วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2557

อีสามตัว


การทำอะไรที่ไม่ปลอดภัย หรือที่เรียกว่าอันเซฟแอกชั่น เป็นพฤติกรรม ที่คนเราเป็นกันทุกคน ที่ทำแบบนั้น มีคำอธิบายได้ว่า

ก็ทำแบบนี้มาเป็นร้อยๆพันๆครั้ง ไม่เห็นเป็นอะไร

ปีนบันได ก็ไม่เห็นต้องมีคนจับ บันไดขะโยกขะเยก ก็ใช้มาเป็นชาติแล้ว ไม่เห็นเคยตก สายไฟแบบนี้ก็ใช้กันทุกที่ ไม่เห็นเคยโดนไฟช๊อตสักที ลงบันได ไม่เคยจับราว แถมโทรศัพท์อีกต่างหาก ไม่เคยตกบันได จะอะไรกันนักกันหนา

เมาแล้วขับ ก็เรื่องธรรมดา ไม่เห็นจะเคยชนใคร แว่นนี่ก็เหมือนกัน ใส่แล้วปวดตา ปวดหัว บีบขมับ คับจมูก ท้องผูก คลื่นใส้ ใข่ดันบวม โอ๊ย รำคาญ  ร้อยทั้งร้อยครับ ถ้าโดนไปสักที จะไม่ทำแบบนั้นอีกเลย

ทั้งหมดนั้น เป็นพฤติกรรม หรือที่เรียกว่า บีเฮฟวิเออร์ Behavior

ภาษาไทยแบบคนคุ้นเคยกัน เรียกว่า สันดาน (น่าจะหมายถึงพฤติกรรมแย่ๆที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำอีกแก้ไม่หาย)

นักวิชาการด้านความปลอดภัย เริ่มหันมาสนใจเรื่องพฤติกรรม กันมานานพอสมควร หลังจากที่ใช้ความพยายามป้องกันอุบัติเหตุ ด้วยมาตรการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องมือ เทคนิคทางวิศวกรรม การฝึกอบรม การออกกฎ ข้อบังคับ

สมัยก่อน ผมเรียกวิธีพวกนี้ว่า ทฤษฎีอีสามตัว 3E

 

ทฤษฎีอีสามตัว เป็นเรื่องที่ผมเขียนลงวารสารบริษัทสมัยอยู่โรงไฟฟ้าเอกชน จั่วหัวเรื่องแบบนี้เลย ส่งให้อีนางสนมของ เจ้านาย นังนี่เป็นผู้จัดการแผนกประชาสัมพันธ์ ปรากฏว่าไม่ถึงครึ่งชั่วโมง มันส่งต้นฉบับกลับมา บอกว่า หัวเรื่อง ไม่สุภาพ อ้าว อีนี่... ก็ตัวอีสามตัวจะให้อ่านยังไง อีสามตัวไม่สุภาพตรงไหน
·       อีแรก คืออีเอ็นจิเนียริ่ง Engineering คือวิศวกรรม
·       อีที่สองคืออีเอ็ดยูเคชั่น Education การให้ความรู้ การศึกษา
·       อีที่สามคืออีเอ็นฟอร์ซเม้นท์ Enforcement คือการใช้กฎกติกา
 
อีเวรนี่ ไม่ทันอ่าน ตีเรื่องกลับ จะเอาเรื่องที่เป็นวิชาการเซฟตี้ ก็นี่งัยอีหอก นี่แหละวิชาการสำคัญเลยนะมึง (สมัยก่อนนั้นผมปากจัดมาก จำได้ว่าอีนี่โดนผมด่าเป็นหมันไปเลย) มันไม่เอาเรื่องผมไปลง ตัดเรื่องผมออก แล้วไปเขียนคอลัมน์เอง เลาะรั้วโรงงาน มีแต่เรื่อง หมาเจ้านายชื่อนั้นชื่อนี้ อู๊ย น่ารักอย่างนั้นอย่างนี้ แหวะ ใครอยากรู้วะ ว่าหมาเจ้านายชื่ออะไร มันชอบแดกใส้กรอกบีเคพี อีควาย (ขออภัย พูดถึงอีนี่แล้วมันเดือดดาล  พุทโธ ไว้ เย็นไว้ หายใจเข้า พูธ หายใจออกโธ)
 
