วันพุธที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ขอให้วิญญานหนูน้อยและคุณครูไปสู่สุขคติ



ไม่สามารถทนดูภาพได้จนจบ น้ำตามันไหล 


ข่าวไฟไหม้ รถบัส คร่าชีวิตเด็กนักเรียนและครูที่ติดอยู่ในรถ ภาพไฟที่ลุกโหมท่วมตัวรถมันทำให้อเนจอนาถใจ ความร้อนขนาดนั้นคงไม่มีใครจะรอดออกมาได้

ยิ่งมาได้ฟังข้อมูลเกี่ยวกับการติดตั้งถังแก็สในตัวรถจำนวนมากมาย โดยไม่ต้องใช้อคติ ใดๆในการตั้งคำถาม ว่าติดเข้าไปได้ยังไง แล้วที่ว่าผ่านการตรวจโดยขนส่งทุกๆสองปี มันตรวจกันยังไงถึงได้ผ่านการอนุมัติ 

ส่วนเรื่องคนขับ พนักงานประจำรถอะไรอีกสาระพัดสาระเพ มันยิ่งทำให้เห็นว่า Transportation Safety Management -TSM ที่กรมการขนส่งได้ริเริ่มเอาไว้ มันก็แค่กระดาษ  ผมจะรอดูว่างานนี้ จะเอาผิดเปิดโปงไปได้สักกี่คน สุดท้ายก็คงเงียบๆไปเหมือนเรื่องกำนันนก เรื่องส่วยสติ๊กเกอร์ 

ประสบการณ์ที่ต้องไปติดต่อกับขนส่งแต่ละที มันหงุดหงิด มันหากินกันเป็นกระบวนการ ขนาดเรื่องกระจอกๆอย่างใบรับรองแพทย์ มันยังเอาเลยครับ ใบรับรองแพทย์จากที่อื่นใช้ไม่ได้ ต้องเป็นคลีนิกเล็กๆแถวนั้นแหละ มอเตอร์ไซค์พาไปถูก ขอบอก  ส่วนกรณีทะเบียนขาด มีร้านมากมายแถวๆนั้นรับจัดการให้ ถนนราคาไม่ธรรมดา แลกเอากับความสะดวก ส่วนเรื่องรถโดยสาร รถขนาดใหญ่ เขาตรวจกันแบบไหน ไม่รู้ มารู้อีกทีก็ตอนไฟไหม้คลอกเด็กๆตายนี่แหละ 

ที่นี่ประเทศไทย ประเทศที่ได้รับการบันทึกโดยองค์การ WHO ว่ามีอุบัติเหตุทางถนนอันดับสองของโลก และติดอันดับหนึ่งในเอเชียไม่มีใครแซง 

ประเทศไทย
  



วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2567

ลิงห้าตัว

 


 

นักวิทยาศาสตร์ เอาลิงมาห้าตัว ใส่เข้าไปในกรง ที่เพดานกรง มีกล้วยหวีหนึ่งห้อยอยู่ ใต้กล้วยหวีนั้นมีบันไดเตี้ยๆ พอที่ลิงเมื่อปีนไปบนบันไดแล้วจะคว้ากล้วยมาได้ง่ายๆ 

นักวิทยาศาสตร์ เฝ้าดูลิงทั้งห้าตัว 

หากมีลิงตัวใดตัวหนึ่ง เจี๊ยก ขุก ขุก เดินไปแตะบันไดและทำท่าจะขึ้น พวกเขาก็จะระดมฉีดน้ำเย็นเจี๊ยบใส่เจ้าลิงตัวนั้น มันร้องจ๊ากๆๆๆๆ และลิงสี่ตัวที่เหลือก็จะถูกน้ำเย็นนั้นฉีดใส่ ต้องร้องจ๊ากๆๆๆเจี๊ยกๆๆๆ ไปด้วยกันทุกตัว 

ทำอยู่เช่นนี้ทุกวัน เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม 

ไม่มีลิงตัวไหนกล้าเข้าใกล้บันไดและกล้วยศักดิ์สิทธิ์นั่นเลย พวกมันได้แต่นั่งมองกล้วยศักดิ์สิทธิ์ด้วยความอยากกิน 

นักวิทยาศาสตร์ เอาลิงออกมาหนึ่งตัว เอาลิงน้องใหม่ใส่เข้าไปแทนหนึ่งตัว เจ้าเด็กใหม่ เข้าไปในกรง เห็นกล้วยศักดิ์สิทธิ์ มันบ่น ขุกๆๆๆ แล้วเดินอาดๆ เข้าไปที่บันได 

ทันทีที่มันคว้าบันได ลิงสี่ตัวที่นั่งหงอยๆอยู่ในกรงก็พากันรุมกระตื๊บและฉุดลากเด็กใหม่ออกมา เจ้าเด็กใหม่งงกับปรากฏการณ์นี้ มันได้แต่นั่งมองกล้วยนั่นด้วยความอาลัย ผ่านไปหนึ่งเดือน ลิงเก่าถูกเปลี่ยนออกไป มีลิงใหม่มาแทนหนึ่งตัว 

เหมือนเดิม เด็กใหม่เข้ามาในกรง มองกล้วย มองลิง ส่งเสียงถามเป็นภาษาลิง เฮ้ยๆๆๆ พวกเอ็งทำไมปล่อยให้กล้วยมันห้อยอยู่แบบนั้น ทำไมไม่กิน ว่าแล้วก็อาดๆเข้าคว้าบันได 

