วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2561

รังสีกับผีกระสือ


สมัยเด็กๆ หนังเรื่องกระสือ กับหนังอุลตร้าแมน แรงพอๆกัน

แปลกมั๊ย สมัยนั้น ดูหนังอุลตร้าแมน เด็กๆ อยากเป็นอุลตร้าแมน เหาะได้ ปล่อยแสง แจ๊ด ๆๆๆๆ ใส่สัตว์ประหลาด แต่ไม่มีใครอยากเป็นผีกระสือซักคน แปลกจัง

ถ้าปีนี้ลุงตู่ ใส่ชุดอุลตร้าตุ่ย มาเล่าเรื่องอันตรายจากรังสีให้เด็กๆฟัง คงจะช่วยกระตุ้นความอยากรู้เรื่องรังสีได้มากโขทีเดียว 




เอาเถอะ ลุงแกงานเยอะ ช่วงนี้กำลังยุ่งอยู่กะการเป็นตู่ดิจิตอล แกไม่ว่างหรอก

รังสี Radiation มีสองแบบ มีอยู่ทุกหนทุกแห่งรอบตัวเรา คือ รังสีที่ไม่ก่อให้เกิดประจุ หรือเรียกว่า Non-Ionizing Radiation กับ รังสีที่ก่อให้เกิดประจุ หรือ Ionizing Radiation

รังสี เป็นพลังงาน ที่อยู่ในรูปคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า อันตรายที่จะเกิดขึ้นก็คืออันตรายระดับเซลล์ ระดับดีเอ็นเอ เพราะในนั้น เป็นส่วนที่เล็กที่สุดที่เมื่อมันเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ก็จะเกิดอาการเจ็บ ป่วย เสียชีวิตหลายรูปแบบ มาค่อยๆทำความเข้าใจกันก่อน
พวกรังสีที่ไม่ก่อให้เกิดอิออน มักจะมีความยาวคลื่นยาว ความถี่ต่ำอย่างคลื่นแม่เหล็กจากสายไฟฟ้าแรงสูง  ถึงปานกลางอย่างคลื่นวิทยุ และไมโครเวฟ  ถ้าเป็นคลื่นแสง ก็ตั้งแต่ระดับอินฟราเรด ที่ตาเรามองไม่เห็น ไปจนเป็นคลื่นแสงที่ตาเรามองเห็น รวมถึงรังสีอุลตร้าไวโอเล็ท ที่บรรดาช่างเชื่อม เจอกันเป็นประจำทุกวัน




ส่วนพวกรังสีที่ก่อให้เกิดประจุ ก็เกิดมาจากสารที่อะตอมมีความไม่เสถียร (เริ่มพูดภาษาคนไม่รู้เรื่องแล้วสิเรา) คือสารกัมมันตภาพรังสี หรือที่เรียกว่า Radioactive พวกนี้มันเกิดได้ตามธรรมชาติ หรือมนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นมา ที่รู้จักกันและได้ยินบ่อยๆตั้งแต่เด็ก ก็อย่าง รังสี แอลฟ่า ซึ่ง เคลื่อนที่ไม่ได้ไกล ผ่านอากาศได้ไม่กี่เซ็นต์ แค่กระดาษแผ่นเดียวก็ไม่สามารถทะลุได้ แบบนี้ขืนอุลตร้ายูดปล่อยออกไป คงตกไม่พ้นหัวแม่ตีน ไอ้สัตว์ประหลาดมันคงหัวเราะก๊ากๆๆๆ  รังสีเบต้า อันนี้ไปได้ไกลหน่อย แต่เจอแผ่นฟอยล์บางๆ ก็หยุดกึก อีกตัวคือรังสีแกมม่า ไอ้นี่ทะลุทะลวง ไปได้ไกลเชียว ทะลุแท่งคอนกรีตหนาๆได้สบาย แต่เจอแผ่นตะกั่วหนาๆก็ไปต่อไม่ไหว และอีกตัวยอดนิยมคือรังสีเอ็กซ์ พลังทะลุทะลวงเนื่อเยื่อมหาศาลพอๆกันทีเดียว  

รังสีแบบก่อให้เกิดประจุมีอันตรายอย่างไร


สารกัมมันตภาพรังสี มักจะมีการปลดปล่อยอิเลคตรอนออกมาได้ตลอดเวลา อิเลคตรอนที่หลุดออกมา ถ้ามันทะลุทะลวงเนื้อเยื่อเรา มันก็จะไปชนอะตอมของเซลล์ ทำให้เซลล์ที่ถูกปะทะ เกิดการสูญเสียโครงสร้างในอะตอม เช่น ในร่างกายเรา ในเซลล์เรามีน้ำเป็นองค์ประกอบ น้ำ คือ H2O พอโดนอิเลคตรอนลุงตู่ชนเข้า อะตอมไฮโดรเจนก็หลุดพลั่วะ กลายเป็นประจุไฮโดรเจน และประจุ OH- ที่เรียกว่า ไฮดรอกซิล ที่บรรดาพวกเซลล์ขายเครื่องสำอางค์บอก อนุมูลอิสระ นี่แหละ คราวนี้ระส่ำ มันก็ไปจับกับสารเคมีนู่นนี่นั่น ในเซลล์ กลายเป็นสารพิษอย่าง ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ แล้วไง เซลล์เราก็ถูกทำลาย ถ้ามันไปเกิดที่โครงสร้างของยีนส์ DNA มันก็เกิด การกลายพันธุ์ กลายเป็นนินจาเต่า กลายเป็นมนุษย์หมาป่า บางคนลูกออกมากลายพันธุ์ กลายเป็นหน้าเหมือนคนข้างบ้านซะงั้น หุๆๆๆ

นอกจากนี้มันยังเกิดผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ลดลง เวลาญาติเราทำคีโมเขาถึงห้ามเข้าไปกอดรัดฟัดนัว เพราะเขากลัวติดเชื้อไง
บรรดานักบิน อย่างไฟล้ทจากซูริค พวกนี้บินสูงๆ เขาเจอรังสีคอสมิคจากดวงอาทิตย์เยอะ เสี่ยงต่อการเกิดต้อกระจก แต่ผมก็ไม่เข้าใจต้อกระจกกับปัญญาอ่อนเนี่ยมันเกี่ยวกันตอนไหน ทำไมมันถึงเอาผู้โดยสารเป็นตัวประกันตั้งหลายชั่วโมงเพื่อให้ได้นอนในชั้นเฟิร์สคลาส


ที่น่ากลัวที่สุดคือการเกิดมะเร็ง ซึ่งเป็นการแบ่งตัวผิดปกติของเชลล์

การที่มันจะเกิดอันตรายแค่ไหนอย่างไร มันประกอบไปด้วยสองปัจจัย คือการทะลุผ่าน หรือ Penetration กับการกระทำต่อสิ่งที่มันทะลุผ่านไป Interaction

อนุภาคอัลฟ่า ที่หลุดมาจากสารกัมมันตภาพรังสี มันประกอบไปด้วยประจุนิวตรอนกับโปรตอน มันเลยมีความเป็นประจุบวก มันใหญ่ มันทะลุไปได้ไม่ไกล ไม่กว้าง ขนาดหนังหน้าด้านๆยังผ่านไม่ทะลุชั้นขี้ไคลเลย แต่มันสามารถทำลายเซลล์ที่มันผ่านเข้าไปได้อย่างมากเลยทีเดียว ถ้ามันเกิดปนเปื้อนไปกับอาหารที่เรากิน เข้าไปข้างใน หรือหายใจเข้าไป คราวนี้ละเสร็จเลย อย่างพวกแก็สเรดอน ซึ่งเกิดตามธรรมชาติจากการสลายตัวของดิน แร่ต่างๆ พวกนี้เราไม่รู้เรื่องรู้ราวสูดเข้าไป หรือใช้วัสดุก่อสร้างที่มีพวกนี้ปนเปื้อน เจ้าของบ้านก็จะสูดเอาเรดอนเข้าไปทุกวัน ไม่นาน มะเร็งถามหา

 
อนุภาคเบต้า เป็นอิเลคตรอนที่หลุดออกมาจากสารกัมมันตภาพรังสี มีความเร็วสูง มันเลยทะลุเข้าชั้นผิวหนัง แต่ก็ไม่ไกลไปกว่าอัลฟ่าเท่าไรนัก ยกเว้นสูดหายใจเข้าไป
รังสีแกมม่า มันไม่มีประจุ มันเป็นพลังงานล้วนๆ มันจึงมีอำนาจทะลุทะลวงไปได้ไกลมากๆ ไปได้เป็นพันๆฟุต ทะลุเนื้อเยื่อ ทะลุคอนกรีต แต่มันจะทำลายเซลล์บางจุดที่มันผ่านเข้าไปตลอดทาง


วิธีป้องกัน

  • เวลา Time เวลาเขาฉายเอ็กเรย์ มีไหมที่คนฉายมันฉาย ซื่ดๆๆๆๆๆๆๆๆ อย่างเมามัน เขาฉายแป็บเดียว เพื่อลดระยะเวลาการสัมผัส
  • ระยะห่าง Distance เวลาจะฉาย อีคนฉายวิ่งออกไปหลบ บอกเราว่าอยู่นิ่งๆนะคะ แล้วมันก็วิ่งออกไปกดปุ่ม แน่จริงมึงมายืนข้างๆกูดิ

  • ฉากกั้น Shield ห้องเอกซเรย์จึงกั้นด้วยวัสดุที่ดูดซับรังสีได้ดี เห็นมะ อันนี้แหละ สำคัญเลย


