วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2567

วัฒนธรรมเน้นเปลือก

เห็นกำลังรณรงค์กันมากมายเกี่ยวกับ "วัฒนธรรมความปลอดภัย"



ก็เลยอยากจะแจมกับเขาบ้าง ในฐานะคนในวงการ (ทำไม ไม่เขียนว่า ถานะ หรือทำไมเขียนว่า สถานะ) เห็นมั้ย แค่คำศัพท์ในภาษาพูด ภาษาเขียน คนไทย (หรือว่า คนไท คำไหนถูกใจ คำไหนถูกต้อง) 

ประเทศไทย ใช้คำว่า วัฒนธรรมเยอะมาก แต่มักจะออกไปในแนว

พิธีกรรม พิธีการ ซึ่งก็จะต่อท้ายไปหน่อยว่า ได้รับการสืบทอดกันต่อๆมา ตอนหลังก็เริ่มเสียงแตกว่า ไอ้ที่สืบทอดกันมามันก็ไม่ได้ดีไปเสียทั้งหมด บางอย่างก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอ้คนทำคนแรกนั้นมันคือผู้ใด ทำไปทำไม กูทำตามก็ยังงงๆว่าทำไปทำไม พอจะนึกออกมั่งมั้ยวัฒนธรรมแนวนี้  ในงานเซฟตี้นี่เยอะเลย เช่น จะซ้อมดับเพลิงที วิ่งหาเช่าวิทยุ หาซื้อหมวกสีทอง เอาให้บรรดานายๆเขาใส่ทำท่าแอ็คชั่น เวลาถ่ายรูปจะได้ดูสวย พิธีปลูกต้นไม้ มีกระบวยผูกโบว์ พิธีเปิดงานสัปดาห์ความปลอดภัย หูยๆๆๆๆใส่หมวก สายรัดคางเป๊ะ ใส่แว่น ใส่เสื้อสะท้อนแสง หนักๆเลยก็ใส่แมส เดินเปิดงานในห้องแอร์ กูจะบ้า  ไปตรวจงาน อีคนตรวจใส่ครบ คนถูกตรวจไม่ใส่อะไรเลย ดีนะที่ยังมีเสื้อ กางเกง 

เน้นแบบแผน อันนี้ก็ไม่รู้แผนใคร แผนอะไร มีแผนแล้วไงต่อ เคยไปดูมั่งมั้ยว่า เอาไป Implement มั่งมั้ย มีงบให้เค้ามั้ย เอาเข้าจริงก็ แพลนนิ่ง (แพลนที่อยู่นิ่งๆ)

เคารพผู้หลักผู้ใหญ่ หัวหงอกหัวดำให้มันรู้มั่ง ใครเป็นใคร เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าสะเออะ ข้อนี้ ผมเห็นวัฒนธรรมคลานเข่า เข้าไปหา ผจ.โรงงาน เห็นแล้วช็อก ยิ่งบริษัทที่มีอายุยาวๆมาตั้งแต่เลิกทาสใหม่ๆด้วยแล้ว เห็นแล้ว บรื๋อ ความจริงแล้วประเทศที่เขาเจริญมากๆ คนของเขาเท่าเทียมกัน ในเรื่องความคิดความอ่าน ไม่ได้หมายความว่าคนหัวหงอกจะฉลาดกว่าเด็กหัวดำ เก็ทมั้ย เดี๋ยวนี้เด็กๆมันก็หัวขาวกันเยอะแยะไป มันย้อมกันได้  

เลือกปฏิบัติ คนไทยมีกฏหมายมากมาย แต่เอาเข้าจริง มันมีมาตรฐานว่า คุณรู้จักใครใหญ่ๆโตๆ คุณนามสกุลอะไร หลังๆมานี่นามสกุลมันตั้งให้หรูหราอลังการได้ ก็ต้องดูว่าคุณขับรถอะไร หิ้วกระเป๋าอะไร ใส่นาฬิกาอะไร บางโรงงานประกาศกฏ Life Saving Rules แต่พอเอาเข้าจริง พอนายๆทำผิดก็ติดอ่าง อึกๆอักๆ ไม่กล้าเอาออก ที่โดนก็พวกบรรดาซุปๆทั้งน้าน 

เน้น บูรณาการ คำนี้ผมก็ไม่ค่อยจะเข้าใจว่าเขาหมายความถึงอะไร สมัยรัฐบาลลุงๆทั้งหลายนั่น อย่างเยอะ บูรณาการมันน่าจะหมายถึง Integration ซึ่งมันมีเจ้าภาพ -Responsible มีคนนั่งหัวโต๊ะ - Authority ไม่ใช่ขี้เยี่ยวไม่ออกก็ให้นายกเป็นประธาน ตลกว่ะ คนบ้าอะไรเป็นประธานเป็นร้อยเป็นพันคณะ อันนี้ในโรงงานที่ไม่ค่อยจะเน้นการมีส่วนร่วม เขาจะหนักเรื่องนายใหญ่ๆ ที่นั่งอยู่ในโซฟาแถวหน้าๆ คล้ายๆในศาลาสวดศพ ไปดูเหอะ นั่งหัวโด่เด่คนเดียวกลางศาลา โซฟาเบ้อเริ่ม กลัวผีหลอกมั่งมั้ยล่ะนั่น

เน้นสมัครสมานสามัคคี คือห้ามคิดแตกต่าง เพราะความเห็นต่างจากผู้น้อยคือความกระด้างกระเดื่อง ความเห็นแย้งจากคนระดับเดียวกันนำมาซึ่งความแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ทุกคนจึงต้องคมในฝัก ส่วนจะไปคมใน ฟัก (F_CK) กันข้างหลังอันนี้รับกันได้ คนไทยไม่รู้จักคำว่า Consensus  

เน้นสัญลักษณ์ เน้นเปิดป้าย ตัดริบบิ้น แบคดรอปหรูๆ กดปุ่มทีมีควันพวยพุ่ม มี Pritty พาเดินขึ้นเวที จูกลงเวที อันนี้ (ข้าใจได้ มันทำให้ลุงเขากระชุ่มกระชวย)

เน้นรางวัลดีเด่น รางวัลระดับชาติ ผมเคยเห็นมาเยอะแล้ว และก็จะได้เห็นกันต่อๆไปเรื่อยๆ 

รักษาไว้เป็นขนบธรรมเนียม อย่าเปลี่ยนแปลง (ข้อนี้ไม่มีใครพูดถึง )แต่ผมเห็นมาตลอด อย่างค่าธรรมเนียม น้ำร้อนน้ำชา ใส่ซอง ใต้โต๊ะ ถุงขนม ประมาณนั้น


ที่พูดมานั่น ไม่ได้เห็นแย้ง เรื่องการสร้าววัฒนธรรมความปลอดภัย ผมเห็นด้วยครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับท่าน เอาที่สะดวกๆๆๆ  เอ้า ดนตรี ม่ะ 

แตรน ตะละแลน แต่น แตน แตน แต้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ 

 





 

 



วันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2567

พระรามสยอง ปลาร้าสยิว

 ข่าวสะเทือนใจกลางปีนี้ก็คงหนีไม่พ้นรถบัสนรกที่ย่างสดนักเรียนไปกว่า 20 ชีวิต และเขย่าขวัญกันด้วยข่าว Launcher Gantry ถล่มที่ถนนพระรามสยอง ต่อด้วยข่าวบ่อปลาร้าสยิวที่คร่าชีวิตไป 5 ศพ 😐


มีคนถามขึ้นดังๆว่า ก็ในเมื่อมี จป.วิชาชีพเป็นแสนคน จป.หัวหน้างานอีกหลายแสนคน จป.บริหารอีกมากมาย ทำไมยังเกิดอุบัติเหตุไม่หยุด 

บ้างก็ข้อนขอดว่า มีกฏหมา(ย)มากมายจากแต่ละกระทรวง ทบวง กรม นี่ไม่นับรวมบรรดาประกาศ คำสั่งที่ออกโดยคณะปฏิวัติ ก็แล้วทำไมไม่ดีขึ้นบ้างเลย

มีผู้รู้ กูรู้ กูไม่รู้แต่แกล้งรู้ กูปีนเสาก็เลยรู้ กูโดนกระโถนฟาดก็เลยรู้  และบรรดาดอกเตอร์ ดอกแต๋ว มากมาย ทำไมเราไม่สามารถหาข้อยุติแล้วเอาไปแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