ความโกลาหลเกิดขึ้น ลิงสี่ตัว ซึ่งหนึ่งในนั้นเคยเป็นลิงใหม่ที่ไม่เคยเจอน้ำเย็นๆ ก็ร่วมกันกระทืบไอ้หน้าใหม่อย่าเอาเป็นเอาตาย 

ทำอยู่แบบนี้ เอาลิงเก่าออก เอาลิงใหม่ใส่แทนไปครั้งละตัว ได้ผลเหมือนเดิม จนกระทั่งลิงชุดแรกที่เคยโดนน้ำเย็นออกไปหมดแล้ว ยังปรากฏว่า เมื่อลิงใหม่เข้ามา หากไปแตะต้องกล้วยศักดิ์สิทธิ์นั่นมีอันเจ็บตัว 

การทดลองนี้พิสูจน์ให้เห็นสาเหตุที่เด็กอาชีวะต้องตีกัน ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปกี่รุ่น มันยังไม่รู้เลยว่าตีกันเรื่องอะไร 

เซฟตี้ก็เหมือนกัน หากทำให้เกิดปรากฏการณ์การยอมรับและเอาใจใส่เรื่องความปลอดภัยไปได้เรื่อยๆ แบบลิงห้าตัว แบบนี้ถึงจะเรียกว่า เจ๋งจริง 



วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2567

อิด' ส อับ ทู ยู

 


นานๆจะเห็นผู้คนมีอารมย์ร่วมกันแบบนี้ซักที

ตั้งแต่ลุงเข้ามาปฎิวัติรัฐประหาร หยุดปรากฎการณ์กีฬาสี แบบที่ว่า ถ้ามีคนใส่เสื้อแดงหลงไปในดงคนใส่เสื้อเหลือง ก็มีสิทธิ์ถูกตีถูกระทืบตาย แบบถวายชีวิตกันเลย ในทางกลับกัน ก็ทำนองเดียวกัน การปรากฏกายของลุงในวันนั้น ทำให้เพลง เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน ก็กระหึ่มขึ้นมาแทนเพลงที่เคยดังในเวทีเสื้อแดง เสื้อเหลืองและลายธงชาติ 

แปดปีผ่านไป คนก็เริ่มมีอารมย์ร่วมกันอีกหน คราวนี้เป็นเสียงตะโกน ไอ เฮีย ทู ตอนนี้ลุงแกไปสู่สุขคติแล้ว ไปสบายแล้ว ไม่ต้องมาบ่นเหนื่อยออกทีวี  พอเลือกตั้งเสร็จ พรรคคนรุ่นใหม่ชนะถล่มทะลาย ลุ้นกันอยู่หลายเดือน สุดท้ายเจอบรรดา สอวอ ออกมาขวางว่าถ้าไอ้หล่อนี่เป็นนายก เราไม่โหวตให้ อารมย์ที่มีต่อสอวอ ก็กระหึ่มอีกที เสียงบ่น ไอ้ควาย ไอ้ควายกระหึ่มไปทั่ว ไม่รู้เขาหมายถึงใคร แต่มันเป็นอารมย์ 

ในที่สุด พรรคเพื่อใครก็ได้จัดตั้งรัดทะบาน แบบทุกลักทุเล คนที่เคยหล่อ แบบหมอคนน่าน กลายเป็น หอมออา... เสียคนไปเลย เพราะแกไปออกหน้าแทนนาย  นั่นก็เป็นผลจากอารย์ร่วม ของคนเคยรัก แล้วต่อมา ลุกทักกี้ก็ได้กลับบ้านมานอนหลบอยู่ชั้นสิบสี่ กระหึ่มอีก รัดถะบวมลุงนิดบริหารเก่งจนคนเริ่มร้องระงมหาลุงตุ่ย มันก็เป็นอารมย์ของคนที่จะอดตาย เฮ่อๆๆๆ 

แล้วเสียงของผู้คนที่มีอารมย์ร่วมกันก็กระหึ่ม แต่คราวนี้มันเป็นอารมย์แบบว่า เรื่องของมึงเลย เอาที่มึงสบายใจ อยากทำอะไรทำเลย บางคนก็ต่อคำสร้อยให้ด้วย เช่น ไอ้ควาย อะไรทำนองนี้ มันเป็นอารมย์เบื่อหน่าย เพราะเห็นทำกันแบบนี้มาไม่รู้กี่หน ขนาดคนไม่ได้ทำยังเบื่อ ผมพูดถึงการยุบพรรคการเมือง ไม่ได้อะไรมาก อิด'ส อับทูยู เลย 

เรื่องความปลอดภัยก็ทำนองเดียวกัน บางทีคนเป็นเซฟตี้เสนอแนะอะไรไป บรรดาเจ้า นายก็ไม่ค่อยจะฟัง บางคนไม่ฟังปล่าว เถียงด้วยว่า เราอยู่กัยมาสามสิบปีไม่เห็นเคยมีอะไร อันนี้ไม่นับไอ้สองคนที่ตกหลังคาคอหักตายเมื่อสองปีก่อน 

คนพวกนี้ บางทีก็ต้องบอกว่า เอาที่มึงสบายใจเลย กูไม่ได้ไปติดคุกติดตารางกับมึง ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ โรงงานก็ของมึง มึงอยากปล่อยน้ำเสียลงแม่น้ำป่าสัก ก็น้ำมึง เอาที่สบายใจ 