ประเทศไทย มีกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับรังสี พ.ศ. 2547 โน่นแล้วนะจ๊ะ
ใครที่ชอบปล่อยรังสีอำมหิตใส่ลูกน้อง ระวังให้ดี กระสือจะมากินตับ แบร่

วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2561

เควายที มือชี้ ปากย้ำ





สมาคมความปลอดภัยและสุขภาพญี่ปุ่น หรือ JISHA ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2507 หรือ 1964 ภายหลังจากการพ่ายแพ้สงคราม เมืองสำคัญๆถูกระเบิดปรมาณูถล่มพินาศ ทหารญี่ปุ่นกลับสู่แผ่นดินพระจักรพรรดิ์ด้วยร่างกายและหัวใจที่แหลกสลาย ญี่ปุ่นในยามนั้นอยู่ในสภาพลำบากยากเข็ญ
การพัฒนาประเทศและอุตสาหกรรมจึงกลายเป็นเพียงความหวังเดียวของการอยู่รอดและกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
  • เพื่อลดความผิดพลาด
  • เพื่อลดอุบัติเหตุและการบาดเจ็บ
  • เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
  • เพื่อปลูกฝังจิตสำนึก
  • เพื่อสร้างทีมเวิร์ค
  • เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ
  • เพื่อกระตุ้นให้มีการถ่ายทอดข้อมูลข่าวสาร
  • เพื่อเพิ่มทักษะในการแก้ปัญหา
คนญี่ปุ่นจึงเริ่มใช้เทคนิคที่ง่ายแสนง่ายที่เรียกว่า เควายที เพื่อสร้างวินัยในการทำงาน โดยบริษัทซูมิโตโม่ เมทัล อินดัสตรี้ส เป็นที่แรก ที่ใช้เควายที เมื่อปี พ.ศ. 2519 หรือ 1976 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

เควายทีแพร่หลายไปในหลายประเทศ โดยเฉพาะในบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น สำหรับประเทศไทย เควายทีก็คล้ายๆกับกิจกรรมเข้าจังหวะที่ฮือฮากันอยู่พักใหญ่ๆ แล้วก็ค่อยๆซาไปในที่สุด เช่นเดียวกันกับ กิจกรรมอย่าง 5 ส. เก็มบะ อะไรเทือกนั้น ที่ยังยั่งยืน ไม่มีทีท่าจะเสื่อมความนิยมก็อย่างเช่น ทงคัสสึ ราเม็ง ซูชิ วาซาบิ ที่เอาเข้าปาก เคี้ยวและกลืนได้ คนไทยก็มักจะไม่หลงลืมเสื่อมความนิยม

คงเป็นเพราะอารมย์มันคนละโหมดกัน คนญี่ปุ่น ต้องการขจัด ความดราม่า (Illusion) ความประมาท (Carelessness)  ความมั่วซั่ว (Sloppiness) ความหย่อนยานเหยาะแหยะ (Relaxation)  การตัดสินใจที่ผิดพลาด (Mis-judgement) คลาดเคลื่อน การละเมิดกฏระเบียบ (Violation)  มีเป้าหมายเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
แต่คนไทยทำเควายทีด้วยอารมย์ประมาณว่า "แม่ง อีกแระ กูละโคตรเบื่อ"  พอเสียงนาฬิกาดัง ทุกคนต้องยืนข้างๆโต๊ะ แล้วออกกำลังกาย แค่นี้กูก็จะตายแล้ว เบื่อจริงโว๊ย

พอให้ทำเควายที ก็ทำแบบขอไปที พูดๆ ชี้ๆไป เสียงดังๆ จะได้เสร็จๆ
เควายทีในบ้านเรา เลยต้องพึ่งการโปรโมท เช่น มีการแข่งขัน มีการแต่งเพลง ประกอบท่าเต้น ถ่ายวิโดีโอลงยูทูป
เควายทีแบบขอควายไปที เลยไม่ได้ช่วย กระตุ้นสมองส่วนที่เป็นสัญชาติญาน (Safety conscious brain) ไม่มีจิตสำนึก (Safety awareness)เพิ่มขึ้น ไม่กระตุ้นการเอาใจใส่ (Attention)  ได้ผลแค่ มือ ชี้ (ส่งเดช) ปากย้ำ (ส่งเดช) ทุกวัน ทำๆไปให้ซาโจ้แฮปปี้ก็พอ อิอิ

เควายทีแบบญี่ปุ่น ที่ผมเคยเห็น ตอนที่ไปดูงานที่นั่น มันคนและแบบกับที่ออกมาเต้นหยองแหยงกันในยูทูป มันคนละเรื่องกันเลย

ผมเดินตามหัวหน้างานชาวญี่ปุ่นเข้าโรงงาน พอถึงทางแยก เขาหยุด แล้วก็ชี้ซ้าย ขวา ซ้าย ปากก็พูดอะไรสักอย่างผมจำไม่ได้ ส่วนผม มัวแต่ดูโน่นดู่นี่ หยุดไม่ทัน เลยเผลอชนหลังเขาป๊าบ เป็นแบบนี้หลายที จนอดรนทนไม่ไหวจึงถามไปว่ายูทามอาร๊าย เขาก็ตอบว่า อีนี่คือเควายที อ๋อ
ตอนเปลี่ยนกะ คนงานญี่ปุ่นจะเข้าแถวในห้องคอนโทรลรูม คำนับกัน แล้วก็จะก้าวมาข้างหน้าทีละคน พูดๆๆๆๆ แล้วก็ส่งสมุดโน๊ทให้เพื่อนคู่กะที่จะเข้า ทำแบบนี้จนจบ แล้วเขาก็ทำเควายที ผมไม่เห็นมีใครมีท่าทีเบื่อหน่าย เหยาะแหยะ หรือหลบๆอยู่หลังเพื่อนเลยสักคน ไม่เหมือนที่บ้านกูเลย (ผมนึก) เควายทีแบบวาซาบิมันได้สร้าง สำนึก( Awareness) จนติดเป็นนิสัย (Habit) กลายเป็นบรรยากาศ (Climate) และหลอมรวมกลายเป็นวัฒนธรรม (Culture) ของคนญี่ปุ่นแบบแนบเนียน

ด้วยความที่เขามีวัฒนธรรมส่วนรวมแบบนั้น เวลาเขาทำอะไร เขาก็จะเอาจริงเอาจัง เซฟตี้สไตล์ญี่ปุ่นไม่ค่อยมีแบบฟอร์ม มีเช็คลิทส์ มีแบบฟอร์มอะไรมากมาย แม้แต่ที่เราเรียกว่า โปรสิเด๋อร์ (Procedure)ของญี่ปุ่นที่ผมเห็น ก็มีเป็นรูปวาด เหมือนการ์ตูนซะมากกว่าที่จะเขียนอะไรเยิ่นเย้อ

จิตสำนึกแบบฝังจนเป็นสันดานเนี่ย มันสร้างได้ ในขณะเดียวกัน ความไร้สำนึกจนเป็นกมลสันดานเนี่ย มันลบยาก

มีคนถามว่า จิตสำนึกความปลอดภัยกับจิตสำนึกเรื่องคุณภาพมันไปด้วยกันได้ไหม เอาอะไรมาใช้ทำไมมันตายหมดที่เมืองไทย ให้ทำระบบคุณภาพ ก็ติ๊กมั่วจนลูกค้าเคลมคืน ขาดทุนแถมโดนฟ้องอีก โอ๊ว อารายกานนี่ ไทยแลนด์ ทามมายเป็นอย่างนี๊ สงสัยจริงๆ
คือ... เราไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้น ...เรามีเอกราชมาช้านาน เราเลยดักดาน ภาษาอังกฤษก็ไม่แตกฉาน มึงจะทำไม พ่อแม่กูไม่เคยหวังให้เป็นขึ้ข้าใคร เขาส่งเรียนเพื่อเป็นเจ้าคนนายคน ค้าขายมันเป็นเรื่องของพวกเจ๊กจีน ญี่ปุ่นยุ่นปี่ แขกดอย ฝรั่งดองโน่น เราเลยไม่ชิน อย่ามาแตะต้องความเป็นเทย (ออกเสีย เทยยยย)

เอาง่ายๆ สูตรในการทำธุระกิจ   

           กำไร (Profit) = ยอดขาย (Sales) -ต้นทุน (Cost) 

  • Poor Safety - ทำงานห่วยแตก มีอุบัติเหตุไม่เว้นแต่ละวัน เดี๋ยวตาย เดี๋ยวเจ็บ ไฟไหม้ ระเบิด รถชน รถคว่ำ แบบนี้ มันจะมีกำไรไหม ต้นทุนบานเบอะ พอสิ้นปีไม่มีโบนัส ประท้วงอีก
  • Poor Deliver- ไม่ต้องพูดถึงว่าส่งของตรงเวลา ส่งของแบบมีคุณภาพ กูส่งให้มึงช้าไปสามวันนี่ถือว่าเป็นบุญโขแล้ว  
  • Poor production, poor maintenance อันนี้ ไม่ต้องพรรณา ถนัดอยู่แล้ว ไม่ใช่ตังค์กู ผลาญมันเข้าไป
  • Poor Quality -- โอ้ย แบบฟอร์มเขามีให้กรอก เช็คลิสท์มีให้ติ๊ก คิดไรมาก
  • Poor Service-- บริการดีๆเขามีไว้ให้ฝรั่งนู่น ให้เลียตูดยังได้เลย คนชาติเดียวกัน คนเอเชีย เอาตีนเขี่ยๆก็ดีตายห่าแล้ว
สรุปง่ายๆ ถ้าจิตสำนึกความปลอดภัยไม่มี อย่าหวังเรื่องอื่นๆจะมี ขนาดเรื่องเป็นเรื่องตายยังไม่สำนึก ยังไม่มี จะเอาอะไรอี๊ก