กลับเข้าเรื่องดีกว่า ทฤษฎีอีสามตัวเหมือนว่าจะเอาอยู่ อย่างอันตรายจากการข้ามถนน มีอันตรายเกิดจากรถราขวักไขว่ ชนคนก็ตาย ชนกันเองก็พัง แก้ด้วยวิธีวิศวกรรมทำยังไง ก็สร้างสะพานลอยไง  สะพานลอยนี่เป็นวิธีทางวิศวกรรมที่ผมไม่ค่อยเห็นในประเทศไหนๆ ที่เมืองไทยนี่เยอะสุดแล้ว กะว่าสร้างสะพานลอยเสร็จ ผู้คนจะข้าม จะใช้มัน แต่เปล่าเลย วิ่งข้ามถนนเหมือนเดิม สะพานลอยกลายเป็นที่สำหรับขอทาน หรือพวกโจรขโมยใช้ทำมาหากิน

สะพานลอยไม่เวิร์ค คนยังวิ่งข้ามถนนใต้สะพานลอย ผู้บริหารหัวเหม่ง ไม่ท้อถอย วิ่งข้ามถนนใต้สะพายลอยใช่มั๊ย ทำราวกั้นเลย ทำรั้วกั้น ยาวไปเลย ทำเสร็จแล้วเป็นไง  มันปีนข้ามรั้ว วิ่งข้ามถนนใต้สะพานลอยเหมือนเดิม รถชนตายท่าเดิมเลย

ทีนี้ก็รณรงค์กันเป็นการใหญ่ ใช้อีตัวที่สอง เอ็ดยุเคชั่น ให้ความรู้ ทำป้ายโฆษณา แล้วงัย ... ทั้งเด็กผู้ใหญ่ นักเรียนนักศึกษา ครูบาอาจารย์ ปีนรั้ว วิ่งข้ามถนนใต้สะพานลอย เช่นเดิม

ใช้อีตัวสุดท้าย Enforcement เอาตำรวจมาไล่จับไล่ปรับ เอาจ่าเฉยมาตั้ง เอากล้องมาติด โอ้ว แม่เจ้า... ประเทศสาระขันธ์นี่ สามอียังเอาไม่อยู่ เลยต้องยึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญ ปฏิรูปประเทศกันยกใหญ่ (ไปนู่นได้ยังไงนะเรา)
 
ทฤษฎีเขาน่ะดี ครับ แต่ไม่สามารถเข้าถึงพฤติกรรมคนไทย เมื่อสักครู่ผมแปลว่าไงนะครับ อ๋อ ไม่เข้าถึงสันดานคนไทย ครับๆ ทำนองนั้น เพราะว่าทฤษฎีทางพฤติกรรมมันละเอียดอ่อน น่าสนใจ มาถึงตรงนี้ เลยจะเล่าให้ฟัง ว่า มีทฤษฎีอะไรบ้าง ที่เกี่ยวกับพฤติกรรม Behavioral Science

