แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ การทำงานบนที่สูง แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ การทำงานบนที่สูง แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

บอกแล้วว่าอย่าตก ไอ้ตูดเอ๊ย

 

สมัยทำงานเป็น Regional HSE Leader Asia Pacific- แหม ชื่อตำแหน่ง ฟังดู บะเฮิ่มเทิ่มดี ดูแลโรงงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ครอบคลุมประเทศ ไทย เวียดนาม เกาหลีใต้ อินโดนีเซียและจีน รวมๆแล้ว 15 โรงงาน แต่ละโรงงาน มีสภาพไม่แตกต่างกัน ถ้าจะจัดลำดับความเพียบพร้อมของระบบการบริหารจัดการ ก็ไล่ไป ตั้งแต่ ทุเรศทุรัง...ห่วยแตก...พอเอาได้...ไม่ขี้เหร่...เท่ห์ขั้นเทพ

โรงงานที่อินโดนีเซียจัดอยู่ในขั้น ทุเรศทุรัง น่าสมเภทเวทนา

ฝนตกมาแต่ละที หลังคารั่ว ตู้ไฟฟ้าที่สัปปะรังเคก็ถูกน้ำฝนไหลเข้าไป พื้นโรงงานเจิ่งนองเป็นท้องทุ่ง เราก็จัดการกระแซะจนกระทั่งได้งบมาก้อนหนึ่งเพื่อเปลี่ยนหลังคา ตอนนั้น ทั้งผู้จัดการโรงงานและเซฟตี้เอวเด้ง (ไอ้นี่เต้นรุมบ้า เอ็วกระดิ๊กๆ มันเก่งมาก) ล้วนดีอกดีใจ ที่ปัญหาคาราคาซังมาเป็นชาติจะได้รับการแก้ไขซะที เห็นมะ ตำแหน่งใหญ่เนี่ยมันดียังงี้แหละ ชี้อะไรมันก็ได้ตังค์ ถ้าเป็นเซฟตี้ตัวเล็กๆ ขนาดเอานิ้วยัดเข้าไปในเครื่องจนกุดทั้งห้านิ้วแล้วบอกว่า เครื่องจักรไม่มีฝาครอบ มันก็ไม่มีใครสนใจ แถมถูกไล่ออกอีกข้อหาทำให้เกิดอุบัติเหตุ
พอได้งบมา ก็จัดแจงพูดคุยวางแผนงานเปลี่ยนหลังคา หลังคาโรงงานเป็นกระเบื้องซีเมนต์ที่มีแอสเบสทอสผสมอยู่ มันเก่างั๊ก หลังคาทรงจั่ว ชันประมาณสักสามสิบองศา เพราะฉะนั้น ความเสี่ยงเฉพาะหน้าก็คือ ความเสี่ยงจากการตกจากที่สูง ก็ราวๆ 14 เมตร เพราะกระเบื้องมันผุ แถมพวกแป พวกคานบางจุดก็ผุ มิหนำซ้ำ แอสเบสทอส ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะควบคุม
คุยขั้นตอน เกี่ยวกับระบบป้องกันตก (Fall Protection) กำหนดทางขึ้น ทางลง เรื่องการทำ Safe Working Platform เพื่อการขึ้นลง และการลำเลียงวัสดุ คุยกันเรื่องระบบ Fall Arresting System อธิบายขั้นตอนการติดตั้ง ABCD-E, Anchoring Point, Body Harness, Connectors, Decererating device และ Emergency Rescue. บ๊ะ!!.. กับว่าต่างเข้าใจทะลุปรุโปร่ง