สมัยหนึ่ง ผมดูแลทั้งหมด 5 ประเทศ แต่ละประเทศแหม อย่าให้พูด เด็ดๆทั้งน้าน จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย ไทย เกาหลี
ผมได้ไปยืนสังเกตุการณ์ การทำ เควายที ของคนงานที่โรงงานที่รังสิต (คงไม่ต้องบอกว่าประเทศอะไร) เซฟตี้ประจำโรงงาน หันมามองผม ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ มันดูเขินๆ

เอ้า มาๆๆๆ เข้ามา วันนี้เจ้านายกูมา ทำเควายทีโชว์หน่อย
คนงานเข้ามายืนเก้ๆกังๆ มีหลายคนหลบอยู่ห่างๆ
กว่าจะเข้ามาได้นานเลย
ว่าแล้วก็เริ่มพิธีกรรม
มือชี้ปากย้ำ
ประโยคสุดท้าย พวกเขาตะโกนดังลั่นว่า

เซฟตี้ ต้องเป็นศูนย์ โอ้ เค้

ผมนี่ใจหายวาบ












วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ยายข้าวหมาก





ฟังข่าวจากวิทยุ มีคนโดนเจ้าหน้าที่จับกุม เรียกเงิน 3 หมื่นบาท หากไม่จ่ายคุณยายต้องเข้าคุก ต่อรองเหลือ 1 หมื่นบาท คุณยายไปยืมเขามา ดอกร้อยละยี่สิบ พูดไป แกก็ร้องไห้ไป

ประเด็นโต้เถียงกันระหว่าง เจ้าหน้าที่สรรพสามิต ก็คือ คุณยายแกขายน้ำข้าวหมาก ถือว่าแกขายเครื่องดื่มสาโทซึ่งมีแอลกอฮอล์ โดยไม่มีใบอนุญาต คุณยายแกก็ว่า ไอ้น้ำนี่มันน้ำข้าวหมาก มันไม่ฉุน มีแต่ผู้หญิงเขากินกัน มันหวาน อีนังที่ไปล่อซื้อน้ำข้าวหมากยังบอกว่า หวานอร่อยดีนี่จ๊ะยาย ไป๊ ไปโรงพัก

เรื่องทำนองนี้ ผมเห็นประจำตั้งแต่ยังเด็ก พ่อเป็นผู้ใหญ่บ้าน เดี๋ยวก็มีลูกบ้านวิ่งหน้าตั้งมาให้ไปช่วยหน่อย ป่าไม้บุกจับ กำลังเลื่อยไม้ที่ตัดมาจากในนา โดนข้อหาตัดไม้ทำลายป่า บ้างก็โดนสรรพสามิตบุกไปจับ ระหว่างกำลังทำข้าวหมาก เตรียมงานบวชงานแต่ง และก็สาโทไหเล็กๆใบหนึ่ง เขาจะเอาสามหมื่น
หลังๆมานี่ ผมเริ่มเป็นห่วงยายสำเนียง แกขายก๋วยเต๊่ยว แกขายกล้วยทอด กล้วยฉาบ กลัวแกโดน อย.บุกจับ ข้อหาผลิตอาหารโดยไม่มีใบอนุญาต

ไอ้พวกที่ไปบุกจับยายเขาก็เหลือเกิน จับปุ๊บ ยัดข้อหาปั๊บ เรียกค่าปรับเต็มพิกัด แค่ชิม มึงรู้แล้วเรอะว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์เท่าไหร่

แต่เอาเถอะ เราคงต้องไปแก้กฏความปลอดภัยที่เกี่ยวกับ การห้ามดื่ม สุรา ยาเสพติด มาทำงาน คงต้องเพิ่มข้าวหมากไปด้วยอีกอย่าง

กะลาแลนด์นี่ มันแดนพระอินทร์นางฟ้านางสวรรค์จริงๆ


วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ไปโรงพัก

รู้ไหมว่าทำไมเขาเรียกสถานีตำรวจ (Police Station) ว่าโรงพัก



บ้างก็ว่า สมัยดึกดำบรรพ์ ครั้งที่ยังเรียกตำรวจว่า พลตระเวน มักจะสร้างเพิงพักไว้ตามที่ต่างๆ เพื่อพักม้า พักคน เพราะสมัยนั้น พวกพลตระเวน คงจะขี่ม้า ฮี๊ กั่บ ๆๆๆๆ พอขี่ๆไป ตูดแตดเกิดระบม ม้าก็เหนื่อย เลยต้องพัก เลยเรียกว่า โรงพัก

บ้างก็ว่า สถานที่เอาไว้พักผู้ต้องหา (เอาไว้ซ้อมให้รับสารภาพด้วยกระมัง)จึงต้องมีที่ทางให้แยกออกจากที่อื่นๆ อันนี้ฟังเข้าทีดี

บ้างก็ว่า ที่โรงพักนี้ เปิดตลอด  24 ชั่วโมง ใครไปไหนมาไหน ไม่มีที่หลับนอน ก็จะได้แวะพัก เข้าทำนอง มีตำรวจอยู่ที่ไหน ประชาอุ่นใจที่นั่น

โรงพัก 300 กว่าโรง สร้างไว้คาราคาซัง บางที่มีแต่ตอ บางที่มีเป็นโครง ไม่มีฝา เห็นเขาฟ้องกันมาหลายปีแล้ว คดี ไม่ไปถึงไหน ส่วนไอ้คนหัวโจ๊ก เมื่อสี่ปีที่แล้ว เห็นเดินถือถุง เรี่ยไรเงิน เป่านกหวีด กลายเป็นขวัญใจแม่ยก เดินไปไหน สาวๆกรี๊ดสลบ อยากเข้าไปซบอกลุงกำนันให้หายหนาวอีกสักคน เห็นแกก็ยังอยู่ดีมีสุข ไม่เห็นเกิดอะไรขึ้น สงสัยอยู่เหมือนกัน ว่า มันเพราะอะไร

ก.ไม่มีกฎหมายมั๊ง เลยไม่รู้จะเอาผิดกันยังไง
ข.ไม่มีหลักฐานมั๊ง มันคงจมน้ำไปหมดอีตอนน้ำท่วมใหญ่
ง. มีหมดแหละ แต่ยังไม่ว่าสั่งฟ้อง แหม คดีมันเยอะ แค่จับจตุพรคนเดียวก็ไม่รู้กี่คดี ทำไม่ทันเลย ยิ่งตอนนี้ ไล่จับพระสึกอย่างเดียวก็ยุ่งจะตายอยู่แล้ว
จ. ไม่มีข้อถูก

เป็นเซฟตี้ใหม่ๆ ไปโรงพักสองหน

หนแรก ลูกน้อง (พูดให้ดูเท่ห์ เหมือนแผนกนี้ใหญ่มาก) รปภ.จับได้ว่ามีพนักงานแอบขโมยมอเตอร์ ตัวขนาดสัก สองสามกิโล โยนข้ามรั้วไปฝั่งสลัมคลองเตย  ไอ้คนโยนเลยโดนรวบคาหนังคาเขา ส่งโรงพักแถวทุ่งมหาเมฆ
สารวัตรที่เป็นคนสอบ ชื่อโกมล ส่วนผมสมัยนั้นชื่อ สุมนต์ ลูกน้องที่เป็น รปภ.ชื่อ กมล ส่วนผู้ต้องหา ชื่อ วิมล
ผมละเสียว ว่าหากสารวัตรพิมพ์ผิดพิมพ์ถูก จะพาลติดคุกไปด้วย

อีกหน รปภ.ค้นตัวพนักงาน พบว่า ทำไมท้องป่องๆเหมือนใกล้จะคลอด จับดูเจอจานหลายใบ ยัดไว้ตรงท้องน้อย สมัยนั้น เขามักจะมีของแจก อย่าซื้อแฟ็บ แจกชาม ซื้อสบู่แถมจาน อะไรทำนองนี้ ก็ไปเจอสารวัตรคนเดิมอีก

คดีโรงพักฉาว กับคดีปล่อยท่านศาสดาแห่งถนนแจ้งวัฒนะ ที่ตอนนั้น ท่านได้ปลุกเสก กรวย ใช้เป็นเครื่องรางของขลัง เที่วเอาไปวางขวางถนนไว้ ใครขืนไปแตะต้องกรวยศักดิ์สิทธิ์ จะมีอันเป็นไปถึงตาย มีคนเกือบตายหลายคน เพราะถูกตีนศักดิ์สิทธิ์ หมัดศักดิ์สิทธิ์ ลูกกระสุนเสก ปางตาย ขนาดนายทหารที่บ้านแกอยู่แถวนั้น ยังแทบเอาชีวิตไม่รอด เพราะไปลบหลู่กรวยศักดิ์สิทธิ์นั่นเข้า ท่านศาสดาเอง ก็ได้เข้าฉากแสดง ตอนที่พลตระเวน ไปบุกจับพระเถระหลายรูป เลยต้องมีฉาก ท่านศาสดาถูกตลบมุ้งจับกุม เอาไปขังไว้แป็บนึง แกไม่ได้ลำบากอะไรหรอก พอเข้าคุกปั๊บ แกทำไอแคร่กๆๆๆ พวกศิษยานุศิษย์ก็วิ่งวุ่น ออกมาแถลงกันยกใหญ่ ไอ้ป้อมบอกไม่เกี่ยว ไอ้ตู่บอกหนูไม่รู้ ใครสั่ง ไอ้ป๊อก ไอ้ๆๆๆ มันชิ่งกันหมด แกเลยแกล้งสำออย ไปนอนอยู่โรงพยาบาลสบายแฮ ตอนนี้ออกมาแร้ว คอยดูฉากต่อไป