มีอะไรที่คล้ายคลึงกันและเป็นแกนกลางของปัญหาเหล่านั้น 

ถ้าเป็นเมื่อสมัยปี 1930 Herbert William Hienrich ก็จะบอกว่า ความยากจนไง ประเทศที่ยากจน คนยากจน เวลาทำอะไรแต่ละอย่าง มันก็ไม่คิดอะไรหรอก เพราะงานมันต้องรีบ ต้องเร่ง ต้องเสร็จ ไม่งั้นไม่ได้ค่าจ้าง มีอะไรก็ใช้ไปก่อน จะไปเอาอะไรหรูหราหมาเห่า เขาไม่ซื้อมาให้ใช้หรอก เรื่องความตระหนัก ไม่ต้องถามหา ก็มันจน จะเอาเงินที่ไหนไปเรียนรู้ ดูได้อย่างดีก็ติ๊กต่อก คำว่าอย่าทำอย่างนี้ ไม่มีหรอก ไม่ทำแล้วใครจะทำ  ส่วนพวกเซฟตี้จะไปหือไปอืออะไรได้ มีงานให้ทำก็ดีตายห่าแล้ว นายสั่งก็ต้องทำ ส่วนไอ้พวกเซฟตี้ซ่าๆก็ไปนั่งเขียนบล็อกอยู่นั่นไง เขาไล่ออก เพราะพูดมาก เฮ่อๆๆๆ วงจรโง่จนเจ็บ มันไม่ใช่แค่คน บริษัทก็เหมือนกัน ของขายไม่ดีจะเอาเงิน เอาทรัพยากรที่ไหนมาใส่ลงไปในเรื่องความปลอดภัย มันก็ต้องกำไรก่อนเรื่องแรก ส่วนระดับชาติ ก็โกง กิน คอรัปชั่นกันทุกระดับ อย่าให้ต้องสาธยาย อย่างกรณีรถทัวร์นรกนั่น ป่านนี้ จับคนโกงได้กี่คน ส่วนเรื่องเครนถล่ม คงไม่ต้องสาวไปไกลๆ จับตรงไหนก็เจอ รึใครจะเถียง 

ถ้าเป็นสมัยปี 1996 Frank E.Bird ก็บอกว่า มันเพราะระบบการจัดการไม่ดี ไม่มีมาตรการที่เพียงพอ ไม่มีมาตรฐานที่ชัดเจน หรือถ้ามี ก็ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน อะไรๆก็เลย ไม่เป็นไปตามมาตรฐานสักเรื่อง แล้วก็ลงเอยด้วยอุบัติเหตุไง เออๆๆๆ ฟังดูเข้าท่า ประเทศจนๆ มักจะมีกฏหมายมากมายจนคนออกกฏหมาย คนใช้กฏหมายและคนเดินดินงงไปตามๆกัน แต่กฏหมายที่มีส่วนใหญ่ สักแต่ว่ามี ต้องมี เพราะดันไปเซ็นตกลงในองค์กรระดับโลกมา เลยต้องตามน้ำ ไม่งั้นโลกเขาไม่นับญาติด้วย พอมีกฏหมายมากๆเข้า มีหน่วยงานมากๆเข้าคราวนี้งงครับ เพราะไม่รู้ใครต้องทำอะไร ไม่มีเจ้าภาพ มีแต่เจ้านายตัดริบิ้นเสร็จ ไม่มีคนทำงาน มีแต่ภารโรง คราวนี้ก็ต้องบูรณาการ อีคำนี้ถ้าหมายถึง Integration ผมก็เห็นด้วย แต่ถ้าเป็นแค่คำสวยๆในการประกาศภาระกิจในเว็ปไซท์ของกระทรวง ผมก็ว่า มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย 

ปี 2000 ดอกเตอร์ Jame Reason ก็อธิบายว่าความห่วยแตกทั้งหลายมันก็เหมือนรูที่เกิดจากฟองอากาศในแผ่นชีส คนในประเทศจนๆไม่ค่อยได้กินชีสก็นึกไม่ค่อยออก Swiss Cheese Model อธิบายความล้มเหลวไว้สองประเภท ได้แก่ Latent Failure หรือความล้มเหลวที่ซ่อนเร้นมาเนิ่นนาน กับความล้มเหลวแบบ Active Failure เป็นความล้มเหลวที่เกิดขึ้นแล้วตูมตามเลย จริงๆแล้วทั้งสามคนพูดไว้ไม่ผิดเลย ความเห็นของ H.W. Heinrich กับ James Reason คล้ายกันตรงเรื่องคน แต่ต่างกันก็ตรงที่เพิ่มเติมว่าความห่วยแตกนั้นมันไม่ได้มาจากคนงานอย่างเดียว องค์กรนี่ก็เป็นต้นเหตุสำคัญ 

อย่างกรณีรถบัสย่างสดเด็กๆ มันก็เป็นแค่ฝีที่แตกออกมาก่อน ถ้าไม่เกิดเหตุนี้ก็อาจจะได้เห็นกรณีรถขนบรรดาพวก อบต. อบจ. ที่กำลังเดินทางท่องเที่ยวด้วยขบวนรถบัสอย่างคึกคัก เพราะจะสิ้นปีแล้วต้องผลาญงบประมาณให้หมด ตอนนี้ถนนจะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยววัยเก๋า ไปกันทีเป็นขบวนยาวเหยียด เดี๋ยวสิ้นปีแล้ว พอเดือนกุมภาก็เลือกตั้งกันใหม่ บางจังหวัดก็มีเรื่องยิงกันตูมตามตายคาบั้น ป่านนี้ยังหาคนยิงไม่เจอ ถ้าเด็กเหล่านั้นไม่ตายก่อน ก็คงได้เห็นทัวร์นรกอีกหลายคันเลยทีเดียว สงสารพวกหนูจัง 

กรณีบ่อปลาร้านั่น ก็เป็นความห่วยของกฏหมายที่มีแต่ไม่บังคับใช้อย่างรัดกุม สถานประกอบกิจการแบบนี้จะว่าเป็นโรงงานรึเปล่า กรมที่เขาดูแลโรงงานอาจจะส่ายหัวดิกๆเกาหัวยิกๆ ส่วนกรมที่เขาดูแลลูกจ้างก็อาจจะไม่อยากออกตัวแรง กลัวงานเข้า ส่วนกลไกที่วางไว้อย่างเช่น จป.ระดับต่างๆ อย่าง จป.หัวหน้างาน จป.บริหาร จป.เทคนิค อย่างหลังนี่ไม่มีแน่เพราะคนงานไม่ถึงเกณฑ์ ต่อให้ถึงเกณฑ์ ใครจะบอก ส่วนกฏกระทรวงที่อับอากาศ อย่าไปหวังว่าจะเอาไทำ ขนาดเกิดเรื่องแล้วยังไม่มีการลงมืออะไรเลย 

เอาเป็นว่า ปัญหาใหญ่ๆของความปลอดภัยในประเทศจนๆ เอาทฤษฎีไหนมาอธิบาย มันก็น้ำตาจะไหลทุกอัน เพราะมันใช่ไปหมด อย่างกรณีเครนล้ม เครนหัก เครนหลุด ขนาดมีกฏกระทรวงกำหนดมาตรฐานเรื่องเครน เรื่องการตรวจ การออกแบบ การติดตั้ง การใช้งาน มีกฏกระทรวงสี่ผู้ ผมเพิ่มให้อีกผู้ คือผู้ต้องหา ยังล้มกันรายวัน คุณว่ามันเกิดจากอะไร ผีผลัก ไม่มีมาตรฐาน หรืออะไร ใครก็ได้ช่วยตอบที

วันพุธที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ขอให้วิญญานหนูน้อยและคุณครูไปสู่สุขคติ



ไม่สามารถทนดูภาพได้จนจบ น้ำตามันไหล 


ข่าวไฟไหม้ รถบัส คร่าชีวิตเด็กนักเรียนและครูที่ติดอยู่ในรถ ภาพไฟที่ลุกโหมท่วมตัวรถมันทำให้อเนจอนาถใจ ความร้อนขนาดนั้นคงไม่มีใครจะรอดออกมาได้

ยิ่งมาได้ฟังข้อมูลเกี่ยวกับการติดตั้งถังแก็สในตัวรถจำนวนมากมาย โดยไม่ต้องใช้อคติ ใดๆในการตั้งคำถาม ว่าติดเข้าไปได้ยังไง แล้วที่ว่าผ่านการตรวจโดยขนส่งทุกๆสองปี มันตรวจกันยังไงถึงได้ผ่านการอนุมัติ 

ส่วนเรื่องคนขับ พนักงานประจำรถอะไรอีกสาระพัดสาระเพ มันยิ่งทำให้เห็นว่า Transportation Safety Management -TSM ที่กรมการขนส่งได้ริเริ่มเอาไว้ มันก็แค่กระดาษ  ผมจะรอดูว่างานนี้ จะเอาผิดเปิดโปงไปได้สักกี่คน สุดท้ายก็คงเงียบๆไปเหมือนเรื่องกำนันนก เรื่องส่วยสติ๊กเกอร์ 