พอเรากลับไปอีกที เลี้ยวรถเข้าประตูโรงงาน แหงนไปดูบนหลังคา อุ๊ย จะว๊าย แม่เจ้าโว๊ย!! หัวใจจะวาย มีคนบนหลังคา วิ่งไปวิ่งมา บ้างก็ลำเลียงกระเบื้องใหม่ขึ้นไป บ้างแบกกระเบื้องเก่ามาวางบนไม้ไผ่คู่หนึ่งที่พาดจากหลังคาถึงพื้นใช้เป็นสะพานกระดานลื่น แผ่นกระเบื้องเก่าไหลพรวดเดียวแตกกระจายฝุ่นตลบ
เลยให้ผู้จัดการโรงงานและเซฟตี้เอ็วอ่อน เรียกคนทั้งหมดลงมา สอบถามได้ความว่า ทั้งผู้จัดการและผู้รับเหมา เห็นตรงกันว่า ไอ้ระบบที่ยูแนะนำไว้นั่นนะ ใช้ไม่ได้ ไม่น่าจะมีใครตกหรอก โอ้ว !!
ก็เลยเรียกคนทั้งหมดมาเข้าแถว แล้วขอร้องไอ้เซฟตี้เอวอ่อนแปลเป็นภาษาบาฮาซาห์อินโดให้ นึกในใจ ถ้ากูพูดบาฮาซาร์ได้ละมึง กูด่าแหลก
เอาละ ใครไม่อยากใส่เซฟตี้ฮาร์นเนสและเกี่ยวสายกันตกกับไลฟ์ไลน์บ้าง มันยกมือพรึ่บ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เวลาพวกชวายิ้มเนี่ย มันดูแปลก มันยิ้มเหมือนไอ้เท่งในหนังตะลุง
เอาละ ในเมื่อพวกยูไม่อยากใส่อุปกรณ์ที่จะป้องกันไม่ให้ตกถึงพื้น ฉันเข้าใจ แหม คราวนี้มันยิ้มใหญ่กว่าเดิม
เอาละ แต่ปัญหามันมีอยู่ว่า สภาพที่พวกยูกำลังเผชิญอยู่ มันเสี่ยงต่อการตก ถ้าเหยียบไปโดนแผ่นผุๆ ร่วงปุ๊เดียวสิบสี่เมตร ใช่มั๊ย พวกนั้นพยักหน้าเป็นภาษาบาฮาซาร์
เอาละ พวกยูจะไม่ใส่อุปกรณ์ป้องกันตกก็ได้นะ แต่มีข้อแม้ข้อเดียว คราวนี้มัยยิ้มราวกับเทวดามาโปรด
พวกยู บินได้มั๊ย ทำท่ากระพือปีกให้มันดู เงียบ จ้องหน้าปะล่อกปะแล่ก พวกยูฟังไม่ผิดหรอก ใครบินได้มั่ง เพราะคนที่บินได้ เวลาตก ก็แค่กางปีก กระพือพั่บๆ บินขึ้นแล้วค่อยๆร่อนลงจอด พวกยูกตกกี่ทีก็ไม่ตาย
เอาล่ะ เดี๋ยวจะทดสอบว่าใครบินได้และบินเก่ง จะไม่ต้องใส่อุปกรณ์ป้องกันตก ว่าแล้วก็ต้อนไอ้พวกนี้ไปที่แพลทฟอร์ม บอกให้ขึ้นไปกระโดด บินให้ดู สุดท้าย ไม่มีใครบอกว่าบินได้สักคน
ส่วนไอ้ผู้จัดการโรงงาน กับไอ้เซฟตี้หัวขวดเอ็วอ่อน เผ่นแนบ ไปหลบในออฟฟิส เพราะกลัวถูกจับมาบินให้ดู
ใครอยากรู้ว่าตัวเองต้องใส่หรือไม่ต้องใส่อุปกรณ์กัยตก ถามตัวเองซะก่อน ว่าบินได้มั๊ย
 
การทำงานบนที่สูง ป้องกันก่อนการตกให้ได้ ถ้าป้องกันไม่ได้ มันจะต้องตกไม่ถึงพื้น แค่นั้นแหละ มันยากตรงไหนวะ
อยากรู้ว่าฟิสิกส์ของการตกเป็นยังงัย ไปอ่านในบล๊อกแรกๆ เขียนไว้ ไม่มีใครอ่าน อ่านเองก็ได้วะ หุๆ เรื่องเซฟตี้ ในภูมิภาคนี้ ห่วยแตกทุกประเทศ ยกเว้นเกาหลีใต้ มันรวย ส่วนประเทศอื่น ยังวนเวียนอยู่ในวงจร โง่ จน เจ็บ เหมือนกันหมด เฮ่อ
 


วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2557

อธิบายสูตรฟิสิกส์ให้กรรมกรฟัง

ผู้บริหารบางคน อาจจะคิดว่า พวกเซฟตี้ นี่มันเงินเดือนแพง ก็แหงละ งานที่พวกเซฟตี้ทำ มันโคตรยาก ขอบอก

  • ทำให้คนไม่ขึ้นไปทำงานบนที่สูง โดยไม่จำเป็น ถือเป็นเรื่องยากในลำดับที่หนึ่ง

  • ทำให้เขาเชื่อว่า การขึ้นไปทำงานบนที่สูงนั้นมีความเสี่ยงต่อการตกจากที่สูง เป็นความท้าทายในลำดับที่สอง

  • ทำให้เขาเชื่อว่าการตกจากที่สูงแล้วจะนำมาซึ่งการบาดเจ็บที่รุนแรง อาจพิการ แขนขาหัก หรือถึงตาย ถือเป็นความยากในลำดับที่สาม

  • ทำให้เขาใส่อุปกรณ์ป้องกันตกแล้วกระแทกพื้น ถือเป็นความยากอันดับที่สี่

  • ทำให้เขาใส่อุปกรณ์แล้วคล้องเกี่ยวกับจุดรับน้ำหนักตลอดเวลาถือเป็นความยากอันดับที่ห้า

 

บริษัททั้งหลาย ที่มีนโยบายความปลอดภัย เขียนเป็นท่วงทำนองที่ว่า เราจะถือว่าเรื่องความปลอดภัยเป็นเรื่องที่มีความสำคัญสูงที่สุด อะไรทำนองนี้ ต้องถือว่ากล้าหาญชาญชัยมาก ผู้บริหารที่เขียนและเซ็นลงนามในนโยบายนั้นสมควรได้รับการยกย่อง ช่างกล้ามาก เพราะเขียนแบบนี้ พอเอาเข้าจริง ไอ้คนที่อยู่รองๆลงมา มันไม่เอาไปปฏิบัติหรอก อย่างในรูป ถามว่าที่กำลังทำอยู่นั้นปลอดภัยหรือไม่ คำตอบที่ได้ก็จะมีหลากหลายมาก ถ้าไปถามผู้จัดการที่เป็นคนสั่งให้ไอ้กร๊วกนี่ขึ้นไป เขาก็คงจะตอบว่า โฮ่ย แค่นี้ ไม่ตายหรอก หรือไม่ก็ โฮ่ย ขึ้นไปแป๊บเดียว หรือไม่ก็ เสียเวลาตายห่า มัวแต่ไปหาบันดงบันได ไม่ต้องทำมาหาแดกกันแล้ว ครับ นั่นแหละ เพราะเซฟตี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดของเขา แม้มันจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุดของซีอีโอของบริษัทก็ตาม เรื่องของมึง

จะว่าไป ที่ผู้จัดการคนนี้ตอบก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะว่า สถานที่แห่งนี้ ไม่มีอุปกรณ์ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก จะไปหาบันได หรือแพลทฟอร์มที่มีบันได มีราวกันตก มีล้อเข็นไปมาได้ มันก็ไม่มี ของบประมาณไปก็ถูกตัดเหี้ยน เพราะฉะนั้น ความปลอดภัยในการทำงานบนที่สูงมันต้องต่อยอดจากนโยบายที่ว่านั่น แล้วลงมือตรวจสอบดูว่า มีงานตรงไหน แบบไหน ที่คนต้องทำงานบนที่สูง แล้วจัดให้มีอุปกรณ์หรือสิ่งป้องกัน เช่น ทำทางขึ้นทางลง มีราวกันตก มีแท่นยืนทำงาน ที่ปลอดภัย เพราะการมีสิ่งเหล่านี้จะทำให้การต้องทำงานบนที่สูงมีความปลอดภัยมากที่สุด

