วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2559

กรรมกรต่างภาษาเซฟตี้ปากหมาต่างแดน

 

Emotional Brain ทำให้เราจำอะไรได้นาน จำไม่ลืม

 

เดือนเมษา วันหยุดยาวๆ แดดแบบนี้

แดดเปรี้ยงๆแบบนี้ทำให้หวนนึกถึงยามที่ไปตกระกำลำบากอยู่สิงคโปร์

ความที่ผืนดินบนเกาะจูล่ง นั้นอยู่กลางทะเล เวลาใกล้เที่ยงแดดตรงหัว มันจึงร้อนจนแทบละลาย มันร้อนอบอ้าว ไม่เหมือนความร้อนตรงสันเขื่อนฮูเวอร์ที่อเมริกา ที่ร้อนแห้งๆราวกับเสื้อสีดำที่ใส่ไปจะลุกติดไฟพรึบขึ้นมา นั่นเป็นครั้งแรกที่ได้เจอลมร้อนแบบทะเลทราย ยิ่งต้องลงไปเดินอยู่กลางแจ้งยิ่งเหมือนกับหนังจะหลุดออกจากเนื้อเลยทีเดียว ร้อนทะเลทรายกับร้อนทะลมันไม่เหมือนกัน ถ้าให้เลือกร้อนแบบหลังดีกว่าเยอะ เพราะเราคุ้นเคย

อุณหภูมิที่สูงกับความชื้นในอากาศที่มากทำให้เหงื่อออกเป็นน้ำเปียกโชกตั้งแต่หัวจรดเท้า ใต้หมวกเซฟตี้ปีกกว้างแบบคาวบอย ผมเผ้าที่รกรุงรังเปียกชุ่ม เสื้อแขนยาวแม้จะมีช่องระบายอากาศที่แผ่นหลังก็โชกไปด้วยเหงื่อ

กางเกงในฉ่ำไปด้วยน้ำพักน้ำแรง

แสงแดดหลุบลงในช่วงบ่ายตามมาด้วยพายุฝนฟ้าคะนอง ฟ้าร้องกึกก้องแผดผ่าเปรี้ยงๆตรงนั้นตรงนี้เป็นระยะๆ เป็นแบบนี้ทุกวัน

ที่หลบฝนในตู้คอนเทนเนอร์จึงแออัดไแด้วยผู้ใช้แรงงานตัวเหม็นๆอย่างพวกเรา กลิ่นเหงื่อ กลิ่นเต่า กลิ่นรองเท้าเหม็นตุ่ยๆจึงเป็นเหมือนไออบของชีวิตที่ใช้แรงงานในต่างแดน

คลุกคลีกับคนงานจนเป็นเหมือนพี่น้อง ผมจึงเป็นเหมือนทุกเรื่องยามที่เขาลำบาก

คนงานคนหนึ่งถูกตรวจพบฉี่สีม่วง

เขายืนกรานว่าไม่เคยเสพสารเสพติดอย่างที่ห้องพยาบาลของเอ็กซอนโมบิลกล่าวหา

เขาถูกส่งไปสถานีตำรวจ ถูกขังและส่งตรวจอีกสองรอบที่โรงพยาบาล ผลเป็นลบทั้งสองครั้ง แต่แทนที่จะได้รับการส่งมาทำงานเขากลับถูกแผนกเซฟตี่ของเอ๋กซอนออกคำสั่งประกาศิตส่งเขากลับบ้าน ไม่แยแสหนังสือโต้แย้งจากเรา

นั่นทำให้เราเริ่มเกลียดพวกที่ใส่เสื้อเซฟตี้แต่หาได้มีสำนึกแบบเซฟตี้จริงๆเลย มันบ้าอำนาจ ใช่เลย เซฟตี้แบบบ้าอำนาจ บ้าตัว E-ENFORCEMENT

คนงานอีกคนป่วย ผมไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนเขา หมอที่นั่นวินิจฉัยว่าเขาป่วยด้วยอาการ ที่เรียกว่า ชริโซฟีเนียร์ คนไข้ได้ยินเสียงในหัวของเขาเอง เหมือนมีใครมาคุยด้วยตลอด เขาพูดคนเดียว เลยถูกส่งเข้าโรงพยาบาลโรคทางจิต ที่นั่นคนไม่บ้าเข้าไปอยู่รวมกันกับคนบ้า คงบ้าได้ง่าย