คนงานบางคนก็ดื้อด้านมาก ห้ามอะไร สอนอะไรก็ไม่ค่อยฟัง เถียงด้วย โหทำอะไรทีต้องตัดไฟต้องล๊อกต้องแท่ก เสียเวลาตายห่า พอถามว่าไอ้ที่เสียเวลาเนี่ยมันเวลาของใคร มีสักนาทีมั้ยที่เป็นเวลามึง มันเป็นเวลาของบริษัททั้งนั้น เขาต้องการให้มึงทำให้ปลอดภัยก่อน แหมฮึดฮัด กระฟึ่ดกระฟัด เจอไอ้พวกแบบนี้ก็ต้องบอกว่า เอาเลย เอาที่มึงสบายใจ ไอ้ควาย 

ที่ผ่านมาสองสามเดือนนี้ มีแต่ข่าวปลาหมอคางดำ ข่าวสานรัดถะทำมะนวย ข่าวยุบพรรค ข่าวปลดนายก ข่าว สอวอ  ข่าวปริญญาปลอม 

เอาที่ยูสบายใจเลย พวกเราเข้าใจ 












วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2567

ช่องใหม่บนยูทูป

 หลังจากพรรคการเมืองที่ผมชื่นชอบถูกสั่งยุบพรรคไปเมื่อสองวันก่อน ทำให้อะไรๆที่มันมัวๆหม่นๆ ก็ชัดเจนขึ้น ได้เวลาตั้งช่องยูทูปใหม่ 

ติดตามเนื้อหาสนุกๆด้านความปลอดภัยได้ทั้งสองช่องทาง คลิกที่นี่ 

นอกจากนี่ผมยังมีเนื้อหาเกี่ยวกับข่าวคราวและวิเคราะห์กระเทาะกระทบกระเทียบไว้ในเว็ปไซต์  www.workersaved.com     มีเรื่องมุมมองกฏหมายมาคุย อย่างเรื่อง ผีอิฐบล็อก 


ไว้พบกันนะครับ 

วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2567

เรื่องกากๆ

กากแคดเมี่ยม ถูกขุดขึ้นมาจากหลุม แล้วส่งไปซ่อนไว้ในโกดังต่างๆหลายแห่ง พอเป็นข่าวขึ้นมา คราวนี้ก็ออกมาแก้เกี้ยว กันพัลวัน คนที่เกี่ยวข้องตรงๆ ก็หนีไม่พ้น ก็คือกรมโรงงาน เพราะตัวเองเป็นคนกำกับดูแล เรื่องการจดทะเบียน การอนุญาต โรงงานกำจัดกาก และเรื่อง การแจ้ง รายงาน การมีขึ้นของบรรดาของเสีย วัสดุไม่ใช้แล้ว รวมไปจนถึงบรรดาขยะอันตราย แถมมีระบบที่ต้องกรอกข้อมูลด้วยระบบออนไลน์ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า แหล่งกำเนิดของเสียเหล่านั้น ถูกขนส่งไปยังสถานที่บำบัดที่ได้รับอนุญาต โดยผู้รับจ้างขนส่งที่ได้รับอนุญาต ระบบ Manifest แบบนี้นับได้ว่าถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้มีการลักลอบขน นำไปกำจัดแบบมั่วๆ แต่คำถามที่ทำเอาติดคอกันไปตามๆกันคือ อยู่ๆ มีคนไปขุดบ่อฝังกลบ กากของเสียอันตราย ใส่ถุงบิ๊กแบ๊ค ขนไปไว้ในโกดัง ทั้งใน กทม.และหัวเมือง มันเกิดขึ้นได้อย่างไร 

เรื่องนี้ ไม่ต้องการคำตอบอะไรทั้งสิ้น ก็ขนาดโรงงาน ปล่อยน้ำที่ไม่ได้บำบัดออกไปนอกโรงงานทุกเดือน อุตสาหกรรมจังหวัดเข้าไปตรวจ ก็ยังไม่เห็นจะทำอะไร ทั้งๆที่ตัวเองมีประกาศกรมโรงงาน สามารถปรับผู้ก่อมลพิษได้วันละสองแสน ยังไม่ทำอะไร เรื่องนี้ใครข้องใจว่า ใคร อะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ หลังไมค์เข้ามา จะให้ดูรายงานที่เคยทำเรื่องสอบสวนผู้บริหารระดับสูงของโรงงานชื่อดัง จะได้ประจานกันไปว่า เรื่องกากๆ คนกากๆ มีอยู่ทั่วไปหมด ฝังเท่าไหร่ก็ไม่หมด เหมือนผีดิบ เดี๋ยวมันก็ลุกออกมาเดินได้ 


กลับมาที่กากแคดเมี่ยม คนที่ก่อให้เกิดกากชนิดนี้ เขาก็รู้ ว่าแคดเมี่ยมมีอันตรายต่อร่างกาย เขาก็ส่งไปกำจัดที่บ่อฝังกลบ 

ส่วนไอ้เจ้าของบ่อฝังกลบนี่แหละ ที่ต้องตอบคำถาม ว่าอยู่ดีๆ ทำไมถึงเปิดป่าช้า ขุดเอาซากซอมบี้ที่นอนอยู่ในหลุม ใส่ถุงบิ๊กแบ๊ค ขนใส่รถบรรทุก เอาไปไว้ในโกดังที่ปลายทาง เออ ตอบมาว่าเพราะอะไร