 





คนส่วนใหญ่ มักจะโต้แย้งว่า ขึ้นไปทำแป็บเดียว ไม่เสี่ยงหรอก ไม่ตกหรอก เรื่องนี้ต้องอธิบายกันยาวครับ



สิ่งแรกที่ต้องทำให้เข้าใจก็คือ ที่ว่าแป็บเดียว ไม่ตกหรอก นั้นไม่จริง ความจริงก็คือ การตกจากที่สูง ใช้เวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที ที่เขาจะตกถึงพื้น



ตามหลักฟิสิกส์ มีสูตรคำนวณหาความเร็วในการที่นายคนนี้จะตกถึงพื้น เป็นเท่าไหร่ คือ



V = (V02+2gs)1/2 หรือ V = √ (V02+2gs)


V = ความเร็วตอนที่นายคนนี้ตกกระแทกพื้น

V0 = ความเร็วเริ่มต้นก่อนที่เขาจะตกลงมา ซึ่งมีค่า เท่ากับ 0

g = ความเร่งอันเนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลก มีค่า = 32.2 ฟุต/วินาที2

s = ระยะทางที่เขาร่วงลงมาถึงพื้น

แทนค่าสูตร เอาเป็นว่า ตู้นี้สูง 9 ฟุต กว้าง 9 ฟุต ยาวหรือลึก 20 ฟุต วางอยู่บนหางพ่วง สูงประมาณ 5 ฟุต เพราะฉะนั้น ระยะที่เขาจะตกถึงพื้นก็เท่ากับ 9+5 =14 ฟุต


V= √0 +2(32.2)(14)

V = 30.01 ฟุต/วินาที


นั่นหมายความว่า แค่กระพริบตา นายคนนี้ก็ตกถึงพื้นแล้ว จะจับจะฉวยอะไรไม่ทันหรอก



แล้วถ้าตกกระแทกพื้น ทำให้ปูนตรงนั้นยุบไป ¼ นิ้ว ลองคำนวณดูซิว่า นายคนนี้กระแทกพื้นด้วยแรงเท่าไหร่ ตามสูตรคำนวณ



F1 = Wa / g = WG



F1 = แรงที่นายคนนี้จะกระแทกกับพื้น



W = น้ำหนักตัวของนายคนนี้ เอาเป็นว่าประมาณ 190 ปอนด์



G = ความเร่งเนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลก เท่ากับ 32.2 ฟุต/วินาที2



a = ความหน่วง หน่วยเป็น ฟุต/วินาที2



G = แรงที่เรียกว่า G-Force



ก่อนอื่น เราต้องรู้ค่า ความหน่วงหลังจากกระแทกพื้นเสียก่อน อย่างที่บอก เขาตกกระแทกพื้น ปูนยุบไป ¼ นิ้ว เอาไปแทนค่าในสูตร



a = V2/2d


a = ความหน่วง หน่วยเป็น ฟุต/วินาที2



V = ความเร็วตอนที่นายคนนี้ตกกระแทกพื้น



d = ระยะทางที่เกิดความหน่วง ในที่นี้เราประมาณว่า ¼ นิ้วที่ปูนยุบไป



เพราะฉะนั้น



a = (30.1)2 / 2(1/4*1/12)



a = 21,744.24 ฟุต/วินาที2



เอาแทนค่าในสูตรคำนวณแรงกระแทก จะได้เท่ากับ



F1 = Wa/g = 190 * 21744.24 /32.2 = 128,304.5 ปอนด์



แรงกระแทกมหาศาลขนาดนี้ กระดูกกระเดี้ยวไม่หัก ไม่แตก ก็ไม่รู้จะว่ายังงัย อยากรู้ไหมว่าเขาจะตกถึงพื้นด้วยเวลากี่วินาที ลองคำนวณดูครับ



t = √ 2s/g


t = เวลาที่ใช่ในการร่อนลงกระแทกพื้น



s = ระยะทางที่เขาร่วงลงมาถึงพื้น มีค่า 14 ฟุต



g = ความเร่งอันเนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลก มีค่า = 32.2 ฟุต/วินาที2