ประสบการณ์ที่ต้องไปติดต่อกับขนส่งแต่ละที มันหงุดหงิด มันหากินกันเป็นกระบวนการ ขนาดเรื่องกระจอกๆอย่างใบรับรองแพทย์ มันยังเอาเลยครับ ใบรับรองแพทย์จากที่อื่นใช้ไม่ได้ ต้องเป็นคลีนิกเล็กๆแถวนั้นแหละ มอเตอร์ไซค์พาไปถูก ขอบอก  ส่วนกรณีทะเบียนขาด มีร้านมากมายแถวๆนั้นรับจัดการให้ ถนนราคาไม่ธรรมดา แลกเอากับความสะดวก ส่วนเรื่องรถโดยสาร รถขนาดใหญ่ เขาตรวจกันแบบไหน ไม่รู้ มารู้อีกทีก็ตอนไฟไหม้คลอกเด็กๆตายนี่แหละ 

ที่นี่ประเทศไทย ประเทศที่ได้รับการบันทึกโดยองค์การ WHO ว่ามีอุบัติเหตุทางถนนอันดับสองของโลก และติดอันดับหนึ่งในเอเชียไม่มีใครแซง 

ประเทศไทย
  



วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2567

ลิงห้าตัว

 


 

นักวิทยาศาสตร์ เอาลิงมาห้าตัว ใส่เข้าไปในกรง ที่เพดานกรง มีกล้วยหวีหนึ่งห้อยอยู่ ใต้กล้วยหวีนั้นมีบันไดเตี้ยๆ พอที่ลิงเมื่อปีนไปบนบันไดแล้วจะคว้ากล้วยมาได้ง่ายๆ 

นักวิทยาศาสตร์ เฝ้าดูลิงทั้งห้าตัว 

หากมีลิงตัวใดตัวหนึ่ง เจี๊ยก ขุก ขุก เดินไปแตะบันไดและทำท่าจะขึ้น พวกเขาก็จะระดมฉีดน้ำเย็นเจี๊ยบใส่เจ้าลิงตัวนั้น มันร้องจ๊ากๆๆๆๆ และลิงสี่ตัวที่เหลือก็จะถูกน้ำเย็นนั้นฉีดใส่ ต้องร้องจ๊ากๆๆๆเจี๊ยกๆๆๆ ไปด้วยกันทุกตัว 

ทำอยู่เช่นนี้ทุกวัน เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม 

ไม่มีลิงตัวไหนกล้าเข้าใกล้บันไดและกล้วยศักดิ์สิทธิ์นั่นเลย พวกมันได้แต่นั่งมองกล้วยศักดิ์สิทธิ์ด้วยความอยากกิน 

นักวิทยาศาสตร์ เอาลิงออกมาหนึ่งตัว เอาลิงน้องใหม่ใส่เข้าไปแทนหนึ่งตัว เจ้าเด็กใหม่ เข้าไปในกรง เห็นกล้วยศักดิ์สิทธิ์ มันบ่น ขุกๆๆๆ แล้วเดินอาดๆ เข้าไปที่บันได 

ทันทีที่มันคว้าบันได ลิงสี่ตัวที่นั่งหงอยๆอยู่ในกรงก็พากันรุมกระตื๊บและฉุดลากเด็กใหม่ออกมา เจ้าเด็กใหม่งงกับปรากฏการณ์นี้ มันได้แต่นั่งมองกล้วยนั่นด้วยความอาลัย ผ่านไปหนึ่งเดือน ลิงเก่าถูกเปลี่ยนออกไป มีลิงใหม่มาแทนหนึ่งตัว 

เหมือนเดิม เด็กใหม่เข้ามาในกรง มองกล้วย มองลิง ส่งเสียงถามเป็นภาษาลิง เฮ้ยๆๆๆ พวกเอ็งทำไมปล่อยให้กล้วยมันห้อยอยู่แบบนั้น ทำไมไม่กิน ว่าแล้วก็อาดๆเข้าคว้าบันได 

ความโกลาหลเกิดขึ้น ลิงสี่ตัว ซึ่งหนึ่งในนั้นเคยเป็นลิงใหม่ที่ไม่เคยเจอน้ำเย็นๆ ก็ร่วมกันกระทืบไอ้หน้าใหม่อย่าเอาเป็นเอาตาย 

ทำอยู่แบบนี้ เอาลิงเก่าออก เอาลิงใหม่ใส่แทนไปครั้งละตัว ได้ผลเหมือนเดิม จนกระทั่งลิงชุดแรกที่เคยโดนน้ำเย็นออกไปหมดแล้ว ยังปรากฏว่า เมื่อลิงใหม่เข้ามา หากไปแตะต้องกล้วยศักดิ์สิทธิ์นั่นมีอันเจ็บตัว 

การทดลองนี้พิสูจน์ให้เห็นสาเหตุที่เด็กอาชีวะต้องตีกัน ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปกี่รุ่น มันยังไม่รู้เลยว่าตีกันเรื่องอะไร 

เซฟตี้ก็เหมือนกัน หากทำให้เกิดปรากฏการณ์การยอมรับและเอาใจใส่เรื่องความปลอดภัยไปได้เรื่อยๆ แบบลิงห้าตัว แบบนี้ถึงจะเรียกว่า เจ๋งจริง 



วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2567

อิด' ส อับ ทู ยู

 


นานๆจะเห็นผู้คนมีอารมย์ร่วมกันแบบนี้ซักที

ตั้งแต่ลุงเข้ามาปฎิวัติรัฐประหาร หยุดปรากฎการณ์กีฬาสี แบบที่ว่า ถ้ามีคนใส่เสื้อแดงหลงไปในดงคนใส่เสื้อเหลือง ก็มีสิทธิ์ถูกตีถูกระทืบตาย แบบถวายชีวิตกันเลย ในทางกลับกัน ก็ทำนองเดียวกัน การปรากฏกายของลุงในวันนั้น ทำให้เพลง เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน ก็กระหึ่มขึ้นมาแทนเพลงที่เคยดังในเวทีเสื้อแดง เสื้อเหลืองและลายธงชาติ 

แปดปีผ่านไป คนก็เริ่มมีอารมย์ร่วมกันอีกหน คราวนี้เป็นเสียงตะโกน ไอ เฮีย ทู ตอนนี้ลุงแกไปสู่สุขคติแล้ว ไปสบายแล้ว ไม่ต้องมาบ่นเหนื่อยออกทีวี  พอเลือกตั้งเสร็จ พรรคคนรุ่นใหม่ชนะถล่มทะลาย ลุ้นกันอยู่หลายเดือน สุดท้ายเจอบรรดา สอวอ ออกมาขวางว่าถ้าไอ้หล่อนี่เป็นนายก เราไม่โหวตให้ อารมย์ที่มีต่อสอวอ ก็กระหึ่มอีกที เสียงบ่น ไอ้ควาย ไอ้ควายกระหึ่มไปทั่ว ไม่รู้เขาหมายถึงใคร แต่มันเป็นอารมย์ 

ในที่สุด พรรคเพื่อใครก็ได้จัดตั้งรัดทะบาน แบบทุกลักทุเล คนที่เคยหล่อ แบบหมอคนน่าน กลายเป็น หอมออา... เสียคนไปเลย เพราะแกไปออกหน้าแทนนาย  นั่นก็เป็นผลจากอารย์ร่วม ของคนเคยรัก แล้วต่อมา ลุกทักกี้ก็ได้กลับบ้านมานอนหลบอยู่ชั้นสิบสี่ กระหึ่มอีก รัดถะบวมลุงนิดบริหารเก่งจนคนเริ่มร้องระงมหาลุงตุ่ย มันก็เป็นอารมย์ของคนที่จะอดตาย เฮ่อๆๆๆ 

แล้วเสียงของผู้คนที่มีอารมย์ร่วมกันก็กระหึ่ม แต่คราวนี้มันเป็นอารมย์แบบว่า เรื่องของมึงเลย เอาที่มึงสบายใจ อยากทำอะไรทำเลย บางคนก็ต่อคำสร้อยให้ด้วย เช่น ไอ้ควาย อะไรทำนองนี้ มันเป็นอารมย์เบื่อหน่าย เพราะเห็นทำกันแบบนี้มาไม่รู้กี่หน ขนาดคนไม่ได้ทำยังเบื่อ ผมพูดถึงการยุบพรรคการเมือง ไม่ได้อะไรมาก อิด'ส อับทูยู เลย 

เรื่องความปลอดภัยก็ทำนองเดียวกัน บางทีคนเป็นเซฟตี้เสนอแนะอะไรไป บรรดาเจ้า นายก็ไม่ค่อยจะฟัง บางคนไม่ฟังปล่าว เถียงด้วยว่า เราอยู่กัยมาสามสิบปีไม่เห็นเคยมีอะไร อันนี้ไม่นับไอ้สองคนที่ตกหลังคาคอหักตายเมื่อสองปีก่อน 