คนงานรายนี้ มีลูกหนี้มากมายในไซท์งาน เพราะเขาขี้เหนียวเก็บเงินได้มาก ให้คนยืมไปเยอะ พบป่วย สิ่งที่เขาส่งมอบให้ผมคือบัญชีลูกหนี้ ป๊าดในรายชื่อเหล่านั้นมีระดับซุปเปอร์ไวเซอร์หลายคนเชียว

สิงคโปร์ เป็นเมืองเล็กๆ กิจกรรมยามว่างของคนงานในวันหยุดแค่วันเดียวต่อสัปดาห์ คือการไปสุมหัวกันในย่านคนไทย กิน เที่ยว ปลดปล่อย แล้วก็มุ่งหน้ากลับหอพักให้ทันเวลา มิเช่นนั้นจะเข้าไม่ได้ คราวนี้ก็เป็นเรื่อง มีอยู่หลายหนที่คนงานไปติดค้างอยู่ข้างนอก เดือดร้อนเราทุกครั้ง
คนงานต่อยกันหน้าตาบวมปูด สอบสวนได้ความว่าเมา หมั่นใส้กันตอนจีบสาว พกความหมั่นใส้กลับมาด้วยกัน ได้จังหวะเลยต่อยกันหน้าตาเละ สุดท้ายส่งกลับทั่งคู่
การทำงานในไซท์ก่อสร้าง ในฐานะผู้รับเหมา เป็นประสบการณ์แปลกใหม่ ได้เจอพวกเซฟตี้แปลกๆ คนไทย ฟิลิปปินส์ แขกมาเลย์ อินเดีย แต่ที่กวรตีนที่สุดขี้เก็กที่สุด ไม่มีใครกินเซฟตี้คนไทย
ไอ้พวกนี้ใส่ชุดเอ็กซอนโมบิลแล้วราวกับมันเป็นพระเจ้า เดินมาอย่างนายแบบ กอดกระดานรองเขียน สะพายกล้อง มาจ้องเมียงๆมองๆคนงานไทยที่ทำงานบนนั่งร้าน แล้วกวักมือเรียก ไอ่น้องลงมานี่หน่อย พอคนงานปลดตะขอสายกันตก จะลงมาหามัน มันยกกล้องถ่ายรูปแชะ แล้วเอาไปใส่รายงานว่สคนงานไทยไร้สำนึกไม่คล้องสายกันตก ระยำจริงๆไอ้นี่
ไอ้แขกอินเดียอีกคน ไอ้นี่มาซุ่มๆดูคนงานเจียร์งานในซุ้มผ้ากันไฟ มีไฟร์วอทช์อยู่ใกล้แต่ไม่เกินสามเมตร ไอ้หอกนี้เดินมาหาผมโวยวายว่าคนงานทำงานแบบโลนเวิร์คเกอร์ ผมเถียงไปว่ามันไม่ใช่โลนเวิร์คกิ้ง กูยืนหัวโด่อยู่นี่ ไฟร์วอทช์ก็อยู่ด้วยตลอด เถียงมันไป มันบอกยูมีทัศนะคติไม่ดี ขอคุยกับผู้จัดการ เลยบอกมันไปว่า กูนี่ไงผู้จัดการ ไอ้ควาย มึงมีปัญญาแค่กดขี่คนงาน มึกแหกตาดูสิว่ามันไม่ใช่ Lone working ด่ามันไปอีกหลายประโยค มันเลยเดินหนีไปเลย
นึกไปนึกมา ก็แวบขึ้นมาในหัวว่า เราเคยงี่เง่าแบบนี้กับผู้รับเหมารึเปล่าวะ กรรมถึงตามสนอง แต่เอ... เราไม่เคยงี่เง่าแบบนี้เลยนี่หว่า

ปั๊กยู

 
 
 
 


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ติดคุกเพราะชำนาญการ

 พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 มีข้อกำหนดมากมายหลายมาตรา รับกันมาเป็นทอดๆ ไล่ไปตั้งแต่มาตรา 4 ที่เ...