ส่วนไอ้เจ้าของโกดังปลายทาง ทำไมอยู่ดีๆ เปิดโกดังเอาถุงใส่ซากซอมบี้มาเก็บไว้ 

ถ้าไอ้สองคนนี่มันซัดทอดว่า ที่ขุด ที่ขนมาเนี่ย เจ้าหน้าที่เขาอนุญาตแล้ว ก็ต้องถามว่าใครอนุญาต เพราะผมก็เคยเจอ ตนที่อนุญาตให้โรงไฟฟ้าแถวๆมาบตาพุด ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ยังไม่เสร็จ ปล่อยน้ำที่ไม่ได้บำบัด ฟองฟ่อด ลงทะเลหน้าตาเฉย ผมก็เคยไปเจอและถามมาแล้วเหมือนกัน เคสนี้ มันก็ต้องมีคนอนุญาตแหละ อยู่ๆจะขุดซากขึ้นมา มันก็คงไม่ง่ายละม้าง 

อีกคนหนึ่ง โบกรถเหยงๆอยู่ข้างถนน เห็นขนอะไรมา ไม่เรียกขอดูอะไรบ้างเลยรึ ขนขยะอันตราย ป้งป้ายไม่ติด หรือจะเถียงว่า ไอ้โบกน่ะก็โบกแหละ แต่มันมีใบผ่านทาง ก็ต้องให้ไป นี่ก็รอกำนันนกเขาออกคุกมาจะได้ไปกินเลี้ยงดันเหมือนเคย แหะๆๆๆๆ พูดลำบาก วัวเคยค้าหมาเคยขี่ 

เอาหละ ถ้าไอ้คนที่เขาอนุญาตมันชิ่ง ติ๊ดชึ่ง ออกตัวล้อฟรีว่าไม่ได้อนุญาต ก็เท่ากับว่า ไอ้เจ้าของป่าช้า กับเจ้าของโกดังก็รับไปเต็มๆ จะหลบท่าไหนก็โดนอยู่ดี 

เรื่องอลเวง ที่เกิดจากการเอาหูไปนี่ เอาอี๋ไปนู่น มันก็ลงเอยแบบนี้แหละ อย่าให้ฉะอย่าให้แฉ จิ้มไปตรงไหนก็เยิ้มไปหมด เหมือนผีเน่า 

ไงล่ะเมิง นี่ขนาดกากแคดเมี่ยมน่ะ ถ้าเป็นกากกัมมันตภาพรังสีล่ะก็งานเลย ว่าแต่ว่าเห็นรึ่มๆจะเอาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไม่ใช่รึ ค่าไฟจะได้ถูกลงอีกสักสองสลึง 

วันพฤหัสบดีที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

บ่าวร้อนเสียเหลือเกิน ภาคต่อ

กระทรวงแรงงานสหรัฐอเมริกาสั่งปรับบริษัทอลาบามาคอนสตัคชั่น ข้อหาปล่อยปละให้คนงานฉาบปูนอายุ 33 ปีเกิดอาการป่วยจากความร้อน เพ้อ อาเจียน หมดสติและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ผลการสอบสวนพบว่าคนงานดังกล่าว ทำงานในวันที่ระดับค่าดัชนีความร้อน (Heat Index) สูงถึง 107 ดีกรีและระดับความชื้นสัมพัทธ์ 85 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้นยังพบว่ามีคนงานอีก 18 คนที่ถูกให้ทำงานในสภาพเดียวกันเป็นเวลา 10 ชั่วโมงต่อกะเลยทีเดียว อ่านจากข้อมูลต้นฉบับเอาเอง 

เรื่องคนงานอยู่ๆก็ตาย ในหน้าร้อนในเมืองกะลาแลนด์นี่ ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีให้เห็นกั้นทุกปี แต่ขอประทานโทษ ไม่มีการสอบสวนดำเนินการเอาผิดใดๆกับนายจ้าง บ่าวร้อนเหลือเกินแล้วเจ้านาย บางคนอาจจะส่ายหัวว่าแหม มันจะอารายกันนักหนา ร้อนก็ไปหลบร่มดี๊ เขาจ้างมาทำงาน ไม่มีใครร้อนถึงตายหรอก แหมลูกจ้างสมัยนี้มันสำอางค์เหลือเกิ้น 

ประเทศกะลาแลนด์เนี่ย เอาค่าระดับความร้อนที่วัดแบบ WBGT -Wet Bulb Globe Temperature มากำหนดเป็นมาตรฐานเพื่อไม่ให้ลูกจ้างที่ทำงานในลักษณะงานแบบ เบา งานปานกลาง และงานหนัก ต้องเจอกับความร้อนที่เกินกว่าที่กฏหมายกำหนด จนเกิดอันตรายขึ้น ตรงนี้ผมต้องชื่นชมความพยายามของหน่วยงานที่ออกกฏหมายว่า มีความก้าวหน้ามากขึ้น เพราะ WBGT เอาปัจจัยต่างๆ ที่จะทำให้เกิดอันตรายจากความร้อนมาประกอบ เช่น อุณหภูมิจากแสงแดดที่วัดกลางแจ้ง ความชื้นในอากาศ ความเร็วลม หรือการระบายอากาศ เรียกว่า ถ้างานยิ่งหนัก ก็ยิ่งต้องระวังไม่ให้ทำงานในที่ที่อุณหภูมิเกินกว่าที่กำหนด ไม่งั้น ต้องหามส่งหมอ หรือไม่ก็ฝากสับปะเหร่อไปจัดการ 