โรงพักเน่าๆ กับศาสดาหลุดโลก ไม่ใช่เรื่องที่ผมควรจะไปหงุดหงิด มันคงทำอะไรไม่ได้ ระบบมันเป็นอย่างนั้น บ้านเรามีเรื่องโกง เรื่องคอรัปชั่นอีกมากมาย ที่หมดอายุความ อย่างเสาตอหม้อตลอดแนวถนนวิภาวดีนั่นปะไร คดีคลองด่าน โอยอีกมากมาย

ข่าวที่อิตาลี่ ทางด่วนถล่ม คนตายไปเกือบ 40 ศพแล้ว เห็นทางการเขาเอาผิดบริษัทก่อสร้างที่สร้างทางด่วนแห่งนี้ และไม่ให้สัมปะทานอีก นี่ถ้าเป็นที่เมืองกะลาแลนด์ ดินแดนไร้เงินสด บัตรเครดิตเต็ม แถมติดเครดิตบูโร เมืองที่อยู่ในยุค 4.0 แต่บริหารแบบ 0.4 ป่านนี้เรอะ คงหาคนไปโรงพักยากส์
อภินิหารทางกฏหมายมันเยอะ กฏหมายมากมาย แต่พอจะเอามาใช้ มันต้องดูก่อน
ดูอย่างนายตำรวจใหญ่ท่านหนึ่ง เข้าพบผู้ต้องหายิงหมาดำ แกก้มลงไหว้ซะจนหัวแทบโขกหน้าอกท่านที่เป็นผู้ต้องหา แหม ช่างเป็นคนอ่อนน้อมเสียนี่กระไร ต่างจากอีตอนท่านไปที่ถ้าหลวง ท่านเที่ยวไปตะคอกคนที่เขากำลังเจาะเพื่อช่วยระบายน้ำจากถ้าว่ามีใบอนุญาตมั๊ย หูย มันคนละม้วนกันเสียจริงๆ ถ้าทางด่วนถล่มในบ้านเรา ป่านนี้ พวกโฟร์แมน ซุปเปอร์ไวเซอร์ ไซท์ก่อสร้างโดนกันระนาว ข้อหากระทำการโดยประมาท

กฏกระทรวงกำหนดมาตรฐานด้านการบริหาร และการจัดการด้านความปลอดภัย ปี 2549 เขียนหน้าที่บรรดาพวกหัวหน้างานไว้ว่า ถ้าเป็น จป.หัวหน้างาน ต้องทำอะไรบ้าง 9 ข้อ แต่ละข้อหมิ่นเหม่ต่อการตกเป็นผู้ต้องหา มาตรา 290 ทั้งนั้น ตอนนี้อย่าเพิ่งพูดอะไรไป

ไป๊ ไปโรงพัก
อ๊าว โรงพักยังไม่เสร็จนี่หว่า
จ๋าเฉย วอสอง
ขอ วอสี่ทางน้ำ
วอสิบหก
แฟร่ด ๆๆๆๆๆๆๆ








วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

KAPOK กู้ชีวิต

KAPOK บางคนออกเสียงว่า กะโปก

บ้างก็ออกเสียงว่า กาป๊อก บ้างคนก็ออกเสียงว่า กาปอก แล้วแต่สะดวก ถ้าผมจำไม่ผิด มันเป็นไม้ประเภทนุ่น งิ้ว ที่มีฝักเป็นใยเหมือนสำลี เนื้อไม้พวกนี้จะเบาและลอยน้ำได้

PFDs

อุปกรณ์ช่วยชีวิตจากการจมน้ำ ในภาษาเซฟตี้ เราเรียกว่า Personal Floatation Device- PFDs หรืออุปกรณ์ช่วยลอยตัว บางคนร้องอ๋อ แหม อุปกรณ์ชนิดนี้ผมใช้ประจำ ผมจึงสามารถลอยตัวได้ทุกสถานการณ์


ข่าวเรือล่มจมทะเลที่ภูเก็ต จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ผู้คนต่างวิพากย์วิจารณ์ ตั้งข้อสังเกตุไปหลายๆทัศนะ บ้างก็ว่า นักท่องเที่ยวทำตัวเอง เพราะเป็นพวกทัวร์ศูนย์เหรียญ แหม ฟังท่านให้สัมภาษณ์แล้วเลยไม่มีข้อสงสัยอื่นใดอีกเลย ท่านนี่ช่างเป็นวัสดุจำพวกกะโปกจริงๆ (วัสดุเบาลอยตัวได้ดี)

ในแง่มุมของพวกเซฟตี้ พวกกระผมไม่ค่อยจะอยากไปวอแว กับพวกหัวกะโปก พวกนี้มากนัก (หัวที่เต็มไปด้วยปุยนุ่น) ตอบไปเรื่อยเปื่อย ไม่คิดหน้าคิดหลัง วันก่อนก็มีท่านผู้ใหญ่คนหนึ่ง ไปเที่ยวไล่ถามหาใบอนุญาตแถวถ้ำหลวง คนแถวนั้นเขาแทบจะเอา ตีนดันท่านออกมา เพราะเกรงว่า น้ำดินน้ำโคลนจะกระเซ็นไปโดนเครื่องแบบเต็มยศของท่านเข้า ครั้นจะเอามือดัน มือก็เปรอะโคลน ต้องตีนนี่แหละ มันเป็นเหตุฉุกเฉิน ท่านคงไม่ว่ากระไร

กลับมาที่เรื่องอุปกรณ์ช่วยชีวิตจากการจมน้ำ  Personal Floatation Devices เติม เอสเข้าไปตัวหนึ่ง เพราะมันมีหลายแบบ แต่ไม่ว่ามันจะเป็นแบบไหนๆ มันก็มีอยู่สองจำพวก คือแบบที่ต้องเป่าลมเข้าไปให้พอง ก่อนใช้งาน-Inflatable PFDs กับอีกจำพวกคือไม่ต้องเป่า แต่ข้างในมันมีวัสดุอย่างกะโปก หรือโฟมยัดไว้ให้เป็นทุ่นลอยน้ำได้- Inherently Buoyant PFDs


เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องสลับซับซ้อน ถึงขนาดต้องอาศัยปัญญาระดับ เจ้าพ่อรถไฟฟ้าเทสล่า แม่ผมก็ทำเป็น
สมัยเด็กๆ ตอนที่เขื่อนกระเสียว (ตอนนั้นผมยังเล็กๆ พูดไม่ชัด ชอบเรียกว่าเขื่อนกระเจี๋ยว)  ยังก่อสร้างไม่เสร็จ วันดีคืนดี ปล่อยน้ำออกมา น้ำนองสิครับ เด็กๆอย่างผมสุดแสนจะชอบใจ เพราะจะได้ไปเล่นน้ำคลอง อุปกรณ์ PFDs ของแม่ผม ที่ใช้วัสดุแบบลอยน้ำได้ ก็คือ แต่น แตน แต๊น มะพร้าวแก่ๆ สองลูก ผูกไว้ด้วยกัน มีเชือกรั้งตรงหน้าอก
ส่วนของแม่ผมก็นู่นเลย ตีโป่ง ผ้าถุงเวลามันเปียกมันสามารถกักเก็กอากาศได้ โดยหลักทางวิศวกรรม ทั้งสองอย่างมันน่าจะสามารถสร้างแรงลอยตัว ได้ราวๆ 7-12 ปอนด์ ก็ประมาณ 16-29 กิโลกรัม

นั่นมันแค่น้ำคลอง เต็มตาหลิ่ง ราวทั้งหลาย ชาย หยิงงงง ขืนใส่ไอ้นี่ไปทะเลภูเก็ต ออกเรือไปกลางอ่าว ยามพายุคลั่ง ฟ้าคะนอง พายุโหมคลื่นสูง ยามที่รัฐมนตรี อธิบดี และผู้หลักบักใหญ่กำลังสาละวนกับการช่วยหมูป่าออกจากถ้ำหลวง ยามนั้น ลูกมะพร้าวกับอีโป่งแม่ผมคงอับปางเป็นแน่แท้

ประเทศที่เขาเข้มงวดเรื่อเซฟตี้ (จริงๆนะ) เขามีมาตรฐานของ PFDs อย่างของสหรัฐ ก็จะยึดตามมาตรฐานของ USCG -United State Coast Guard เป็นสรณะ ถ้าเป็นที่กะลาแลนด์ ก็ไม่รู้สินะ
จะไปยึดเอาของกรมเจ้าที่ เขาก็คงอิหลักอิเหรื่อ เพราะพวกนี้เวลาไปตรวจ ก็จะเน้น เอาใบอนุญาตมาดู เอามา ๆๆๆ พอเจอใบอนุญาตที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายเข้าไป พวกนี้ก็พูดไม่ออก มันเกรงจั๊ย เกรงใจ เพราะฉะนั้น อย่าไปยุ่งกะมัน


แบบที่ 1 เวลาจมน้ำ มันจะดันให้ หงายหน้าขึ้น ไม่สำลักน้ำ ใช้สำหรับเวลาออกทะเลไกลๆ ห่างชายฝั่ง ไกลจากพวกหน่วยกู้ภัย ผมเน้นนะ กู้ภัย ไม่เน้นเก็บศพ ถ้าอยากเป็นศพ คุณจะเอาหน้าขึ้น เอาหน้าจุ่มน้ำ ก็ไม่เป็นไร พวกนั้นเก็บให้อยู่แล้ว เขาไม่มากังวลมากนัก แบบนี้มีแรงพยุงให้ลอยตัวได้ 22-33 ปอนด์ ประมาณว่าลอยคอรอความช่วยเหลือได้หลายวัน ถ้าฉลามไม่มาคาบไปซะก่อน