เอาจากเก่ามาหาใหม่เลยนะครับ
ทฤษฏีเอ็กซ์วายแซท XYZ บางคนงงๆ ทฤษฏีอะไรวะ ฟังดูเหมือนหนังเอ๊กซ์  ไอ้นี่ก็เหมือนกัน เมืองนอกมันไม่รู้จักกันหรอก หนังเอ๊กซ์ เอ๊กซ์มูฟวี่ ไปหาซื้อ ฝรั่งมันงง มันคิดว่ามันฝรั่งทอดกรอบ
ทฤษฎีเอ็กซ์วายนี่ ค้นพบโดยฝรั่ง (คนไทยเรียกชาวต่างชาติว่าฝรั่ง น่าจะเพี้ยนมาจากคำว่า ฟร้านซ (France) พวกฝรั่งเศษ หรือพวก ฟร้านเซส ทำนองนั้น ไอ้ฝรั่งนี่มันชื่อว่า ดั๊กลาสแมคเกรเกอร์ ค้นพบเมื่อปี 1960 ก่อนผมเกิดห้าปี ตอนนั้นผมคงยังเป็นสัมภเวสีอยู่มั๊ง ไอ้นี่มันบอกว่า คนเรามีสองแบบ คือพวกเอ็กซ์ เป็นคนจำพวกขี้เกียจมาแต่อ้อนแต่ออก ใช้คำว่า อินเฮียร์เร้นทลี่ คือเกิดมาก็มีขี้ติดมาเลย เรียกขี้ชนิดนี้ว่าขี้เกียจ
ดั๊กลาสบอกอีกว่า พวกนี้ไม่ชอบทำงาน จะต้องคอยกำกับบังคับบัญชา กันอย่างใกล้ชิด เผลอเป็นหลับ ขยับเป็นแดก ทำนองนั้น เทคนิคการบริหารพวกเอ็กซ์ก็ต้องใช้การลงโทษ ถึงจะเอาอยู่ แบบว่า ออกมาชูสามนิ้วใช่มั๊ย  ไปจับไปอาบน้ำกันในค่ายทหาร พวกนี้ต้องเจอท่าเก็บสบู่ อะไรทำนองนั้น
อีกพวกหนึ่งคือพวกวาย คนแบบนี้เป็นประเภททะเยอทะยาน กระเหี้ยนกระหือ กระตือรือร้น พวกบ้าพลังอย่างเจ๊เนตรนี่แหละ

คนแบบวาย การทำงานมันโคครสนุก เหมือนเล่น ไม่เคยเบื่อ เลย ต่างกับพวกเอ๊กซ์ ไอ้พวกนี้ ขนาดให้เล่น จัดงานปีใหม่ งานแฟมิลี่เดย์ ไอ้พวกนี้ยังเบื่อเลย ขนาดไม่ได้ทำงานนะ โฮ่ๆๆๆ โดนละดิ โดนหลายคนเลย พวกวายนี่ ขืนทำโทษ โกรธจนลูกบวช แต่ถ้าชมนิดชมวันละหน่อย พวกนี้ทำตายเลย มันบ้ายอ
 
ริงๆแล้ว ไอ้ดั๊กลาสมันค้นพบทฤษฎีนี้ทีหลังปู่ย่าตายายเราเสียอีก ทฤษฎีรักวัวให้ผูกรักลูกให้ตีรักสามีให้หยิก รักกิ๊กให้มือถือ เราเจอก่อนมันอีก
ทฤษฎีในการสร้างแรงจูงใจของดั๊กลาสเกิดขึ้นและต่อยอดมาจากทฤษฎีของ อับบราฮัม มาสโลว์ 1943 ที่บอกว่า มนุษย์เราเนี่ย จะมีแรงจูงใจทำอะไรก็ต่อเมื่อความต้องการในแต่ละขั้นๆได้รับการตอบสนองก่อน
 
ความต้องการขั้นต่ำสุดของมนุษย์ก็คือ ความต้องการทางกายภาพ ท้องต้องอิ่ม มีน้ำดื่ม มีที่หลับนอน มีที่ขับถ่าย ถ้าคนยังหิว ไม่มีบ้าน ไม่มีส้วม ไม่มีเซ็กซ์ ไม่ได้สืบพันธุ์ จะไปบอกมันบอกว่า เฮ๊ย ใส่แว่นนะ ใส่เอียร์ปลั๊กดิ ใส่เซฟตี้ฮาร์นเนสนะ มันไม่สนหรอก บริษัทก็เหมือนกัน ยอดขายไม่ดี กำไรไม่มี ขาดทุนทุกเดือน โบนัสไม่มี จะให้ทำเซฟตี้ ฝันไปเถอะ
 