เอาล่ะ กฏหมายก็มีแล้ว จป.บริหาร จป.หัวหน้างาน จป.เทคหน่งเทคนิค ไปจนระดับวิชาชีพก็มีแล้ว แต่ยังมีลูกจ้างบ่นบอกว่า ผมเพลียจังเลย แล้วล้มชักกะแด่กๆ เพราะความร้อน แบบนี้ จะให้เรียกว่าอะไร ถูกของเขมรรึไง ก่อนจะหามเขาไปเผา ลองถามดูบ้างมั้ย ทำไมเขาถึงตาย 

วันพุธที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2567

คณะกรรมการความปลอดภัยไม่เวิร์ค

 สภาพคณะกรรมการความปลอดภัย ที่พอประชุมที ก็ออกอาการแบบนี้

  • เข้าประชุมไม่ครบ ประธานไม่เข้า สมาชิกไม่ครบ ประชุมทั้งปี ประธานเข้าหนเดียว
  • ประชุมไป วิ่งเข้า วิ่งออก 
  • สมาชิกเงียบกริบ ไม่เสนอ ไม่แสดงความเห็น ไม่คัดค้าน ไม่มีมติ
  • ฝ่ายลูกจ้างพูด ฝ่ายนายจ้างเถียง หรือในทางกลับกัน บรรยากาศการประชุมคุกรุ่น 
  • มีแต่เรื่อง ส้วมแตก ส้วมตัน น้ำไม่ไหล ไฟไม่ติด หมาเข้าโรงงาน โรงอาหารข้าวไม่พอ 
  • ประธานพูดอยู่คนเดียว 
  • ขาประจำพล่ามไม่หยุด
  • เซฟตี้รับเละ ทุกอย่างเป็นหน้าที่ของเซฟตี้
  • ออกจากห้องประชุม หัวหน้าเรียกไปด่า ไปไหนมา มึงว่างมากนักรึ สิ้นปี ผลงานหด โบนัสหาย มีแต่งานราษฏร์ งานตัวเองไม่เสร็จ
  • และอีกสาระพัดร้อยแปดปัญหาที่เอาแต่พูด ไม่แก้เลยสักเรื่อง กลัวเปลืองงบประมาณ

คณะกรรมการความปลอดภัย เป็นอีกหนึ่งคณะที่กฏหมายบังคับนายจ้างให้ต้องจัดให้มี แถมกำหนดหน้าที่ไว้ชัดเจน สัดส่วนของคณะกรรมการก็มาจากฝั่งนายจ้างและลูกจ้างอย่างละเท่าๆกัน มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทำหน้าที่เป็นเลขา 

ปัญหาที่มักจะเจอ ก็คือ ไม่ค่อยมีใครอยากสมัครมาเป็นกรรมการ โดยเฉพาะฝั่งตัวแทนลูกจ้าง ส่วนฝั่งตัวแทนนายจ้างไม่ค่อยมีปัญหาเพราะแต่งตั้งกันมา ยังไงก็ต้องมาเป็น 

บรรยากาศของคณะกรรมการความปลอดภัยเป็นภาพสะท้อนวัฒนธรรมความปลอดภัย บางแห่ง ไม่มีคณะกรรมการความปลอดภัยมาต่อเนื่อง 2 ปี เพราะไม่มีใครสมัคร ผจก.ความปลอดภัยอยู่แค่ เดือนสองเดือน บางคนอยู่แค่สองอาทิตย์ลาออก บรรยากาศแบบนี้ เจ้าที่แรง สาเหตุสำคัญๆที่ทำให้คณะกรรมการความปลอดภัยไม่เวิร์คก็หนีไม่พ้นเรื่องเหล่านี้เลย
  1. เซฟตี้ เอาไว้ก่อน
  2. ไม่มีงบประมาณ
  3. ไม่มีแผนงาน
  4. มีแต่แผน ไม่มีใครทำ เซฟตี้เป็นเรื่องของ จป. สากกะเบือจนเรือรบ
  5. นายพูด ลูกน้องฟัง ห้ามถาม ห้ามเถียง
  6. ใครเสนอ คนนั้นทำ
  7. ไม่เคยเสร็จเลยสักเรื่อง
  8. กลัวเปลืองเวลางาน
  9. ไม่ไว้ใจ เดี๋ยวพวกหัวแข็งยูเนี่ยนเข้ามาแจม
  10. ไม่มี จป. ลาออกหมด 
ใครมีมากกว่า 3 ข้อ แสดงว่า วัฒนธรรมความปลอดภัยของคุณอยู่ในระดับวิกฤติ อย่าอยู่นาน ลาออกเถอะ 


วันจันทร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2567

ทำงานหนักจนถุงเท้าหลุด

 




"Work his sock off"

If you work your socks off, or work your tail off, you work very hard.

ผมมีเพื่อน มีหัวหน้า เป็นคนอังกฤษอยู่หลายคน ก็เลยได้พูด ได้คุย ได้เถียงกันอยู่บ่อยๆ คนอังกฤษใช้ Idioms มากมาย บางทีเราก็ยากที่จะเข้าใจอารมย์ที่อยู่เบื้องหลังคำพวกนั้น อย่างคำว่า " Smon, (my name), please do not be too difficult to Mohan Jale Jale (นามสมมติ). He is a good man, he works his socks off!!" 