แบบที่ 2  แบบนี้เจอบ่อยๆ เวลานั่งเรือ เที่ยว ไม่ห่างฝั่งมาก เกิดอะไร เอะอะ ไม่ไกล เดี๋ยวคนมาช่วย แบบนี้ลอยตัวได้ราวๆ 15-33 ปอนด์ แต่ถ้าไม่ใส่ก็ ลอยไม่ได้นะ เข้าใจไหม

แบบที่ 3 ออกแบบมาให้ใช้ในที่เสี่ยงน้อยๆ น้ำนิ่ง คลื่นลมสงบ อยู่ใกล้ฝั่ง เวลาท่านๆไปตรวจน้ำท่วมไง น้ำแค่เข่า ใส่ชุดกันซะ เต็มยศ ถุย

แบบที่ 4 แบบนี้เอาไว้แย่งกัน เวลาเรือล่ม โยนไปห่วงหนึ่ง แย่งกับ ถีบกันไปมา รอดสอง ตายสาม สูญหายเพียบ

แบบที่ 5 มีหลากหลายดีไซน์ ส่วนใหญ่ใช้เวลาเล่นกีฬาทางน้ำ กระชับ ทะมัดมะแมง


เอาละ ทีนี้เวลาจะไปจมน้ำ ก็เตรียมตัวกันให้ดีๆ จะขึ้นเรือ ตะโกนถามไปดังๆ เฮ่ยๆๆๆ มีใบอนุญาตรึเปล่า

เวลาตกน้ำ ตะโกนดังๆ เฮ่ยๆ อั๊วะไม่ใช่ทัวร์ศูนย์เหรียญ

อ้อ อีกอย่าง ถ้าจะมาจมน้ำตายที่กะลาแลนด์เนี่ย อย่างแต่งตัวโป๊นะ นายกเราเขาไม่ชอบ เพราะมันขัดกับวัฒนธรรมเรา ดูอย่างคนอังกฤษที่มาโดนข่มขืน นายกเรา เขาหงุดหงิดมากเลยเชียว

เข้าใจยัง




วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

มีใบอนุญาตรึเปล่า


แค่ถามหาใบอนุญาต อีตอนไปเจอเขากำลังเจาะถ้ำ เพื่อระบายน้ำใต้ดิน กับตะโกนถามลูกน้องว่าเฮ้ย มึงบินโดรน มีใบอนุญาตรึเปล่า

ทำเอาคนสรรเสริญกันทั้งเมือง นี่ก็เข้าทำนอง ไม่ดู ตี๋ดูหมวย ว่าเขากำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน กำลังมุ่งช่วยชีวิตที่ตกอยู่ในอันตราย

ใบอนุญาต ในกะลาแลนด์นี่ มันมีหลายแบบ แต่ละกระทรวง แต่ละกรม ก็ใช้มาตรการควบคุมเรื่องของตัวเองด้วยระบบ ใบอนุญาต
อย่างเช่น กรมการขนส่งทางบก ก็ใช้ใบขับขี่ เป็นใบอนุญาต เพื่อแสดงว่า เจ้าของใบขับขี่ ได้ผ่านการทดสอบ ว่าสามารถขับขี่รถยนต์ได้อย่างปลอดภัย  พอโดนตำรวจเรียกตรวจ หากสามารถงัดใบอนุญาตมาโชว์ให้ดู ก็แสดงว่า เป็นคนที่ได้รับอนุญาตให้ขับรถได้ ถ้าไม่มีก็แสดงว่า ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต
แต่ส่วนใหญ่ ไม่ค่อยโดนข้อหานี้ เพราะมักจะรู้ทัน จึงพกใบอนุญาตไปด้วยเสมอ

กรมโรงงานอุตสาหกรรม มีใบอนุญาต เยอะแยะไปหมด อย่างใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ซึ่งจะว่ากันไปแล้ว ใบอนุญาตแบบนี้ ออกให้ก็ด้วยข้อที่ว่า ก่อสร้างโรงงานในที่ได้รับอนุญาต อาคาร เครื่องจักร เครื่องมือ และอีกมากมายปลอดภัย เขาจึงอนุญาต พอทำผิด เขาก็มีอำนาจยึดใบอนุญาต แต่เชื่อผมไหม ผมเคยไปเห็นโรงงานมากมาย ที่ไม่น่าจะได้ใบอนุญาตด้วยซ้ำ แต่ก็ได้ บางทีก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ไอ้ใบอนุญาตพวกนี้ มันแพงมั๊ย อย่างใบขับขี่ ก็ไม่ค่อยแพงเท่าไหร่ สมัยผมเด็กๆ ประมาณ 500 ก็สอบผ่านแล้ว เหอๆๆ

ใบอนุญาตบางอย่างก็ ให้ไว้เพื่ออนุญาตให้มีและครอบครอง นู่นนี่นั่น อีกนั่นแหละ ก็อยู่บนเงื่อนไขว่า มีการขนส่ง การจัดเก็บ และการจัดการอื่นๆสำหรับของที่มีอย่างดีและปลอดภัย ส่วนไอ้ที่มีใบอนุญาต แต่จัดการไม่ดี และไม่โดนอะไร ก็ไม่รู้สินะ คนออกใบอนุญาตห่วย หรือคนได้รับใบอนุญาตห่วย หรือพอๆกัน

ใบอนุญาตอีกประเภท ก็คือ อนุญาตให้ทำนู่นนี่นั่น ได้ เช่น เป็นคนคุมบอยล์เลอร์ เป็นคนขับเครน เป็นกัปตันเรือ เป็นเภสัชกร เป็นวิศวกร
แบบนี้ เขามักไม่ค่อยเรียกว่าใบอนุญาต แต่มักจะเรียกเป็นอย่างอื่นๆ คนที่ทำงานภายใต้ใบอนุญาตพวกนี้ ขืนซี้ซั๊ว มั่วมาก เกิดอะไรตูมตาม ก็คุกเห็นๆ

ใบอนุญาตอีกแบบ อย่างทะเบียนสมรส เป็นใบอนุญาตที่ออกให้ เพื่อป้องกันไม่ให้ไปเที่ยวไล่จิ้มคนนั้นคนนี้มั่วซั่ว เพราะเขามีเจ้าข้าวเจ้าของ จะไปจดทะเบียนซ้อนส่งเดช ไม่ได้ ใบอนุญาตแบบนี้ ไม่มีหมดอายุ ไม่ต้องต่อทะเบียน เสียภาษี แต่ต้องตรวจสภาพบ่อยๆ จะได้ไม่ชำรุดทรุดโทรมมาก

การเที่ยวไปขอดูใบอนุญาต มันจึงเป็นเพียงกระบวนการกำกับดูแล
คนถูกขอก็อย่าไปตื่นเต้นมาก ส่วนไอ้คนขอ ก็พูดจาให้มันสุภาพรื่นหู แค่นี้ ก็น่ารักน่าเอ็นดูแล้ว ไม่ใช่ ไปถึงก็ เฮ่ยๆๆๆ มึงเอาใบอนุญาตมาให้กูดูซิ แบบนี้ เขาเรียกว่า

สำเนียงส่อภาษา กิริยา ส่อสกุล



วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2561

โตมาด้วยจิตวิญญาน


เด็กๆสมัยนี้ เติบโตมาด้วยจิตวิญญานจริงๆ วิญญานไก่ วิญญานหมู นมบูด

สมัยเด็กๆ การได้กินข้าวในถาดหลุมสำหรับผมแล้วมันเป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก เพราะผมไม่เคยเห็นมาก่อน
ไปได้กินถาดหลุมครั้งแรกก็ที่ค่ายลูกเสือวชิราวุธ จังหวัดเพชรบุรี ตอนนั้นครูส่งไปเข้าค่าย จำได้ว่า แกงเขียวหวาน ไข่พะโล้ อร่อยมาก

มาสมัยนี้ เด็กๆ ได้เรียนฟรี กินอาหารกลางวันฟรี กินนมบูดฟรี ตามโครงการรัฐบาล

สมัยเด็กๆ ขนมจีนน้ำยา มันเผ็ดเกินไป ก็ต้องกินขนมจีนเหยาะน้ำปลา หรูสุดก็คือขนมจีนน้ำพริก สูตรยายเหรียญ เป็นน้ำแกงหวานๆมีถั่วลิสงป่น มีหอมเจียว เป็นน้ำพริกที่เด็กๆอย่างผมชอบเป็นที่สุด

ตอนนั้น ไม่เห็นต้องมีใครมาสอนว่า โตไปไม่โกง

ผมโตเป็นหนุ่ม ก็เห็นโครงการแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง ชาวบ้านถูกเกณฑ์ไปทำนู่นนี่นั่น ไม้ไผ่ถูกตัดโค่น เอามาทำรั้ว ทำป้าย คุณธรรมสาระพัด ศาลาที่พัก ที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้าน ถูกสร้างขึ้นพรึบพรั่บ หลังจากผู้ว่าไปเปิดป้าย ก็ไม่เห็นมีหนังสืออะไรให้อ่าน นานๆจะมีคนแอบเอาหนังสือโป๊ไปวาง ก็อ่านกันจนช้ำ ท่าเด็ดๆก็มีคนฉีกไปเสียหมด ในที่สุด มันก็กลายเป็นที่หมานอน