คนพวกนี้ บางทีก็ต้องบอกว่า เอาที่มึงสบายใจเลย กูไม่ได้ไปติดคุกติดตารางกับมึง ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ โรงงานก็ของมึง มึงอยากปล่อยน้ำเสียลงแม่น้ำป่าสัก ก็น้ำมึง เอาที่สบายใจ 

คนงานบางคนก็ดื้อด้านมาก ห้ามอะไร สอนอะไรก็ไม่ค่อยฟัง เถียงด้วย โหทำอะไรทีต้องตัดไฟต้องล๊อกต้องแท่ก เสียเวลาตายห่า พอถามว่าไอ้ที่เสียเวลาเนี่ยมันเวลาของใคร มีสักนาทีมั้ยที่เป็นเวลามึง มันเป็นเวลาของบริษัททั้งนั้น เขาต้องการให้มึงทำให้ปลอดภัยก่อน แหมฮึดฮัด กระฟึ่ดกระฟัด เจอไอ้พวกแบบนี้ก็ต้องบอกว่า เอาเลย เอาที่มึงสบายใจ ไอ้ควาย 

ที่ผ่านมาสองสามเดือนนี้ มีแต่ข่าวปลาหมอคางดำ ข่าวสานรัดถะทำมะนวย ข่าวยุบพรรค ข่าวปลดนายก ข่าว สอวอ  ข่าวปริญญาปลอม 

เอาที่ยูสบายใจเลย พวกเราเข้าใจ 












วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2567

ช่องใหม่บนยูทูป

 หลังจากพรรคการเมืองที่ผมชื่นชอบถูกสั่งยุบพรรคไปเมื่อสองวันก่อน ทำให้อะไรๆที่มันมัวๆหม่นๆ ก็ชัดเจนขึ้น ได้เวลาตั้งช่องยูทูปใหม่ 

ติดตามเนื้อหาสนุกๆด้านความปลอดภัยได้ทั้งสองช่องทาง คลิกที่นี่ 

นอกจากนี่ผมยังมีเนื้อหาเกี่ยวกับข่าวคราวและวิเคราะห์กระเทาะกระทบกระเทียบไว้ในเว็ปไซต์  www.workersaved.com     มีเรื่องมุมมองกฏหมายมาคุย อย่างเรื่อง ผีอิฐบล็อก 


ไว้พบกันนะครับ 

วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2567

เรื่องกากๆ

กากแคดเมี่ยม ถูกขุดขึ้นมาจากหลุม แล้วส่งไปซ่อนไว้ในโกดังต่างๆหลายแห่ง พอเป็นข่าวขึ้นมา คราวนี้ก็ออกมาแก้เกี้ยว กันพัลวัน คนที่เกี่ยวข้องตรงๆ ก็หนีไม่พ้น ก็คือกรมโรงงาน เพราะตัวเองเป็นคนกำกับดูแล เรื่องการจดทะเบียน การอนุญาต โรงงานกำจัดกาก และเรื่อง การแจ้ง รายงาน การมีขึ้นของบรรดาของเสีย วัสดุไม่ใช้แล้ว รวมไปจนถึงบรรดาขยะอันตราย แถมมีระบบที่ต้องกรอกข้อมูลด้วยระบบออนไลน์ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า แหล่งกำเนิดของเสียเหล่านั้น ถูกขนส่งไปยังสถานที่บำบัดที่ได้รับอนุญาต โดยผู้รับจ้างขนส่งที่ได้รับอนุญาต ระบบ Manifest แบบนี้นับได้ว่าถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้มีการลักลอบขน นำไปกำจัดแบบมั่วๆ แต่คำถามที่ทำเอาติดคอกันไปตามๆกันคือ อยู่ๆ มีคนไปขุดบ่อฝังกลบ กากของเสียอันตราย ใส่ถุงบิ๊กแบ๊ค ขนไปไว้ในโกดัง ทั้งใน กทม.และหัวเมือง มันเกิดขึ้นได้อย่างไร 

เรื่องนี้ ไม่ต้องการคำตอบอะไรทั้งสิ้น ก็ขนาดโรงงาน ปล่อยน้ำที่ไม่ได้บำบัดออกไปนอกโรงงานทุกเดือน อุตสาหกรรมจังหวัดเข้าไปตรวจ ก็ยังไม่เห็นจะทำอะไร ทั้งๆที่ตัวเองมีประกาศกรมโรงงาน สามารถปรับผู้ก่อมลพิษได้วันละสองแสน ยังไม่ทำอะไร เรื่องนี้ใครข้องใจว่า ใคร อะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ หลังไมค์เข้ามา จะให้ดูรายงานที่เคยทำเรื่องสอบสวนผู้บริหารระดับสูงของโรงงานชื่อดัง จะได้ประจานกันไปว่า เรื่องกากๆ คนกากๆ มีอยู่ทั่วไปหมด ฝังเท่าไหร่ก็ไม่หมด เหมือนผีดิบ เดี๋ยวมันก็ลุกออกมาเดินได้ 


กลับมาที่กากแคดเมี่ยม คนที่ก่อให้เกิดกากชนิดนี้ เขาก็รู้ ว่าแคดเมี่ยมมีอันตรายต่อร่างกาย เขาก็ส่งไปกำจัดที่บ่อฝังกลบ 

ส่วนไอ้เจ้าของบ่อฝังกลบนี่แหละ ที่ต้องตอบคำถาม ว่าอยู่ดีๆ ทำไมถึงเปิดป่าช้า ขุดเอาซากซอมบี้ที่นอนอยู่ในหลุม ใส่ถุงบิ๊กแบ๊ค ขนใส่รถบรรทุก เอาไปไว้ในโกดังที่ปลายทาง เออ ตอบมาว่าเพราะอะไร

ส่วนไอ้เจ้าของโกดังปลายทาง ทำไมอยู่ดีๆ เปิดโกดังเอาถุงใส่ซากซอมบี้มาเก็บไว้ 

ถ้าไอ้สองคนนี่มันซัดทอดว่า ที่ขุด ที่ขนมาเนี่ย เจ้าหน้าที่เขาอนุญาตแล้ว ก็ต้องถามว่าใครอนุญาต เพราะผมก็เคยเจอ ตนที่อนุญาตให้โรงไฟฟ้าแถวๆมาบตาพุด ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ยังไม่เสร็จ ปล่อยน้ำที่ไม่ได้บำบัด ฟองฟ่อด ลงทะเลหน้าตาเฉย ผมก็เคยไปเจอและถามมาแล้วเหมือนกัน เคสนี้ มันก็ต้องมีคนอนุญาตแหละ อยู่ๆจะขุดซากขึ้นมา มันก็คงไม่ง่ายละม้าง 

อีกคนหนึ่ง โบกรถเหยงๆอยู่ข้างถนน เห็นขนอะไรมา ไม่เรียกขอดูอะไรบ้างเลยรึ ขนขยะอันตราย ป้งป้ายไม่ติด หรือจะเถียงว่า ไอ้โบกน่ะก็โบกแหละ แต่มันมีใบผ่านทาง ก็ต้องให้ไป นี่ก็รอกำนันนกเขาออกคุกมาจะได้ไปกินเลี้ยงดันเหมือนเคย แหะๆๆๆๆ พูดลำบาก วัวเคยค้าหมาเคยขี่ 

เอาหละ ถ้าไอ้คนที่เขาอนุญาตมันชิ่ง ติ๊ดชึ่ง ออกตัวล้อฟรีว่าไม่ได้อนุญาต ก็เท่ากับว่า ไอ้เจ้าของป่าช้า กับเจ้าของโกดังก็รับไปเต็มๆ จะหลบท่าไหนก็โดนอยู่ดี 

เรื่องอลเวง ที่เกิดจากการเอาหูไปนี่ เอาอี๋ไปนู่น มันก็ลงเอยแบบนี้แหละ อย่าให้ฉะอย่าให้แฉ จิ้มไปตรงไหนก็เยิ้มไปหมด เหมือนผีเน่า 

ไงล่ะเมิง นี่ขนาดกากแคดเมี่ยมน่ะ ถ้าเป็นกากกัมมันตภาพรังสีล่ะก็งานเลย ว่าแต่ว่าเห็นรึ่มๆจะเอาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไม่ใช่รึ ค่าไฟจะได้ถูกลงอีกสักสองสลึง 