ประโยคนี้ผมงงอยู่พักนึง เพราะข้อมูลที่ได้มา ไอ้นี่มันไม่ได้ขยันอะไรหรอก แต่ทำตัวเป็นเจ้าพ่อประจำโรงงาน ใครไม่เข้าไปอวยมัน มันก็บีบเขาออกหมด เซฟตี้คนเก่าๆ ถูกมันบีบจนอยู่ไม่ได้ และอีกอย่างที่รู้มา ไอ้นี่มันใช้วิธี เอาคนมารองมือรองตีน ยิ่งสาวๆด้วยแล้ว ถ้า Work her pants off จะโตเร็วมาก ชนิดที่ว่า ได้เลื่อน ได้ปรับตำแหน่งกันเร็วมากมาย Work his socks off- ขยันมากจนถุงเท้าขาด ถุงเท้าหลุด มันต้องขยันมากเลย ส่วน Work the pants off มันก็น่าจะความหมายใกล้เคียงกัน ใครไปเรียนที่อีตันมา ก็ช่วยเอามาบอกกันหน่อย เป็นวิทยาทาน

เรื่องมันก็มีอยู่ว่า ครั้งหนึ่ง ผมกำลังเดินตรวจโรงงานแห่งหนึ่ง เพราะมันเป็นช่วงโควิด เดินทางไปตรวจไปเยี่ยมประเทศอื่นไม่ได้ ว่างๆก็เลยลงไปเดินโรงงานที่ตัวเองต้องไปนั่งทำงาน เดินลัดเลาะไปจนถึงบ่อบำบัดน้ำเสีย ไม่ต้องสงสัย พวกผมก็เรียน Waste Water Treatment มา ไม่กาไม่ไก่หรอก อ่ะ บ่อสุดท้าย Retention Pond น้ำดูใสดี นึกชมอยู่ในใจ แต่สงสัยว่าทำไมประตูน้ำมันเปิด Over Flow ตลอด แบบนี้ถ้าระบบผิดปกติ มันก็ไหลออกเลย ไปไหน ไปแม่น้ำป่าสักไง กิโลเดียวเอง ฉับพลันนั้น เสียงพลั่กๆๆๆๆ ท่อขนาดใหญ่ฝั่งโน้น ปล่อยน้ำขุ่นคลั่กลงมา แล้วไหลออกไปเลย ด้วยความสงสัย ขึ้นไปดูระบบบำบัด ภาพที่ปรากฎคือ ถัง Equalization Tanks 6 ถัง พูนไปด้วยตะกอนดิน มันคือตะกอนดิน ส่วน Sedimentation Tank นิ่งสนิท ระบบบำบัดไม่ได้เดินเครื่อง อ้าวแล้วน้ำนั่นมาจากไหน 

เจ้าหน้าที่ สวล.ให้ข้อมูลว่า มันคือท่อที่ต่อตรงมาจากโรงงาน เอาไว้ระบายน้ำที่ไม่ได้บำบัดออกไป เพราะ เหตุผลร้อยแปด ผมเริ่มขุดเรื่องนี้ ก็พบว่า น้องที่ดูแลเรื่อง สวล.บันทึกเป็นรายงานเสนอนายทุกครั้ง ตั้งแต่ปี 2018 เรื่อยมา มีการปล่อยน้ำท่านี้ปีละไม่น้อยกว่า 12 ครั้ง ก็ประมาณเดือนละครั้ง พอเริ่มสอบสวน ไอ้คนที่ขยันจนกางเกงหลุดก็ประกาศกร้าวว่า ถ้า Smon นั่งเฉยๆไม่เป็น ก็จะไล่ให้ไปนั่งที่ประเทศอื่น พอเรื่องมาเข้าหู ผมก็โกรธจนแทบจะกระโดดขึ้นหลังคา Jump to the roof คราวนี้ก็ซัดกันนัว นั่นแหละคือที่มาของคำว่า Work the pants off  อุ๊ป ซี่  ปล่อยน้ำไม่บำบัดลงแหล่งน้ำสาธารณะ ปรับวันละ 200,000 บาทนะ กรรมการบริษัท เจ็ดคนก็วันละล้านสี่ ถ้าจำไม่ผิด อ้าว แล้วอุตสาหกรรมไม่รู้รึ อ้าว รู้ดิ เห็นเข้ามาดู มีรูปยืนคุยกันอยู่ แต่ไม่รู้คุยเรื่องอัลไร คงปรับกันไปหลายร้อยแหละมั้ง 

สลดแล้ว สลดอีก สลดกันต่อไป

 




ขอหักมุมจากเรื่องฮาฮา มาเป็นเรื่องสลดหดเหี่ยวกันหน่อย ว่าเวลาที่คนงาน บาดเจ็บ ล้มตายกันแต่ละที เหตุการณ์ต่อจากนั้นมันเป็นยังไง ใครทำอะไร ที่ไหน อย่างไร