ความต้องการขั้นแรกได้รับหมดแล้ว มีบ้าน มีรถ มีเมีย คราวนี้ก็เรื่องความปลอดภัย บ้านก็ต้องปลอดภัย กันฝนกันแดด ร้อนไปใช่มั๊ย ซื้อฝ้าตราช้างมาติดดิ ดีนะ ของเค้าดี มีงานมีการทำ สภาพจิตใจ สภาพร่างกาย ดี พวกนี้ ให้ทำเซฟตี้ เขาก็เอา
ขั้นต่อมา ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง พวกนี้เริ่มแสวงหาเพื่อนฝูง บางคนนั่งดูเฟสบุคทั้งวัน ใครส่งอะไรมา กูยังไม่อ่านเลย กดไลค์ไปก่อน เพื่อนจะได้รัก พวกที่มีเมียแล้วตอนขั้นที่หนึ่ง ก็เริ่มหารักแท้ ความสุขสมทางเพศ จากคู่รักใหม่ คนไทยเรียกกิ๊กกั๊ก
มีครบหมดแล้ว ขั้นเอสตีม พวกนี้ เริ่มแสวงหาความภาคภูมิใจ อย่างเล่นการเมือง เป็นนายก ไปไหนมีแต่คนยกมือไหว้ ใครๆนับหน้าถือตา มือเป็นฝักถั่ว (บางคนยกนิ้วกลางให้ยังคิดว่ามันยกมือไหว้เลย รับไหว้ปะลกปะลก
ขั้นต่อมา พวกที่แสวงหาความสุขสุดยอด ทำอะไรแปลกๆ เช่น กระโดดร่มดิ่งพสุธาตอนอายุเก้าสิบแปด ดำน้ำแต่งงานกลางทะเลลึก แสวงหาโมกขธรรม หาทางบรรลุจุดสุดยอดทางใจ (ต่างกับพวกแรกนะครับ ไอ้พวกแรกมีวิธีถึงจุดสุดยอดเหมือนกัน แต่สุขไม่เท่ากัน พวกนั้นมันสุขแปบเดียว)
ทฤษฎีมาสโลว์นี่ ผมใช้บ่อยๆ บางทีเห็นพวกฝรั่งเอามาใช้แล้วขัดใจ เพราะเวลาจะให้รางวัลคนงาน พวกฝรั่งบอกว่า อย่าไปแจกของ แจกเงิน แจกมาม่า แจกกาแฟ เดี๋ยวจะเคยตัวแบบทฤษฎีเอ็กซวาย ให้แจกเป็นใบประกาศนียบัตร สงสารคนงาน รับรางวัลเซฟตี้ดีเด่น ได้ใบประกาศไปใบหนึ่ง พอถึงบ้าน พ่อๆ ได้อะไรมา พ่อบอก นี่งัย กระดาษนี่ เอาไป(แดก) มันไม่ใช่ง่ะ ให้รางวัลไม่ตรงความต้องการ แรงจูงใจมันไม่เกิด กูรู้ ไม่ให้โบนัสแต่ให้ใบประกาศ เพราะพวกมึงขี้ตืด อย่ามาอ้างส่งเดช ไอฟาย (ต้องให้หลวงพี่สั่งสอนอีกสองป๊าบ ไอ้พวกนี้)

 
ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องพฤติกรรมอย่างชัดเจน จะทำให้เราแก้ปัญหาความไม่ปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสุดท้ายแล้ว พฤติกรรมที่ปลอดภัยที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆในองค์กร ก็จะทำให้เกิดสภาพหรือบรรยากาศการทำงานที่คนหมู่มากทำตามๆกัน อย่างปลอดภัย เหมือนอย่างเรื่องลิงห้าตัว ไว้วันหลังจะมาขยายความตรงนี้ต่อ วันนี้เอาไว้แค่นี้ก่อน
 
ษมน รจนาพัฒน์
December 18, 2014
 
 
 
 
 
 
 

 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ติดคุกเพราะชำนาญการ

 พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 มีข้อกำหนดมากมายหลายมาตรา รับกันมาเป็นทอดๆ ไล่ไปตั้งแต่มาตรา 4 ที่เ...