วันพฤหัสบดีที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

บ่าวร้อนเสียเหลือเกิน ภาคต่อ

กระทรวงแรงงานสหรัฐอเมริกาสั่งปรับบริษัทอลาบามาคอนสตัคชั่น ข้อหาปล่อยปละให้คนงานฉาบปูนอายุ 33 ปีเกิดอาการป่วยจากความร้อน เพ้อ อาเจียน หมดสติและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ผลการสอบสวนพบว่าคนงานดังกล่าว ทำงานในวันที่ระดับค่าดัชนีความร้อน (Heat Index) สูงถึง 107 ดีกรีและระดับความชื้นสัมพัทธ์ 85 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้นยังพบว่ามีคนงานอีก 18 คนที่ถูกให้ทำงานในสภาพเดียวกันเป็นเวลา 10 ชั่วโมงต่อกะเลยทีเดียว อ่านจากข้อมูลต้นฉบับเอาเอง 

เรื่องคนงานอยู่ๆก็ตาย ในหน้าร้อนในเมืองกะลาแลนด์นี่ ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีให้เห็นกั้นทุกปี แต่ขอประทานโทษ ไม่มีการสอบสวนดำเนินการเอาผิดใดๆกับนายจ้าง บ่าวร้อนเหลือเกินแล้วเจ้านาย บางคนอาจจะส่ายหัวว่าแหม มันจะอารายกันนักหนา ร้อนก็ไปหลบร่มดี๊ เขาจ้างมาทำงาน ไม่มีใครร้อนถึงตายหรอก แหมลูกจ้างสมัยนี้มันสำอางค์เหลือเกิ้น 

ประเทศกะลาแลนด์เนี่ย เอาค่าระดับความร้อนที่วัดแบบ WBGT -Wet Bulb Globe Temperature มากำหนดเป็นมาตรฐานเพื่อไม่ให้ลูกจ้างที่ทำงานในลักษณะงานแบบ เบา งานปานกลาง และงานหนัก ต้องเจอกับความร้อนที่เกินกว่าที่กฏหมายกำหนด จนเกิดอันตรายขึ้น ตรงนี้ผมต้องชื่นชมความพยายามของหน่วยงานที่ออกกฏหมายว่า มีความก้าวหน้ามากขึ้น เพราะ WBGT เอาปัจจัยต่างๆ ที่จะทำให้เกิดอันตรายจากความร้อนมาประกอบ เช่น อุณหภูมิจากแสงแดดที่วัดกลางแจ้ง ความชื้นในอากาศ ความเร็วลม หรือการระบายอากาศ เรียกว่า ถ้างานยิ่งหนัก ก็ยิ่งต้องระวังไม่ให้ทำงานในที่ที่อุณหภูมิเกินกว่าที่กำหนด ไม่งั้น ต้องหามส่งหมอ หรือไม่ก็ฝากสับปะเหร่อไปจัดการ 



เอาล่ะ กฏหมายก็มีแล้ว จป.บริหาร จป.หัวหน้างาน จป.เทคหน่งเทคนิค ไปจนระดับวิชาชีพก็มีแล้ว แต่ยังมีลูกจ้างบ่นบอกว่า ผมเพลียจังเลย แล้วล้มชักกะแด่กๆ เพราะความร้อน แบบนี้ จะให้เรียกว่าอะไร ถูกของเขมรรึไง ก่อนจะหามเขาไปเผา ลองถามดูบ้างมั้ย ทำไมเขาถึงตาย 

วันพุธที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2567

คณะกรรมการความปลอดภัยไม่เวิร์ค

 สภาพคณะกรรมการความปลอดภัย ที่พอประชุมที ก็ออกอาการแบบนี้

  • เข้าประชุมไม่ครบ ประธานไม่เข้า สมาชิกไม่ครบ ประชุมทั้งปี ประธานเข้าหนเดียว
  • ประชุมไป วิ่งเข้า วิ่งออก 
  • สมาชิกเงียบกริบ ไม่เสนอ ไม่แสดงความเห็น ไม่คัดค้าน ไม่มีมติ
  • ฝ่ายลูกจ้างพูด ฝ่ายนายจ้างเถียง หรือในทางกลับกัน บรรยากาศการประชุมคุกรุ่น 
  • มีแต่เรื่อง ส้วมแตก ส้วมตัน น้ำไม่ไหล ไฟไม่ติด หมาเข้าโรงงาน โรงอาหารข้าวไม่พอ 
  • ประธานพูดอยู่คนเดียว 
  • ขาประจำพล่ามไม่หยุด
  • เซฟตี้รับเละ ทุกอย่างเป็นหน้าที่ของเซฟตี้
  • ออกจากห้องประชุม หัวหน้าเรียกไปด่า ไปไหนมา มึงว่างมากนักรึ สิ้นปี ผลงานหด โบนัสหาย มีแต่งานราษฏร์ งานตัวเองไม่เสร็จ
  • และอีกสาระพัดร้อยแปดปัญหาที่เอาแต่พูด ไม่แก้เลยสักเรื่อง กลัวเปลืองงบประมาณ

คณะกรรมการความปลอดภัย เป็นอีกหนึ่งคณะที่กฏหมายบังคับนายจ้างให้ต้องจัดให้มี แถมกำหนดหน้าที่ไว้ชัดเจน สัดส่วนของคณะกรรมการก็มาจากฝั่งนายจ้างและลูกจ้างอย่างละเท่าๆกัน มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทำหน้าที่เป็นเลขา 

ปัญหาที่มักจะเจอ ก็คือ ไม่ค่อยมีใครอยากสมัครมาเป็นกรรมการ โดยเฉพาะฝั่งตัวแทนลูกจ้าง ส่วนฝั่งตัวแทนนายจ้างไม่ค่อยมีปัญหาเพราะแต่งตั้งกันมา ยังไงก็ต้องมาเป็น 

บรรยากาศของคณะกรรมการความปลอดภัยเป็นภาพสะท้อนวัฒนธรรมความปลอดภัย บางแห่ง ไม่มีคณะกรรมการความปลอดภัยมาต่อเนื่อง 2 ปี เพราะไม่มีใครสมัคร ผจก.ความปลอดภัยอยู่แค่ เดือนสองเดือน บางคนอยู่แค่สองอาทิตย์ลาออก บรรยากาศแบบนี้ เจ้าที่แรง สาเหตุสำคัญๆที่ทำให้คณะกรรมการความปลอดภัยไม่เวิร์คก็หนีไม่พ้นเรื่องเหล่านี้เลย
  1. เซฟตี้ เอาไว้ก่อน
  2. ไม่มีงบประมาณ
  3. ไม่มีแผนงาน
  4. มีแต่แผน ไม่มีใครทำ เซฟตี้เป็นเรื่องของ จป. สากกะเบือจนเรือรบ
  5. นายพูด ลูกน้องฟัง ห้ามถาม ห้ามเถียง
  6. ใครเสนอ คนนั้นทำ
  7. ไม่เคยเสร็จเลยสักเรื่อง
  8. กลัวเปลืองเวลางาน
  9. ไม่ไว้ใจ เดี๋ยวพวกหัวแข็งยูเนี่ยนเข้ามาแจม
  10. ไม่มี จป. ลาออกหมด 
ใครมีมากกว่า 3 ข้อ แสดงว่า วัฒนธรรมความปลอดภัยของคุณอยู่ในระดับวิกฤติ อย่าอยู่นาน ลาออกเถอะ 


วันจันทร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2567

ทำงานหนักจนถุงเท้าหลุด

 




"Work his sock off"

If you work your socks off, or work your tail off, you work very hard.

ผมมีเพื่อน มีหัวหน้า เป็นคนอังกฤษอยู่หลายคน ก็เลยได้พูด ได้คุย ได้เถียงกันอยู่บ่อยๆ คนอังกฤษใช้ Idioms มากมาย บางทีเราก็ยากที่จะเข้าใจอารมย์ที่อยู่เบื้องหลังคำพวกนั้น อย่างคำว่า " Smon, (my name), please do not be too difficult to Mohan Jale Jale (นามสมมติ). He is a good man, he works his socks off!!" 