พวกเจ๊กในตลาดที่ใกล้ชิดข้าราชการผู้ใหญ่ พากันร่ำรวยกันไปตามๆกัน

โครงการมิยาซาว่า กู้เงินญี่ปุ่นเอามาทำสวนหย่อม ในชนบท ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำสวนหย่อมเพื่ออะไร เพราะในชนบท ไปทางไหนก็มีไร่มีสวน เขียวขจี สุดท้าย สวนนั่นก็เป็นดงหมาขี้ รกร้าง ไปในที่สุด

โครงการถนนปลอดฝุ่น อันนี้สิเด็ด เพราะระยะทางจากบ้านไปโรงเรียนในอำเภอ 20 กิโล มันจะเป็นทางราดยาง สลับกับถนนลูกรังฝุ่นแดงๆ ขรุขระขะโหยกขะเหยก พวกผม มักต้องนั่งบนหลังคารถสองแถว เพราะมันเท่ห์ มันเย็น มันสนุก กว่าจะถึงโรงเรียน ถ้าฝนตก สลับแดดออก พวกเราจะมีฝุ่นเกาะหัวแดง พวกเด็กในเมืองแซวว่าพวกผมมุดดินมาเรียน

สมัยนั้น ไม่มีหรอก ปปช. ไม่มีศาลรัฐธรรมนูญ ถ้ามี ป่านนี้ถนนลูกรังคงไม่มี ตูดกางเกงของผมคงไม่ขาดบ่อยๆ เพราะถูไปถูมากับหลังคารถ

สมัยนั้นจะขอไฟฟ้าเข้าบ้านกันแต่ละที ต้องขายควายเป็นตัวๆ อาผมผูกคอตายเพราะขอไฟเข้าบ้านไม่ได้ เพราะไม่มีเงิน

ผมกินข้าวฝีมือแม่มาตั้งแต่เรียนชั้นประถม ขี่จักรยานกลับมากินข้าวที่บ้าน แม่ไม่โกงอาหารกลางวัน ไม่มีหรอกนมบูด


ถึงจะมีพวกผมก็ไม่รู้อะไรหรอก สมัยนั้น ไม่มีเฟสบุค ไม่มีไลน์ ไม่เหมือนสมัยนี้ ครูสาวแฉว่านมโรงเรียนบูด แฉไปเป็นชาติ ไม่มีใครหือใครอือ เรื่องกลับกลายเป็นว่าคนถูกแฉโดนกดดัน เรื่องกลายเป็นนมครูสาวบูด ต้องย้ายหนี

พอโตมาทำงาน มีคนเอาผลประโยชน์มาเสนอ พาไปกินข้าวหลายรอบ ไอ้เราก็ไม่เอะใจ ว่าเอ ทำไมเราเพิ่งเข้ามา ไอ้นี่มันรักเราจัง ที่ไหนได้ มันตั้งงบเตรียมซื้อรถดับเพลิงไว้สามคัน มาเสนอให้เรา 10 เปอร์เซ็น แหม ถ้ากูกินขนมจีนราดน้ำปลาอย่างเด็กๆพวกนี้ ป่านนี้กูรับข้อเสนอ รวยไปแล้ว

การโกง ในภาษาเซฟตี้ มันเป็นความล้มเหลวขององค์กร ที่นำไปสู่ปัญหาหมักหมมมากมาย เช่น ใช้ของไม่ได้คุณภาพ ของปลอม ของเทียมแบบแท้
ใช้ผู้รับเหมาห่วยๆ แตะไม่ได้ แตะทีครางกันซี๊ดซ๊าด
ไอ้พวกนี้ มันไปโผล่ที่เรื่องงาน เรื่องคน
สุดท้ายเกิดอุบัติเหตุแรงๆ

บางแห่ง มีการแอบขโมยน้ำมัน จนนำไปสู่เหตุการณ์ระเบิดกันมโหฬารก็มีมาแล้ว
ไอ้ที่ปล่อยน้ำเสียลงทะเลฟองฟอด ผมก็ไปฟัดกับเขามา ถ้าจะให้แฉแบบนมบูด คงไม่ทันได้ย้ายหนี มันไล่ออกก่อน

ผมนะ จำชื่อคนแม่น

กรวยศักดิ์สิทธิ์


กรวยมีหลายแบบ กรวยใหญ่ กรวยเล็ก กรวยยาว กรวยสั้น กรวยเหลือง กรวยแดง กรวยยืดได้หดได้...

ในแวดวงเซฟตี้ เราใช้กรวย เพื่อวัตถุประสงค์หลักๆคือ

เพื่อ เตือน ว่าตรงนั้นตรงนี้ อาจจะมีอันตราย หากเข้าไป เตือนให้ใช้ความระมัดระวัง ส่วนใหญ่ กรวยเพื่อการนี้มักจะใช้สีเหลือง

เพื่อ ห้าม ว่าจุดนั้นจุดนี้มีอันตราย มีกิจกรรมที่จะเกิดอันตรายได้ ห้ามเข้าไป เช่น ตรงที่มีการยกของด้วยเครย ตรงที่มีรถคว่ำ กำลังเก็บกู้กันอยู่ ตรงนั้นมีแก็สรั่ว ห้ามเข้าใกล้

ตลอดชีวิตการทำงานของผม จึงเห็นประโยชน์ของกรวยในแง่ของการเป็นอุปกรณ์เตือนภัยและช่วยป้องกันอุบัติเหตุ หรือพูดง่ายๆก็คือ ช่วยชีวิตคน กรวยจึงสมควรปฏิบัติด้วยความเคารพสักการะด้วยความศักดิ์สิทธิ์


 


 แต่ผมไม่นึกว่า ที่บ้านเรา กรวยได้รับความเคารพสักการะมากมาย ถึงขนาดที่ว่า ใครบังอาจไปแตะต้องกรวยเข้า มีโทษถึงตายกันเลยทีเดียว

อย่างท่านรอง ผอ.กองวิเทศสัมพันธ์ กรมข่าวทหาร ขับรถกลับบ้าน ถ.แจ้งวัฒนะ เจอกรวย ขวาง จึงเข้าไปย้าย ก่อนถูกระดมยิงจนเศษกระสุนฝังข้อเท้า และถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ อาการล่าสุดปลอดภัยแล้ว โชคดีนะ นี่ถ้าเป็นมือยิงคนเดียวกับที่ยิงเสือดำ ท่านเห็นทีจะไม่รอด

มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า

การใช้กรวย หรือเครื่องหมาย ป้ายเตือน เครื่องกีดขวาง เหล่านี้ มีหลักการพื้นฐาน ง่ายๆคือ

  • เห็นได้ชัดเจนแต่ไกล
  • บ่งบอกถึงอันตรายในเขตพื้นที่นั้น
  • ไม่ถูกเคลื่อนย้ายได้ง่ายดาย
จะว่าไปแล้ว กรวย เป็น Awareness device ประเภทหนึ่ง เมื่อไปเทียบกับมาตรการป้องกันอื่นๆที่มีประสิทธิภาพมากกว่า เขาจึงไม่นิยมทำกัน แต่จะไปแก้ไขที่ตัวอันตราย หรือไม่ก็ การเข้าถึงอันตรายเสียเลยจะดีกว่าการเอากรวยมาตั้ง เพราะกรวยที่ประเทศอื่นๆมันไม่ศักดิ็สิทธิ์เหมือนกรวยที่บ้านเรา
สาธุ



วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ผู้รับเหมาหัวร้อน


ผู้รับเหมาออกอาการหัวร้อน ชกหน้า จป. นี่ก็เป็นเรื่องธรรมดามากๆในวงการ "ความไม่ปลอดภัย" ในบ้านเรา

รับมือ ผู้รับเหมา "หัวร้อน"

ผู้รับเหมา หัวร้อน เป็นเรื่อง ธรรมดามากๆ ยิ่งเซฟตี้ จุกจิก เข้มงวดมาก งานถูกเบรก อุปกรณ์ที่นำเข้ามา ถูกระงับ ห้ามนำมาใช้ คนงาน มีกลิ่นเหล้า เป่าแอลกอฮอล์ไม่ผ่าน เอาคนต่างด้าวปนเข้ามา แอบสวมบัตรคนอื่น สาระพัดเรื่อง เจอแบบนี้ พวกนี้ จะหัวร้อนมาก