แทนค่าดู

t = √ 2*14 /32.2



t = 0.9 วินาที



พอจะขยับปีกบินทันไหม

หาแรง G = a/g = 21744.24/32.2 = 675 แรงพอจะทำให้คอหักได้ไหม


นี่คือเหตุผลว่า คนที่ใส่ฮาร์นเนสขึ้นที่สูง แล้วไม่คล้องเกี่ยวอะไร ชอบอ้างว่าแป็บเดียวเอง ส่วนใหญ่ไปเฝ้ายมบาลด้วยเวลาเพียงแค่ไม่ถึงวินาที สูตรนี้เอาไปคำนวณดูเล่นๆก็ได้ สำหรับคนที่อยากโดดตึกตาย สมมติตึกสูงสิบชั้น ก็ประมาณ 100 ฟุต ลองแทนค่าดูว่าใช้เวลากี่วินาที คุณจะตกถึงพื้น นานพอจะส่งไลน์มั๊ย

ที่สาธยายมามากมาย ก็เพื่อให้เข้าใจว่า การทำงานบนที่สูงอย่างปลอดภัย มันมีหลักที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ดังต่อไปนี้

1. ถ้าไม่จำเป็น หรือหลีกเลี่ยงที่จะต้องทำงานบนที่สูงได้ ก็ให้หลีกเลี่ยง เช่นนำงานมาเตรียมข้างล่าง ประกอบเสร็จแล้วค่อยยกขึ้นไป เป็นต้น

2. ถ้าจำเป็นต้องขึ้นที่สูง ที่นั้นจะต้องมีสภาพที่เรียกว่า Safe Working Platform นั่นคือมีทางขึ้นทางลงที่ปลอดภัย กล่าวคือขึ้นลงได้อย่างปลอดภัย ไม่ใช่ปีนป่ายข้างๆนั่งร้าน แบบนั้นเขาไม่เรียกว่าการขึ้นลงอย่างปลอดภัย มีราวกันตก มีราวจับ เพื่อให้สามารถจับได้เวลาเดินขึ้นเดินลง ที่เรียกว่า Three Points of Contact และต้องปูพื้นเต็ม ไม่มีร่องมีรูที่จะตกลงไปได้ พูดแบบนี้ก็พอจะนึกออกว่า นั่งร้านแบบไหว้เจ้า หรือขอไปที ไม่เข้าข่ายที่ว่านี้เลย เพราะฉะนั้นได้โปรดอย่าทำ

3. ถ้าเมื่อไหร่ที่ต้องออกไปนอก Safe Working Platform และมีลักษณะการทำงานที่เสี่ยงต่อการตก จะต้องมีอุปกรณ์ป้องกันการตกที่เรียกว่า Fall Arresting Device เช่นฮาร์นเนส และที่สำคัญต้องคล้องเกี่ยวกับจุดยึดรับน้ำหนักที่ได้มาตรฐาน อุปกรณ์เหล่านี้ต้องได้รับการตรวจสอบ

4. คนที่ใช้อุปกรณ์เหล่านี้ต้องได้รับการฝึกอบรมให้เข้าใจวิธีใช้ที่ถูกต้องและปลอดภัย


สรุปง่ายๆ

คุณและลูกน้องของคุณ หรือผู้รับเหมาของคุณจะไม่ต้องทำในสิ่งที่ผมพูดเลยแม้แต่ข้อเดียว ถ้า “คุณบินได้”

ตามสบายเลย พ่อคุณพ่อทูนหัว พ่อยอดขมองอิ่ม เอาเลยคร๊าบ เต็มที่เลยคร๊าบ

ประวัติศาสตร์เซฟตี้

 Abraham Maslow พูดถึงเซฟตี้ไว้เมื่อปี 1943 ว่าลำดับขั้นของความต้องการของคนนั้นมีอยู่เป็นลำดับๆ เริ่มตั้งแต่ความต้องการพื้นฐาน อย่างอาหาร อา...