ประโยคนี้ผมงงอยู่พักนึง เพราะข้อมูลที่ได้มา ไอ้นี่มันไม่ได้ขยันอะไรหรอก แต่ทำตัวเป็นเจ้าพ่อประจำโรงงาน ใครไม่เข้าไปอวยมัน มันก็บีบเขาออกหมด เซฟตี้คนเก่าๆ ถูกมันบีบจนอยู่ไม่ได้ และอีกอย่างที่รู้มา ไอ้นี่มันใช้วิธี เอาคนมารองมือรองตีน ยิ่งสาวๆด้วยแล้ว ถ้า Work her pants off จะโตเร็วมาก ชนิดที่ว่า ได้เลื่อน ได้ปรับตำแหน่งกันเร็วมากมาย Work his socks off- ขยันมากจนถุงเท้าขาด ถุงเท้าหลุด มันต้องขยันมากเลย ส่วน Work the pants off มันก็น่าจะความหมายใกล้เคียงกัน ใครไปเรียนที่อีตันมา ก็ช่วยเอามาบอกกันหน่อย เป็นวิทยาทาน

เรื่องมันก็มีอยู่ว่า ครั้งหนึ่ง ผมกำลังเดินตรวจโรงงานแห่งหนึ่ง เพราะมันเป็นช่วงโควิด เดินทางไปตรวจไปเยี่ยมประเทศอื่นไม่ได้ ว่างๆก็เลยลงไปเดินโรงงานที่ตัวเองต้องไปนั่งทำงาน เดินลัดเลาะไปจนถึงบ่อบำบัดน้ำเสีย ไม่ต้องสงสัย พวกผมก็เรียน Waste Water Treatment มา ไม่กาไม่ไก่หรอก อ่ะ บ่อสุดท้าย Retention Pond น้ำดูใสดี นึกชมอยู่ในใจ แต่สงสัยว่าทำไมประตูน้ำมันเปิด Over Flow ตลอด แบบนี้ถ้าระบบผิดปกติ มันก็ไหลออกเลย ไปไหน ไปแม่น้ำป่าสักไง กิโลเดียวเอง ฉับพลันนั้น เสียงพลั่กๆๆๆๆ ท่อขนาดใหญ่ฝั่งโน้น ปล่อยน้ำขุ่นคลั่กลงมา แล้วไหลออกไปเลย ด้วยความสงสัย ขึ้นไปดูระบบบำบัด ภาพที่ปรากฎคือ ถัง Equalization Tanks 6 ถัง พูนไปด้วยตะกอนดิน มันคือตะกอนดิน ส่วน Sedimentation Tank นิ่งสนิท ระบบบำบัดไม่ได้เดินเครื่อง อ้าวแล้วน้ำนั่นมาจากไหน 

เจ้าหน้าที่ สวล.ให้ข้อมูลว่า มันคือท่อที่ต่อตรงมาจากโรงงาน เอาไว้ระบายน้ำที่ไม่ได้บำบัดออกไป เพราะ เหตุผลร้อยแปด ผมเริ่มขุดเรื่องนี้ ก็พบว่า น้องที่ดูแลเรื่อง สวล.บันทึกเป็นรายงานเสนอนายทุกครั้ง ตั้งแต่ปี 2018 เรื่อยมา มีการปล่อยน้ำท่านี้ปีละไม่น้อยกว่า 12 ครั้ง ก็ประมาณเดือนละครั้ง พอเริ่มสอบสวน ไอ้คนที่ขยันจนกางเกงหลุดก็ประกาศกร้าวว่า ถ้า Smon นั่งเฉยๆไม่เป็น ก็จะไล่ให้ไปนั่งที่ประเทศอื่น พอเรื่องมาเข้าหู ผมก็โกรธจนแทบจะกระโดดขึ้นหลังคา Jump to the roof คราวนี้ก็ซัดกันนัว นั่นแหละคือที่มาของคำว่า Work the pants off  อุ๊ป ซี่  ปล่อยน้ำไม่บำบัดลงแหล่งน้ำสาธารณะ ปรับวันละ 200,000 บาทนะ กรรมการบริษัท เจ็ดคนก็วันละล้านสี่ ถ้าจำไม่ผิด อ้าว แล้วอุตสาหกรรมไม่รู้รึ อ้าว รู้ดิ เห็นเข้ามาดู มีรูปยืนคุยกันอยู่ แต่ไม่รู้คุยเรื่องอัลไร คงปรับกันไปหลายร้อยแหละมั้ง 

สลดแล้ว สลดอีก สลดกันต่อไป

 




ขอหักมุมจากเรื่องฮาฮา มาเป็นเรื่องสลดหดเหี่ยวกันหน่อย ว่าเวลาที่คนงาน บาดเจ็บ ล้มตายกันแต่ละที เหตุการณ์ต่อจากนั้นมันเป็นยังไง ใครทำอะไร ที่ไหน อย่างไร

ตัวอย่าง พอเกิดเหตุ คนงานลงไปตายในบ่อบำบัดน้ำเสีย คนงานที่มาประสบเหตุก็จะตกอกตกใจ โวยวาย บางคนก็กระโจนลงไปกะว่าจะช่วยเพื่อน บางคนก็วิ่งไปบอก ไปโทรหาหัวหน้า หัวหน้าก็โทรหา ผู้จัดการ ผู้จัดการโทรหาผู้จัดการ ผู้จัดการโทรหาผู้จัดการ จังหวะนี้ อาจจะมีคนที่พอมีสติโทรหารถพยาบาล โทรไม่ติด โทรติดไม่มีคนรับ มีคนรับพูดไม่รู้เรื่อง เอาเป็นว่า รถหวอคันแรกที่มาถึงก็มักจะเป็น กู้ภัย พระเอกตัวจริงของไทย กู้ภัยก็รีบลงไปช่วยกู้ศพขึ้นมา ตำรวจมาพอดีเลย อีกสักพักหมอก็มา ชันสูตรพลิกศพ ที่ถูกแบกขึ้นมาแล้ว ตามกฏหมาย มาตรา 34 พรบ.ความปลอดภัย อาชีวอนามัย 2554 นายจ้าง ซึ่งก็มักจะเป็นผู้บริหารใหญ่ๆโตๆ ยศระดับ ผอ. ผจ. ที่ได้รับมอบหมายให้ทำการแทนนายจ้าง หรือถ้าเป็นโรงงานเล็กๆ ก็เจ้าของโรงงานนั่นแหละ ต้องแจ้งต่อพนักงานตรวจความปลอดภัยในทันทีที่ทราบ โดยโทรศัพท์ โทรสาร หรือวิธีอื่นใดที่มีรายละเอียดพอสมควร และให้แจ้งรายละเอียดและสาเหตุ เป็นหนังสือภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ลูกจ้างเสียชีวิต  ถ้าไม่แจ้ง มีสิทธิ์โดนปรับ ห้าหมื่นบาทกันเลยเชียว ส่วนว่าแจ้งไปแล้ว พี่เค้าจะมาเลย หรือไม่มา นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับพี่เค้าแหละ ส่วนใหญ่ ถ้าไม่เป็นข่าวครึกโครม พี่เค้าก็จะไม่ค่อยมาหรอก มาทีนึงพี่ๆเค้าก็จะยังไม่ว่าอะไรมาก ส่วนใหญ่ก็จะแค่บอกว่า จ่อๆ หรือเล็งๆ เอาผิดนายจ้าง ไม่รู้ว่าที่เล็งๆจ่อๆ มีลั่นไกไปมั่งรึยัง 



อย่างกรณีเครนถล่ม แถวพระรามสาม ก็จ่อเอาผิดนายจ้าง เหมือนกัน 

ตัดฉากกลับมาที่ เจ้าพนักงานสอบสวน เขาก็มาสอบๆไป ส่วนใหญ่ ก็ประเด็นไว้กว้างๆก่อน ว่า เป็นอุบัติเหตุ หรือ ความประมาท  พี่ๆพนักงานสอบสวนเค้าไม่ค่อยมีอะไรสลับซับซ้อน เค้าเล็งมาที่ 

มาตรา 291 "ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท"
องค์ประกอบความผิด (1) ผู้ใด (2) กระทำโดยประการใด (3) เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย (4) โดยประมาท (องค์ประกอบภายใน (ไม่ต้องมีเจตนา))


การกระทำโดยประมาท คือ การกระทำที่ไม่ได้ใช้ความระมัดระวังทั้งๆที่สามารถใช้ความระมัดระวังเช่นนั้นได้ ซึ่งมีกฎหมายบัญญัติไว้ในมาตรา 59 วรรคสี่ "กระทำโดยประมาท ได้แก่กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่"

สอบคนงานที่ทำงานแถวๆนั้น สอบหัวหน้างาน สอบเจ้าของโรงงาน สอบไปสอบมา ก็อาจจะแจ้งข้อหา คนงานด้วยกันที่บังเอิ้น รอดตายมาได้ หรือไม่ก็หัวหน้างาน รึไม่ก็ไฟร์แมน ส่วนบรรดานายจ้างรอดแน่นอน ก็หลักฐานมันไปไม่ถึง ไม่เข้าองค์ประกอบ 