ตัวอย่าง พอเกิดเหตุ คนงานลงไปตายในบ่อบำบัดน้ำเสีย คนงานที่มาประสบเหตุก็จะตกอกตกใจ โวยวาย บางคนก็กระโจนลงไปกะว่าจะช่วยเพื่อน บางคนก็วิ่งไปบอก ไปโทรหาหัวหน้า หัวหน้าก็โทรหา ผู้จัดการ ผู้จัดการโทรหาผู้จัดการ ผู้จัดการโทรหาผู้จัดการ จังหวะนี้ อาจจะมีคนที่พอมีสติโทรหารถพยาบาล โทรไม่ติด โทรติดไม่มีคนรับ มีคนรับพูดไม่รู้เรื่อง เอาเป็นว่า รถหวอคันแรกที่มาถึงก็มักจะเป็น กู้ภัย พระเอกตัวจริงของไทย กู้ภัยก็รีบลงไปช่วยกู้ศพขึ้นมา ตำรวจมาพอดีเลย อีกสักพักหมอก็มา ชันสูตรพลิกศพ ที่ถูกแบกขึ้นมาแล้ว ตามกฏหมาย มาตรา 34 พรบ.ความปลอดภัย อาชีวอนามัย 2554 นายจ้าง ซึ่งก็มักจะเป็นผู้บริหารใหญ่ๆโตๆ ยศระดับ ผอ. ผจ. ที่ได้รับมอบหมายให้ทำการแทนนายจ้าง หรือถ้าเป็นโรงงานเล็กๆ ก็เจ้าของโรงงานนั่นแหละ ต้องแจ้งต่อพนักงานตรวจความปลอดภัยในทันทีที่ทราบ โดยโทรศัพท์ โทรสาร หรือวิธีอื่นใดที่มีรายละเอียดพอสมควร และให้แจ้งรายละเอียดและสาเหตุ เป็นหนังสือภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ลูกจ้างเสียชีวิต  ถ้าไม่แจ้ง มีสิทธิ์โดนปรับ ห้าหมื่นบาทกันเลยเชียว ส่วนว่าแจ้งไปแล้ว พี่เค้าจะมาเลย หรือไม่มา นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับพี่เค้าแหละ ส่วนใหญ่ ถ้าไม่เป็นข่าวครึกโครม พี่เค้าก็จะไม่ค่อยมาหรอก มาทีนึงพี่ๆเค้าก็จะยังไม่ว่าอะไรมาก ส่วนใหญ่ก็จะแค่บอกว่า จ่อๆ หรือเล็งๆ เอาผิดนายจ้าง ไม่รู้ว่าที่เล็งๆจ่อๆ มีลั่นไกไปมั่งรึยัง 



อย่างกรณีเครนถล่ม แถวพระรามสาม ก็จ่อเอาผิดนายจ้าง เหมือนกัน 

ตัดฉากกลับมาที่ เจ้าพนักงานสอบสวน เขาก็มาสอบๆไป ส่วนใหญ่ ก็ประเด็นไว้กว้างๆก่อน ว่า เป็นอุบัติเหตุ หรือ ความประมาท  พี่ๆพนักงานสอบสวนเค้าไม่ค่อยมีอะไรสลับซับซ้อน เค้าเล็งมาที่ 

มาตรา 291 "ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท"
องค์ประกอบความผิด (1) ผู้ใด (2) กระทำโดยประการใด (3) เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย (4) โดยประมาท (องค์ประกอบภายใน (ไม่ต้องมีเจตนา))


การกระทำโดยประมาท คือ การกระทำที่ไม่ได้ใช้ความระมัดระวังทั้งๆที่สามารถใช้ความระมัดระวังเช่นนั้นได้ ซึ่งมีกฎหมายบัญญัติไว้ในมาตรา 59 วรรคสี่ "กระทำโดยประมาท ได้แก่กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่"

สอบคนงานที่ทำงานแถวๆนั้น สอบหัวหน้างาน สอบเจ้าของโรงงาน สอบไปสอบมา ก็อาจจะแจ้งข้อหา คนงานด้วยกันที่บังเอิ้น รอดตายมาได้ หรือไม่ก็หัวหน้างาน รึไม่ก็ไฟร์แมน ส่วนบรรดานายจ้างรอดแน่นอน ก็หลักฐานมันไปไม่ถึง ไม่เข้าองค์ประกอบ 

ส่วน เจ้าหน้าที่ตรวจแรงงาน ถ้าจะหยิบเอา มาตรา ๘ ให้นายจ้างบริหาร จัดการ และดําเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางาน ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กําหนดในกฎกระทรวง มาเลียบๆเคียงๆ ถ้าไม่กล้าถาม ก็อ้อมๆแอ้ม ถามก็ได้ อย่างเช่น กรณีคนงานลงไปตายในบ่อบำบัดน้ำเสียนั้น เขาลงไปทำอะไรกัน ลงไปนั่งเล่นเหรอ ถ้านายจ้างจะบอกว่าไม่รู้ คำถามต่อมาก็ลองอ้อมแอ้มถามดูก็ได้ว่า ทางเข้าทางออก ไม่ได้ปิดกันไม่ให้มีคนลงไปโดยพละการดอกรึ ลองหยิบ กฏกระทรวงเรื่องที่อับอากาศมาไล่นิ้วดู มีกี่ข้อที่นายจ้างไม่ได้ทำตาม แล้วแบบนี้ ถือว่านายจ้างละเมิด มาตรา 8 วรรคแรก ใน พรบ.ความปลอดภัยมั้ย ถ้าใช่ ก็มีบทลงโทษในมาตรา 53 หรือถ้าสอบไปสอบมา การณ์ปรากฏว่า มี ผจ. ผอ.นั่นแหละเป็นคนสั่ง บังคับให้ลงไป แถมรั้นอีกว่า ลงไปล้างแป๊บเดียวเอง จป.ท้วงว่ามันคือที่อับอากาศ ก็เถียงตาปูดตาปลิ้นว่าไม่ใช่ รูเบ้อเร่อเบ้อเถร มันจะอับได้ยังไง แบบนี้ ก็มาตรา 69 เลยครับ 

