่า ทำยังไงให้ปลอดภัย เขาก็เขียนมาตร 8 ดักคอไว้ว่า ให้ทำตามมาตรฐานที่กำหนดในกฎกระทรวง คราวนี้ก็ตบท้ายด้วยบทลงโทษว่าถ้าไม่ทำตามมาตรา 8 จำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนมาตรากระจุกกระจิกอย่างมาตรา 13 ที่ให้ต้องมี เจ้าหน้าที่ความปลอดภัย มีบุคคลากร หน่วยงาน ก็ล้อไปกับมาตรา 16 ที่ต้องให้การฝึกอบรมคนพวกนั้น มาตราเหล่านี้ทำให้นายจ้างยิ้มกริ่มเพราะตัวเองก็แค่ส่งคนไปเรียน ได้ใบเซอร์มาก็จบ ส่วนจะทำหรือไม่ทำนั่นมันเรื่องของอั๊วะ สองมาตรานี้รวมกับมาตรา 20 และมาตรา 21 ทำให้สิ่งที่เขียนในมาตรา 14 ที่บอกว่านายจ้างต้องบอกต้องแจ้งให้ลูกจ้างรู้ถึงอันตรายและมาตรการควบคุมก่อนให้ไปทำงานที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย หน้าที่ในมาตรานี้มันถูกถ่ายไปอยู่บนบ่าของบรรดา จอปอ หัวหน้างานและจอปอบริหาร จอปอเทคนิคและ จอปอวิชาชีพจนหมดแล้ว ยังไงเสียนายจ้างก็คงโดนเล่นงานด้วยมาตรา 14 ค่อนข้างยาก นายจ้างก็แค่ทำหน้าเศร้าแล้วบอกว่า เราให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยมาก แต่น่าเสียใจที่หัวหน้างานและคนงานละเลยไม่ทำตามมาตรการ
ส่วนหน่วยงานราชการก็อ้างได้ว่ามาตรา 32 ที่ให้นายจ้างประเมินอันตราย ศึกษาผลกระทบและทำแผนดำเนินการแผนควบคุมนั้นก็เพียงพอแล้วในการกำกับดูแลในฐานะผู้ถือกฏหมาย มาตรานี้ยังกำหนดให้ต้องมีคนมาลงนามรับรองว่าแผนเหล่านั้นมีประสิทธิภาพ คนๆนั้นเขาชื่อว่า นาย "ผู้ชำนาญการด้านความปลอดภัย"
ผู้ชำนาญการด้านความปลอดภัย ถูกพูดถึงไว้ในมาตรา 32 มาพักใหญ่ๆ จนกระทั่งเมื่อเดือน พฤศจิกายน 2567 ก็มีกฏกระทรวงออกมา กำหนดคุณสมบัติว่าคนที่จะเป็นผู้ชำนาญการความปลอดภัยได้ต้องเป็นยังไง อ่านไปอ่านมา จอปอเทคนิคก็เป็นผู้ชำนาญการได้ด้วยเรอะ โอพระเจ้าช่วยกล้วยทอด นี่มันอะไรกัน แบบนี้ ไม่ต้องมีมาตรา 32 หรอก เพราะมีก็เหมือนไม่มี นายจ้างยิ้มสิครับงานนี้
อยู่ดีๆก็มีคนมาติดคุกแทนตามมาตรา 69 ไอ้คนที่เซ็นรับรองมั่วๆ ข้าพเจ้าได้ตรวจสอบแล้ว เห็นชอบ ระวังให้ดี ไปๆมาๆ ไอ้ที่เขาบอกว่าพวกเซฟตี้นี้แหละต้องติดคุก มันจะกลายเป็นจริงขึ้นมาซะแล้ว ติดคุกเพราะชำนาญการ
มาตรา ๖๙ ในกรณีที่ผู้กระทําความผิดเป็นนิติบุคคล ถ้าการกระทําความผิดของนิติบุคคลนั้น เกิดจากการสั่งการ หรือการกระทําของบุคคลใด หรือเกิดจากการไม่สั่งการ หรือไม่กระทําการอันเป็นหน้าที่ ที่ต้องกระทําของกรรมการผู้จัดการหรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดําเนินงานของนิติบุคคลนั้น ผู้นั้นต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สําหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย
ส่วนผู้ชำนาญการอาจจะโดนข้อหาอื่นๆ เช่น ออกเอกสารอันเป็นเท็จ กระจุกกระจิก ตราบใดที่นายจ้างยืนกระต่ายขาเดียวว่าได้ทำตามที่ผู้ชำนาญการรับรองให้แล้วอย่างครบถ้วน ที่หายหกตกหล่นไปก็เป็นความบกพร่องของหัวหน้างาน ผู้จัดการ และเซฟตี้สุดหล่อปากแจ๋วนี่แหละ

















.jpg)