ส่วน เจ้าหน้าที่ตรวจแรงงาน ถ้าจะหยิบเอา มาตรา ๘ ให้นายจ้างบริหาร จัดการ และดําเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางาน ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กําหนดในกฎกระทรวง มาเลียบๆเคียงๆ ถ้าไม่กล้าถาม ก็อ้อมๆแอ้ม ถามก็ได้ อย่างเช่น กรณีคนงานลงไปตายในบ่อบำบัดน้ำเสียนั้น เขาลงไปทำอะไรกัน ลงไปนั่งเล่นเหรอ ถ้านายจ้างจะบอกว่าไม่รู้ คำถามต่อมาก็ลองอ้อมแอ้มถามดูก็ได้ว่า ทางเข้าทางออก ไม่ได้ปิดกันไม่ให้มีคนลงไปโดยพละการดอกรึ ลองหยิบ กฏกระทรวงเรื่องที่อับอากาศมาไล่นิ้วดู มีกี่ข้อที่นายจ้างไม่ได้ทำตาม แล้วแบบนี้ ถือว่านายจ้างละเมิด มาตรา 8 วรรคแรก ใน พรบ.ความปลอดภัยมั้ย ถ้าใช่ ก็มีบทลงโทษในมาตรา 53 หรือถ้าสอบไปสอบมา การณ์ปรากฏว่า มี ผจ. ผอ.นั่นแหละเป็นคนสั่ง บังคับให้ลงไป แถมรั้นอีกว่า ลงไปล้างแป๊บเดียวเอง จป.ท้วงว่ามันคือที่อับอากาศ ก็เถียงตาปูดตาปลิ้นว่าไม่ใช่ รูเบ้อเร่อเบ้อเถร มันจะอับได้ยังไง แบบนี้ ก็มาตรา 69 เลยครับ 

มาตรา ๖๙ ในกรณีที่ผู้กระทําความผิดเป็นนิติบุคคล ถ้าการกระทําความผิดของนิติบุคคลนั้น เกิดจากการสั่งการ หรือการกระทําของบุคคลใด หรือเกิดจากการไม่สั่งการ หรือไม่กระทําการอันเป็นหน้าที่ ที่ต้องกระทําของกรรมการผู้จัดการหรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดําเนินงานของนิติบุคคลนั้น ผู้นั้นต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สําหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย

เชื่อผมมั้ย ว่าส่วนใหญ่ ลูกจ้างตายไปแต่ละที ไม่เคยมีนายจ้างโดนลงดาบด้วย พรบ.ความปลอดภัยเลย ฆ่าตัดตอนกันด้วย มาตรา 291 เร็ว ครบ จบง่ายดี ส่วนลูกจ้าง ยังไงก็ไปร้อง กองทุนเงินทดแทนเอาละกัน สลดแล้ว สลดอีก สลดกันต่อไป 





วันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2567

ท่านประธานร่วงแล้ว

 

สลิงขาด กระเช้าลอยฟ้าหลุด ทำซีอีโอร่วงพื้นดับอนาถ  😪😪😪


ตั้งใจว่าจะเขียนถึงกรณีสลิงขาดคนงานตาย แถวๆถนนพระรามสอง ก็ไปป๊ะเอาข่าวนี้เข้า ขอแสดงความเสียใจกับการสูญเสียครั้งใหญ่ระดับซีอีโอ 

อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น สามารถป้องกันได้ทั้งหมดแหละครับ บังเอิญว่างานนี้เป็นงานรื่นเริงบรรเทิงใจ กระเช้าที่ออกแบบมา ถ้าจะให้มีความปลอดภัยมากแบบว่า เป็น Safe Working Platform คนข้างล่างก็จะมองไม่เห็น-ท่านประธาน เพราะมีราวกันตกสูงๆ ครั้นจะให้ท่านใส่ PFSD=Personal Fall Arresting Device อย่างเซฟตี้ฮาร์เนส ท่านก็กลัวสูทจะยับ ถ่ายรูปแล้วมันจะไม่สวย ลำบากแท้ เรื่องเซฟตี้เนี่ย 

เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทำให้ความทรงจำในครั้งหนึ่ง ที่ผมทำงานกับบริษัทซ่อมเครื่องยนต์ของเครื่องบิน แถวๆคลองเจ็ด ถนนลำลูกกา คราวนั้น บริษัทเปิดตัวธุรกิจใหม่ ซ่อมเทอร์ไบน์เบลด ของโรงไฟฟ้า จึงจัดงานยิ่งใหญ่ ที่ดรีมเวิลด์ ผมได้รับมอบหมายให้เป็นพิธีกร หลังจากถูกแต่งหน้าทาปากจนขาวว่อก คนคุมเวทีก็เอาสคริปท์มาบรีฟให้ฟัง

เอ่อพี่ การแสดงชุดแรกเป็นการแสดงช้างนะพี่ พอการแสดงชุดแรกจบ พี่ก็ขึ้นไปกล่าวเชิญคุณเอ็ด มากล่าวเปิดนะพี่นะ เอาตามสไตล์พี่เลย ไม่ซีเรียส (มึงไม่ซีเรียส แต่กูเครียด) แล้วการแสดงชุดแรกก็เริ่มขึ้น ช้างน้อยสี่ห้าตัวหลังจากมันออกมาเตะบอลกันพักนึง มันก็เดินชักแถวจับหางกันเข้าเวทีไป 

พิธีกร ก็ออกไปหน้าเวที กล่าวนั่นู่นนี่ แล้วก็เรียนเชิญ ดอกเตอร์เอ็ด เวอร์บิค ประธานในพิธีขึ้นเวที (จริงๆแล้วเวทีมันอยู่บนพื้นแหละ) เอ็ด เวอร์บิคก็เดินอาดๆมาหน้าเวที พลันก็มีเสียงดาบฟันกันช้งเช๊งจากหลังม่าน ตามมาด้วยนักดาบในชุดทหารโบราญ ไล่ฟันกันมาอย่างกับฉากนักเรียนตีกัน ตามมาด้วยเสียงช้างขนาดใหญ่แปร๋แปร๋น ไล่กันมาไม่ห่าง มันคือฉากยุทธหัตถี เอ็ด  เวอร์บิก หลบกับพื้น ตัวสั่น ส่วนกู ไม่ต้องพูดถึง หัวใจไปอยู่ที่ตาตุ่ม มันฟันกันนัวเนียอยู่บนหัวกูกับเอ็ดที่นั่งหลบแนบพื้น ขี้แทบแตก นั่นเป็นการผิดคิวที่เกิอบเอาชีวิตไม่รอดเลยทีเดียว เอ็ดถามรัวๆ สุมนต์ มึงจะฆ่ากูรึ  มันฟันกันอยู่แป็บนึงก็วิ่งเข้าฉากไป ผมประคองเอ็ดลุกขึ้น แล้วระล่ำระลัก "ขอบคุณท่านประธานที่ให้เกียรติร่วมแสดงในฉากอันแสนระทึกใจนี้ " รีบส่งไมค์ให้ แล้วรีบลงจากเวที วันต่อมา รีบยื่นใบลาออกเลย ขืนอยู่ กูโดนข้อหาพยายามฆ่าท่านประธานแน่ 


 

ระเบิดเถิดเทิง

 


ก่อนอื่น ขอบคุณสำนักข่าวทุกช่อง มติชน ข่าวสด ไทยรัฐ และอื่นๆ ที่ช่วยกันแจ้งข่าวสะเทือนขวัญ และเจ้าหน้าที่ทุกๆฝ่ายที่เข้าช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก

การระเบิดของโรงงานพลุ ไม่ใช่ครั้งแรกในเมืองไทย การระเบิดของรถบรรทุกเชื้อปะทุ คลังแสงของทหารก็เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ เรียกได้ว่า เขย่าขวัญกันประจำปีเลยทีเดียว ระเบิดทีก็ตายกันเป็นเบือที  คำถามก็คือ เรา ได้เรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์พวกนี้บ้าง ไม่ต้องตอบก็ได้ เพราะการเกิดเหตุแบบเดิมซ้ำๆ มันบอกให้รู้ว่า เราไม่ได้เรียนรู้อะไรจากมันเลย 

เหตุระเบิดที่โรงงานพลุที่จังหวัดสุพรรณบุรีครั้งนี้ ตายไป 23 ศพ มีผู้รอดชีวิตเพียงรายเดียว คนที่ตายก็มีทั้งนายจ้างและลูกจ้าง ระเบิดแหลกเหลวเป็นชิ้นเนื้อไปด้วยกัน ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าอะไรทำให้เกิดการระเบิด ในแง่ความปลอดภัย สาเหตุที่เป็น Immediate Causes ของการระเบิดของวัตถุระเบิดได้ ตามหลักของการจัดประเภทสารเคมี โรงงานแบบนี้ใช้วัตถุอันตราย Class 1


คนอื่นๆอ่านรหัสพวกนี้ไม่ออก ผมจะไม่ว่า ไม่บ่นอะไร แต่ท่านๆเหล่านนี้ถ้าอ่านไม่ออก บอกไม่ได้ซื่อบื้อ ผมต้องของอนุญาตหยิกคนละทีสองที