เพื่อป้องกันอาการหัวร้อน

  1. ผู้รับเหมา ทุกคน เน้นนะครับ ว่าทุกคน ไม่ใช่เฉพาะแต่บรรดาหัวหน้า หรือเจ้าของ จะเข้ามารับทราบข้อกำหนดด้านความปลอดภัย ก่อนที่จะเริ่มงาน กระบวนการนี้ ผ่านขั้นตอนการฝึกอบรม ปฐมนิเทศก์ โดยเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย และออกบัตรผ่านตามระบบรักษาความปลอดภัย เสียก่อน ขั้นตอนนี้ ก็จะช่วยให้พวกเขาได้เข้าใจ นโยบายความปลอดภัย เข้าใจมาตรการ ข้อกำหนด กฎระเบียบต่างๆ ถ้าขั้นตอนนี้ทำกันแบบ ถุยๆ ขอไปที ก็ รับรองได้ว่า พวกหัวร้อน จะเข้ามาแน่นอน
  2. การตรวจสอบ แผน และขั้นตอน การทำงาน และมาตรการความปลอดภัย หรือที่พวกเราเรียกว่า SWMS- Safe Work Method Statement ที่ผมว่าตรวจสอบนั้น บางคนเริ่มสงสัยว่า ใครกันเล่าที่จะต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ คำตอบก็คือ ใครก็ตามที่เป็นเจ้าของงาน ที่ต้องการผู้รับเหมาเข้ามาทำงานนั้นๆ หรือเป็นเจ้าของงานนั้นๆ จะต้องเป็นผู้ตรวจ SWMS ก่อนจะส่งต่อไปให้แผนกความปลอดภัยตรวจอีกครั้ง ขั้นตอนนี้สำคัญมากๆ เพราะ พวกคาวบอย พวกไปตายเอาดาบหน้า พวกมือสมัครเล่น พวกเอาง่ายเข้าว่า จะได้ไม่หลุดเข้ามา
  3. การตรวจสอบ เครื่องไม้ เครื่องมือ อุปกรณ์ กันเสียก่อนที่งานจะเริ่ม นั่นหมายความว่า ผู้รับเหมา ต้องรับรู้ รับแซ่บ มาตรฐานความปลอดภัย เกี่ยวกับเครื่องมือ และอุปกรณ์กันตั้งแต่ก่อนเซ็นสัญญาจ้างแล้ว (ถ้าไม่มีการสัญญาจ้างกัน ก็คงไม่ผ่านกระบวนการนี้ ) พวกหัวร้อนจะเคืองมาก หาก เครื่องมือห่วยๆที่ลากเอามาใช้ ถูกรีเจ็ค เครนถูกเฉดหัวออกนอกโรงงาน เพราะจ้างมาแล้ว วันนึงหลายตังค์ บางที พวกนี้ ไปเหมาช่วงมา พวกที่มารับช่วง ก็เอาเครื่องมือแบบห่วยแตกเข้ามา เจอเซฟตี้อัดเข้าไป หัวร้อนสิครับ
  4. การควบคุม ด้วยการออกใบอนุญาตทำงาน โรงงานที่เขาได้มาตรฐานสูง เขาไม่ออกใบอนุญาตทำงานกันแบบ กงเต๊ก เขาละเอียด เข้มงวด ตรวจแล้วตรวจอีก แบบนี้ พวกหัวร้อนจะไม่สามารถเข้ามาได้ เพราะหากหัวร้อน ก็จะถูกไล่ตะเพิดออกไปตั้งแต่มาขอใบอนุญาตทำงานนั่นแล้ว แต่ถ้าออกใบอนุญาตแบบไหว้เจ้า ก็แน่นอน พวกหัวร้อน เข้ามาแน่
  5. การกำกับดูแลหน้างาน สืบเนื่องมาจากทุกๆข้อข้างบนนั่น พวกหัวร้อน จะไม่มี ถ้า มีการดูแล ป้องกันแก้ไข เป็นระยะ ที่ทำงาน อะไรไม่ปลอดภัย ก็บอก เตือนกัน และแก้ไขไป แบบนี้ ไม่มีการชกปากกันแน่นอน
  6. ธุระกิจเราโต ผู้รับเหมาก็ต้องโต การสร้างความสัมพันธ์แบบนี้ แฟร์ดี กว่าการกดราคา เอาถูกและดีเป็นหลัก ผู้รับเหมาเป็นส่วนหนึ่งของเรา ต้องพัฒนาเขาไปพร้อมๆกันกับเราครับ
ส่วนพวกนักเลง หัวร้อน สอนไม่ฟัง ห้ามไม่เชื่อ ก็ให้ รปภ. ลากออกไป แจ้งความดำเนินคดีกันเป็นรายๆไป

วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2561

มะ มาให้พี่ดูดซะโดยดี


คอการเมืองอย่างผม ไปไหน ต้องมีมือถือติดมือไปด้วย เดี๋ยวนี้มือถือดูทีวีได้หมดแล้ว บังเอิญวันนั้นปิดไม่ทัน เพราะมัวแต่สาละวนกับการดูด นายกออกมาพูด ได้ยินแว่วๆ จับต้นชนปลายได้ว่า การดูด เป็นธรรมนองคลองธรรมของระบอบประชาธิปไตย

ภาษาเซฟตี้ มีอันตรายจากแรงดูดอยู่เหมือนกัน เลยอยากเอามาเล่ามาเตือนกัน กลัวลืม ตอนนี้ เห็นปรากฏการณ์ของการไล่ดูด ส.ส. มีทั้งพวกอยากโดนดูดใจจะขาด และพวกที่ออกมาโวยว่าพรรคของตัวเองกำลังถูกดูด



























ใครจะไปนึกว่าถังใบบะเริ่ม จะถูกดูดยุบวาบราวกับกระป๋องน้ำอัดลมเปล่าถูกบีบ ไม่น่าเป็นไปได้ว่าแรงดูดจากปั๊มตัวกะเปี๊ยกจะสร้างความบรรลัยได้ถึงปานนั้น

ถังใบนี้ อยู่ระหว่างการซ่อมแซม ช่างมันลืมเอาพลาสติคที่ปิดรูหายใจ ที่ภาษาเซฟตี้เรียกว่า Atmospheric Vent Valve ออก ปิดไว้กันผงกันฝุ่น หวังดี พองานเสร็จ เดินเครื่อง เดินปั๊ม ถังยุบแป่บ


หลักทางฟิสิกส์ บอกว่า

แรง แปรผันตรงกับความดันและพื้นที่ หรือสูตรคำนวณหาแรงก็คือ

Force = Pressure x Area

 
สูตรนี้ ไม่ได้ใช้เฉพาะเรื่อง แรงดูดอย่างเดียว แรงดันก็เหมือนกัน
สมมุติว่า ในถังใบนี้ มีความดันที่  10 psi บนพื้นที่ผิวขนาด 12นิ้ว x 12 นิ้ว

จะพบว่า มีแรงกระทำต่อผนังของถังถึง 1440 ปอนด์ เลยทีเดียว
ดังนั้น ไอ้ประเภท ไม่ยอมระบายแรงดันที่คาถังออกก่อน แล้วถอดน็อตรอบแมนโฮล ระวังเถอะ พอน็อตหลุดออกหมด ฝาแมนโฮลหลุดผึงราวกับมีใครถีบออกมา ไอ้ที่บอกว่า หึย ฝาหนักขนาดนี้ มันจะหลุดออกมาเองได้ยังไง
แนะนำให้เอาหน้าไปรอไว้เลย เดี๋ยวรู้ 

อย่างกรณีนี้ ฝาถังไซโลปูน หลุดผึงปลิวมาตกหน้ารถคนดวงแข็ง ต่อหน้าต่อตา รถราเบรกกันฝุ่นตลบ คิดว่ายานอวกาศที่บิ๊กตือไปซื้อมือสองมาจากจีนเกิดตกกลางถนน กร๊ากๆๆๆ

ลองสอบดูดีๆ ถ้าไม่มีเพรสเชอร์จากลมอัดเข้าไปเพื่อทำอะไรสักอย่าง ผมว่ามันต้องเกิดจากเจ้าที่เจ้าทางแน่นอน ไม่มีเหตุอื่น  เอาแค่แรงดัน 10 psi เป่าปูนเข้าไซโล บวกกับไอ้ชุ่ย ไม่ใส่น๊อตให้ครบ เปรี้ยง โครม ครืดๆๆๆๆ


 

กลับมาที่เรื่องดูดดีกว่า เรื่องแอบดูดขี้ในบ่อเพื่อนนี่ ถ้าดูดไม่ดี เผลอไผลไปสร้างบรรยากาศที่ติดลบ คือรูหายใจมันอุดตัน แรงดันข้างในเป็นลบไปนิดเดียว แรงกดอากาศมหาศาลจะดันให้ผนังของถังใบนี้ยุบได้ภายพริบตา

ผมไปเจอการทดสอบการยุบตัวของถังคาร์โก้ เป็นเอกสารในเวปไซท์ ใครใคร่อ่านก็คลิกไป

Cargo Tank Suck In


ฟิสิกส์ ของแรง อย่างข้างบนนั่น ก็เพื่อจะอธิบายว่า แรงที่เกิดขึ้น บนพื้นที่หน้าตัด มหาศาลเพียงไหน

ยังมีกฎของบอยลส์ ที่บอกว่า

แรงดันที่เกิดขึ้นบนพื้นผิวของถัง จะยังคงเป็นเช่นเดิน ตราบใดที่ปริมาตรของอากาศในถังยังเป็นดั่งเดิม ฟังดูเหมือนสุภาษิตขงตื้อ ตื้ออยากเป็นนายก ทำยังไงก็ได้ให้ฉันได้เป็นนายก

p1v1 = p2v2

 
สมมุติว่า ถังใบนี้ มีไอระเหยอยู่ข้างใน 60 แกลลอน ที่ความดันบรรยากาศ ปกติ 14.7 psi แล้วจัดการดูดไอนั่นออกมา 100 แกลลอน โดยปิดรูระบายไว้อย่างแน่นหนา (แบบใช้มาตรา 44 ห้ามโน่นนี่นั่นไว้เสียทั้งหมด ห้ามหายใจ เข้า ออก ห้ามตด ) แรงดันที่เกิดขึ้น หรือ p2 จะได้เท่ากับ การย้ายข้างสลับขั้ว
 

p2 = p1xv1 หารด้วย v2

p2 = 14.7 x 60 หารด้วย 160 ได้ออกมาเท่ากับ 5.5
 
เพราะฉะนั้น หลังจากการดูดไปแล้ว แรงดันในถัง จะ เท่ากับ 5.5 -14.7 = -9.2 psi
 
 
เห็นยัง ดูดไม่ดูตาม้าตาเรือ อุดรูหายใจไว้หมด เห็นยัง เพรสเชอร์ติดลบ ไอ้ฟาย ฮึ่ย
 
 
อ่ะ ทีนี้มาดู ไอ้ประเภท สร้างบรรยากาศร้อนระอุ แถมอุดรูไว้หมด ไม่ให้ได้หายใจหายคอ
 
สูตรคำนวณ เรื่อง ไอดีลแก็ส
 
 

p1/T1 =p2/T2 


ประมาณว่าหยั่งงี้คือ เอาเครื่องพ่นล้างด้วยไอน้ำ ไปล้างๆ ๆๆๆๆๆๆ จนข้างในร้อนระอุไป 200 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 660 เควิน ปิดรูระบาย รูหายใจ ปิดให้หมด แล้วให้ไปนั่งดูละครแม่การะเกด จนถังเย็นลงเหลือ 30 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 490 เควิน ทีนี่มาดูค่าความดันในประเทศ p2 = p1 x T2/T1 อ่ะ แทนค่าในสูตร
 