มาตรา ๖๙ ในกรณีที่ผู้กระทําความผิดเป็นนิติบุคคล ถ้าการกระทําความผิดของนิติบุคคลนั้น เกิดจากการสั่งการ หรือการกระทําของบุคคลใด หรือเกิดจากการไม่สั่งการ หรือไม่กระทําการอันเป็นหน้าที่ ที่ต้องกระทําของกรรมการผู้จัดการหรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดําเนินงานของนิติบุคคลนั้น ผู้นั้นต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สําหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย

เชื่อผมมั้ย ว่าส่วนใหญ่ ลูกจ้างตายไปแต่ละที ไม่เคยมีนายจ้างโดนลงดาบด้วย พรบ.ความปลอดภัยเลย ฆ่าตัดตอนกันด้วย มาตรา 291 เร็ว ครบ จบง่ายดี ส่วนลูกจ้าง ยังไงก็ไปร้อง กองทุนเงินทดแทนเอาละกัน สลดแล้ว สลดอีก สลดกันต่อไป 





วันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2567

ท่านประธานร่วงแล้ว

 

สลิงขาด กระเช้าลอยฟ้าหลุด ทำซีอีโอร่วงพื้นดับอนาถ  😪😪😪


ตั้งใจว่าจะเขียนถึงกรณีสลิงขาดคนงานตาย แถวๆถนนพระรามสอง ก็ไปป๊ะเอาข่าวนี้เข้า ขอแสดงความเสียใจกับการสูญเสียครั้งใหญ่ระดับซีอีโอ 

อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น สามารถป้องกันได้ทั้งหมดแหละครับ บังเอิญว่างานนี้เป็นงานรื่นเริงบรรเทิงใจ กระเช้าที่ออกแบบมา ถ้าจะให้มีความปลอดภัยมากแบบว่า เป็น Safe Working Platform คนข้างล่างก็จะมองไม่เห็น-ท่านประธาน เพราะมีราวกันตกสูงๆ ครั้นจะให้ท่านใส่ PFSD=Personal Fall Arresting Device อย่างเซฟตี้ฮาร์เนส ท่านก็กลัวสูทจะยับ ถ่ายรูปแล้วมันจะไม่สวย ลำบากแท้ เรื่องเซฟตี้เนี่ย 

เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทำให้ความทรงจำในครั้งหนึ่ง ที่ผมทำงานกับบริษัทซ่อมเครื่องยนต์ของเครื่องบิน แถวๆคลองเจ็ด ถนนลำลูกกา คราวนั้น บริษัทเปิดตัวธุรกิจใหม่ ซ่อมเทอร์ไบน์เบลด ของโรงไฟฟ้า จึงจัดงานยิ่งใหญ่ ที่ดรีมเวิลด์ ผมได้รับมอบหมายให้เป็นพิธีกร หลังจากถูกแต่งหน้าทาปากจนขาวว่อก คนคุมเวทีก็เอาสคริปท์มาบรีฟให้ฟัง

เอ่อพี่ การแสดงชุดแรกเป็นการแสดงช้างนะพี่ พอการแสดงชุดแรกจบ พี่ก็ขึ้นไปกล่าวเชิญคุณเอ็ด มากล่าวเปิดนะพี่นะ เอาตามสไตล์พี่เลย ไม่ซีเรียส (มึงไม่ซีเรียส แต่กูเครียด) แล้วการแสดงชุดแรกก็เริ่มขึ้น ช้างน้อยสี่ห้าตัวหลังจากมันออกมาเตะบอลกันพักนึง มันก็เดินชักแถวจับหางกันเข้าเวทีไป 

พิธีกร ก็ออกไปหน้าเวที กล่าวนั่นู่นนี่ แล้วก็เรียนเชิญ ดอกเตอร์เอ็ด เวอร์บิค ประธานในพิธีขึ้นเวที (จริงๆแล้วเวทีมันอยู่บนพื้นแหละ) เอ็ด เวอร์บิคก็เดินอาดๆมาหน้าเวที พลันก็มีเสียงดาบฟันกันช้งเช๊งจากหลังม่าน ตามมาด้วยนักดาบในชุดทหารโบราญ ไล่ฟันกันมาอย่างกับฉากนักเรียนตีกัน ตามมาด้วยเสียงช้างขนาดใหญ่แปร๋แปร๋น ไล่กันมาไม่ห่าง มันคือฉากยุทธหัตถี เอ็ด  เวอร์บิก หลบกับพื้น ตัวสั่น ส่วนกู ไม่ต้องพูดถึง หัวใจไปอยู่ที่ตาตุ่ม มันฟันกันนัวเนียอยู่บนหัวกูกับเอ็ดที่นั่งหลบแนบพื้น ขี้แทบแตก นั่นเป็นการผิดคิวที่เกิอบเอาชีวิตไม่รอดเลยทีเดียว เอ็ดถามรัวๆ สุมนต์ มึงจะฆ่ากูรึ  มันฟันกันอยู่แป็บนึงก็วิ่งเข้าฉากไป ผมประคองเอ็ดลุกขึ้น แล้วระล่ำระลัก "ขอบคุณท่านประธานที่ให้เกียรติร่วมแสดงในฉากอันแสนระทึกใจนี้ " รีบส่งไมค์ให้ แล้วรีบลงจากเวที วันต่อมา รีบยื่นใบลาออกเลย ขืนอยู่ กูโดนข้อหาพยายามฆ่าท่านประธานแน่ 


 

ติดคุกเพราะชำนาญการ

 พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 มีข้อกำหนดมากมายหลายมาตรา รับกันมาเป็นทอดๆ ไล่ไปตั้งแต่มาตรา 4 ที่เ...