คนแรกเลย คนที่อนุญาตให้นำเข้า ผลิตและครอบครองวัตถุระเบิดพวกนี้ ใครวะ??? เอาหูม่ะ 

กระทรวงกะลาหอม กระทรวงนี้นอกจากจะถูกถามอยู่เรื่อยว่า ตะหานมีไว้ทำไม  เอาไปออกข้อสอบถามเด็กปอหนึ่ง เด็กๆมันก็ตอบได้แหละว่า ตะหานมีไว้ปาตีวัด กับเอารถถัง เรือ เครื่องบินมาโชว์ในวันเด็ก กระทรวงนี้ยังควบคุมเรื่อง การมีไว้และครอบครองพวกวัตถุที่เป็นยุทธภัณฑ์อีกด้วย อย่างพวกวัตถุระเบิด เชื้อประทุ และสารเคมีอีกหลายตัว เช่น โปแตสเซียมคลอเรท ไนเตรท ซึ่งส่วนใหญ่สามารถเอาไปทำวัตถุระเบิดได้ เพราะมันเป็นสารในคลาสที่ 5 พวกออกซิไดซิ่งเอเจ้น เพราะฉะนั้น ก็จะเห็นพวกพี่เค้า ขับรถตระเวนไปตามเหมืองแร่ ที่ต้องใช้วัตถุระเบิดในการระเบิดเหมือง บางทีพี่เค้าก็มาป๊บเดียว คุยกับวิศวกรที่ดูแลการระเบิด รึไม่ก็กับนายเหมือง แล้วพี่เค้าก็กลับไป หุๆๆๆ พี่ๆเค้าขยัน 

เหตุการณ์สะเทือน จนเป็นหลุมลึกสี่เมตร ทำคนแถวทุ่งมะพร้าว ที่จังหวัดพังงาตายไปเกือบ สองร้อยคน นั่นก็เป็นเหตุการรถบรรทุกเชื้อประทุ หรือแก็บไฟฟ้า ระเบิด ลองย้อนดูเหตุการณ์

เหตุการณ์โรงอบลำใยแห้งระเบิดที่อำเภอสันป่าตอง คร่าชีวิตคนไป 39 คน ดูนี่เลย เหตุการณ์นั้นทำเอาลุงจิ๋วหวานเจี๊ยบซึ่งดำรงตำแหน่ง รอมอตอ กะลาหอมแกออกมาระล่ำระลักให้สัมภาษณ์ว่ากระทรวงแกไม่เกี่ยว กระทรวงเกษตรตะหาก ส่วนกระทรวงที่ออกตัวล้อฟรีก็กระทรวงอุด บอกว่าสถานที่ระเบิดไม่ได้รับอนุญาต ส่วนกระทรวงที่ได้หน้าได้ตาได้ใจไปเต็มๆก็กระทรวงแรงเงิน ออกมาบอกว่าจะจ่ายศพละเท่านั้นเท่านี้ แล้วก็จบเรื่องกันไป

ต่อมาก็คลังแสงที่ปากช่อง โคราชระเบิด กรณีนี้ ชาวบ้านร้านตลาดเสียชีวิตไปนับสิบ ดูคลิปแก้เหงา  ขนาดของพี่เค้าเองยังระเบิดเลย 

ต่อมาเมื่อปีก่อน โกดังแถวๆนราธิวาสระเบิด ข่าวว่าเป็นโกดังที่เก็บพลุ ดอกไม้ไฟ งานนี้ได้ข่าวมาว่าพอถามเรื่องการอนุญาตก็ติดอ่างกันไปมากมายเลยเทียว

ที่ต้องพูดถึงการอนุญาต ก็เพราะว่ามันคือต้นทางการควบคุม หากต้นทางมันหย่อนเป็นหนังกะติ๊ก ปลายทางมันก็ยานเป็นหนังกะป่อก 

กระทรวงต่อมาก็กระทรวงอุตสาหกรรม ผู้เป็นคนให้อนุญาตตั้งโรงงาน ส่วนไอ้ที่จะบิดจะเบี้ยว เล่นคำว่าสถานประกอบกิจการแบบนี้ต้องขออนุญาตรึไม่ต้องขอ ก็ดูกันเอาเอง ว่า สถานที่ตั้ง สภาพแวดล้อม ที่ตั้งโรงงานมันได้ผ่านการตรวจสอบกันมากมั้ย รึถ้าจะแถไถลไถเถือกกันไปว่าแอบตั้ง ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะปีก่อนก็ระเบิด

อีกกระทรวงที่จะไม่กล่าวถึงก็ไม่ได้ กระทรวงมะหาดเทย เขากับกระทรวงอุด แยกหน้าที่กันลำบาก เพราะเขาเป็นเจ้าของบ้าน เจ้าของพื้นที่ ขนาดจะทำส้วมใหญ่ๆสักหลังยังต้องขอพี่เขาเลย ทำโรงงานพลุนะมึง ไม่ขอได้ไง อ่ะนี่ เอกสารที่ต้องเตรียม คล๊กเลย อย่าช้า  ก่อนพี่ๆเค้าจะอนุญาต นู่แหละมึง เกือบสองเดือน แต่ถ้าคุยกะแกดีๆ ที่เย็นๆ เพลงเบาๆ แกเซ็นเร็ว เชื่อกู 

กระทรวงถัดมาเลย ก็กระทรวงแรงงาน หยิบเอากฏกระทรวงเรื่องการจัดให้มีบุคคลากร บรรดา จอปงจอปอ มาถามเล่นๆ ว่าโรงงานพลุเนี่ยมันอยู่ในบัญชีไหนขอรับท่าน แล้วเขาจะต้องมี จอปอมั่งมั้ย ส่วนเรื่องมาตรการอื่นๆ ตามกฏกระทรวงอื่นๆ สภาพการทำงานปลอดภัยมั้ย อาจจะโดนถาดฟาดหัวโครม!!! ถามโง่ๆ ...

นี่ยังไม่รวมรถขนวัตถุระเบิดพวกนี้ ผมเคยเจอมากะตัว มีรถมาส่งของที่เหมืองยิปซัมแถวๆอำเภอหนองบัว นครสววรค์ ผมเห็นข้างรถเป็นพวกใส้กรอก หมูยอยี่ห้อหนึ่ง ก็เลยถามลูกน้องไปว่ารถใส้กรอกมาทำอะไร แถวๆโรงเก็บวัตถุระเบิด เขาก็บอกว่า ป่าวคับพี่ เป็นรถขนระเบิดเจล กับแก็บ ผมก็ถามไปว่าไม่เห็นติดเพลคาร์ดเลย เขาก็บอกว่าติดไม่ได้ครับพี่ เพราะถ้าเป็นรถขนระเบิด ตำรวจเรียกตลอดทาง โอววววแม่เจ้า แบบนี้วันดีคืนดี ไอ้รถใส้กรอกนี่ไปคว่ำ ไม่ซ้ำรอยเหตุการณ์ที่ทุ่งพร้าวหรอกรึ เอาๆๆๆๆ เอาที่สะดวกเลยมึง เรื่องนี้ต้องถามอีกกระทรวงนึง กระทรวงคม -นา-คม นี่ได้ข่าวว่าเจ้ากระทรวงคนก่อนถูก ปอชอปอ ปอปอชอ ปอปองอ และอีกหน่วยหน่วยงานอิสระ (เป็นพักๆ)ลงมือลงตีน โดนคราวนี้ไม่รู้พี่หนูจะโดนยุบพรรคมั้ย เพราะเอาไปเทียบกับคดีพรรคอนาคตวูบ ยุบเขาตาปริบ คราวนี้เลยแถแถกลำบาก ต้องร่างคำบรรยายดีๆ ดูไปเหมือนโรงงานพลุเลยมึง เหอๆๆๆๆ ประเทศกูมี ทุกอย่างที่คนอื่นไม่มี นี่ยังไม่รวมตำรวจทางหลวง ไม่รู้ว่าพี่กำนันกูออกมารึยัง แหมๆ อุตส่าห์ขี่รถนำ แถมเจอเรื่องส่วยสติกเกอร์อีก ระวังเด้อ วันหลังไปโบกรถใส้กรอก เจอใส้กรอกเทียมเข้าจะเละกันหมดนะจ่า 😅

พูดมาถึงตอนนี้ หลายคนคงเริ่มงง ว่าหูยยยยย มีหน่วยงานตั้งหลายหน่วยงานดูแล ยังเกิดเหตุไม่หยุดไม่หย่อน  สงสัยเจ้าที่แรงเนอะ  เจ้าที่แต่ละกระทรวง แรงๆทั้งน้าน 

ประวัติศาสตร์เซฟตี้

 Abraham Maslow พูดถึงเซฟตี้ไว้เมื่อปี 1943 ว่าลำดับขั้นของความต้องการของคนนั้นมีอยู่เป็นลำดับๆ เริ่มตั้งแต่ความต้องการพื้นฐาน อย่างอาหาร อา...