จะเห็นว่า แรงดัน p2 =  14.7 x 490 / 660 = 10.9 psi
 
แรงดันที่แตกต่าง = 10.9-14.7 = 3.8 psi เชียวนะมึง
 
แล้วทีนี้ เอาไปคูณกับพื้นที่ผิวดูทีรึ เป็นไง เห็นรึยัง ว่าแรงที่กดทับลงไปทุกหัวระแหง มันมากมายมหาศาลขนาดไหน ไอ้ฟาย ทำอะไร คิดซะมั่ง ฮึ่ย เห็นแล้วหงุดหงิด
 
 

ระวังเถอะ ดูดส่มสี่สุ่มห้า ถังขี้แตกขึ้นมา จะเหม็นกันไปหมดนะจะบอกให้

 

วันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2561

บุพเพอาละวาด EP.109 ชีวิตบัดซบของไอ้จ้อย

 
 

ความเดิมตอนที่แล้ว

ครั้นกรุงศรีอยุธยา ได้เจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศส ได้เพียงไม่กี่ปี อะไรๆก็เปลี่ยนแปลงไปหมด บรรดาขุนนางและเสนาบดีทั้งหลาย หันไปเปิดโรงงาน เลย์ออฟเหล่าไพร่ทาสเสียหมดสิ้น
 
ไอ้จ้อยและนางปริก สองสามีภรรยา ต้องตกอับไร้ที่พึ่งพา ยายปริกเอง พอหารายได้จากการทำหมูโสร่งเร่ขายตามหน้าโรงงาน ส่วนไอ้จ้อย ได้งานเป็นช่างเชื่อม ในโรงงานแห่งหนึ่งย่านนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ
 
บ่ายคล้อย ไอ้จ้อยเดินหน้าม้านกลับเข้าเพิงกระต๊อบ นังปริกเห็นผัวหนุ่มเดินหน้าละห้อยเข้ามาจึงมิวายตะวาดถามไปด้วยความเสน่หา
 
นางปริก : มึงเป็นเช่นไรมารึ ไอ้จ้อย เหตุฉันใดจึงทำหน้าประหนึ่งหมาเป็นไข้หวัดมาเช่นนั้น
ไอ้จ้อย : โธ่ แม่ปริก เมื่อไหร่จะเรียกฉันว่า คุณพี่เสียทีเล่า เมื่อแรกก่อนได้ฉันเป็นผัว ก็ยังเรียกขานฉันว่าคุณพี่
นางปริก : ปัดโธ่ ไอ้นี่ มึงต่างหาก เจตนาจะมุดมุ้งอีบุ้ง แต่ดันมาพลาดโดนข้าเข้า ยังจะมาทวงถาม ไอ้นี่ เดี๋ยวเขวี้ยงด้วยครก
 
ว่าแล้วนางปริก เงื้อสากกะเบือ เขวี้ยงหวือ เฉียดหัวไอ้จ้อย ไปโดนฝาจากกระเด็นกระจาย เป็นรูโหว่ ไอ้จ้อย เงียบปากไปโดยพลัน
 
มันหยิบรูปถ่ายออกมาวางไว้ตรงหน้านางปริก ไม่กล่าวอันใดอีก
 
 
นางปริก หยิบรูปนี้ขึ้นดู ร้องอุทาน ว้าย แม่หก ตกกะได นี่รูปใครกันรือ ไอ้จ้อย ยังหวาดๆ สากกะเบือบินไปแล้ว แต่ครกหินยังอยู่ใกล้มือนางปริก ปากร้าย ตั้งแต่ ถูกเฉดหัวออกมาจากเรือนคุณหญิงและท่านออกญา แม่ปริก เปลี่ยนเป็นคนโหดร้ายเสียยิ่งกว่าแม่หญิงการะเกดหลายเท่านัก
 
ไอ้จ้อย : ก็รูปที่พวกฝรั่งมันเอามาให้ข้าและกรรมกรดู มันบอกว่า ไอ้ใบเจียร์ ใบตัดที่พวกข้าใช้กันทุกๆวันนั้น ยามที่มันแตก มันจะปลิวกระเด็น บางทีมันก็สะบัด หลุดมือ บาดเข้าที่หลังมือหลังตีน ได้เลือด บ้างถึงตาย ข้ารึก็หวั่นๆอยู่ว่า หากโดนเข้ากับตัว แม่ปริกของฉันจะอยู่เช่นไร
 
นางปริก : กูว่าแล้วเชียว ไอ้พวกฝรั่ง มันเอาเครื่องมืออะไรมา สมัยก่อนพ่อแม่แกูไม่เห็นจะมีเครื่องพวกนี้อะไรเลย นี่เป็นความผิดของ ไอ้ฝรั่งตาน้ำข้าวนั่นแท้ๆเชียว
 
ท่าทีนางปริกสงบลงมาก บ่นพึมๆ มันเป็นขนาดนั้นเทียวรือไอ้จ้อย สายตาอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด ไอ้จ้อยหย่อนตูดลงบนแคร่ ใกล้ๆ แต่ยังระแวดระวังหลังตีนอยู่ดังเดิม
 
 
ไอ้จ้อย : คนอย่างพวกเรานั้น มันสอนยากสอนเย็นนักแม่ปริก  ข้าเองพอจะมีความรู้มาบ้างว่า ไอ้เครื่องมือพวกนี้ ฝรั่ง เขาเรียก พาวเวอร์เร็ด แฮนด์ ทูลส์ (Powered Hand Tools) มันมีอันตรายอยู่หลายอย่างนัก
 
ว่าแล้ว ไอ้จ้อย ฉวยเอากระดานชนวนมาวาด นางปริก ละมือจากหมูโสร่ง ชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ มองลงไปที่รูปข้างล่างนั่น ท่าทางมิผิด เมื่อครั้งอยู่ด้วยกับนางจวง ที่หนีตามแขกขายผ้าไปเมื่อปีกลาย
 
อันตรายจากของพรรค์นี้ มีหลายแบบหนาแม่ปริก ไอ้จ้อยเริ่มสาธยาย
 
อันตรายแรก ก็ได้แก่ อันตรายรอบๆ โซนที่หนึ่ง ได้แก่ อันตรายที่เกิดจากการประกอบ ใบเข้าไปกับเครื่อง
 
  1. ใช้ใบผิดประเภท เอาไบตัดไปทำงานขัด เอาไปเจียร์ไปทำงานตัด แบบนี้แหละ ที่พวกข้า ทำกันอยู่เนืองๆเชียว
  2. ใช้สิ่งที่มันไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้กับเครื่องพวกนี้ ใส่เข้าไป อย่างพวกใบเลื่อยกลมๆนั่น ชอบใช้กันหนักหนาเชียว
  3. ใช้ใบไม่ถูกกับวัสดุที่จะตัดจะเจียร์ อย่างเอาใบที่ใช้งานกับเหล็ก ไปใช้กับไม้ ใช้กับปูน แบบนี้ ก็บ่อยเลยแม่ปริกเอ้ย
  4. ใช้ใบที่มันขนาดไม่เหมาะกับเครื่อง เล็กไปมั่ง ใหญ่ไปมั่ง
  5. ใช้ใบที่รับความเร็วรอบของเครื่องไม่ไหว แหะๆ จริงๆแล้ว พวกข้านั้น ไม่เคยจะได้แหกตาดูหรอกว่า ใบที่ใช้ มีความเร็วที่เรียกว่า Maximum Permissible Speed เท่าไหร่ แหม ก็ใครมันจะอ่านออกเล่านังปริกเอ้ย
นางปริก มองดูไอ้จ้อย ด้วยสายตาชื่นชม มินึกฝันว่า ผัวกูจะมีภูมิรู้มากมาย จากการได้เป็นกรรมกรในโรงงานของท่านหมื่นเรือง กับแม่หญิงจันทร์วาด
ใจหนึ่งก็ พรั่นพรึงนัก ว่าของพวกนี้มันช่างอันตรายเหลือเกิน
 
ไอ้จ้อย รู้ทัน เอ่ยปากว่า ข้ารู้นะว่าแม่หญิงปริก เป็นห่วงข้านัก ว่าแล้วมันก็ครวญเพลง ออ เจ้า เอย ... สองคนผัวเมียพากันจูงมือหายไปในกระท่อม พักหนึ่ง ก็มีเสียงโหยหวนของนางปริก ออกมา ว่า อออออออ อือ ออออออ อือ
 
จบดีกว่า อิอิ
 



ติดคุกเพราะชำนาญการ

 พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 มีข้อกำหนดมากมายหลายมาตรา รับกันมาเป็นทอดๆ ไล่ไปตั้งแต่มาตรา 4 ที่เ...