วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

มีใบอนุญาตรึเปล่า


แค่ถามหาใบอนุญาต อีตอนไปเจอเขากำลังเจาะถ้ำ เพื่อระบายน้ำใต้ดิน กับตะโกนถามลูกน้องว่าเฮ้ย มึงบินโดรน มีใบอนุญาตรึเปล่า

ทำเอาคนสรรเสริญกันทั้งเมือง นี่ก็เข้าทำนอง ไม่ดู ตี๋ดูหมวย ว่าเขากำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน กำลังมุ่งช่วยชีวิตที่ตกอยู่ในอันตราย

ใบอนุญาต ในกะลาแลนด์นี่ มันมีหลายแบบ แต่ละกระทรวง แต่ละกรม ก็ใช้มาตรการควบคุมเรื่องของตัวเองด้วยระบบ ใบอนุญาต
อย่างเช่น กรมการขนส่งทางบก ก็ใช้ใบขับขี่ เป็นใบอนุญาต เพื่อแสดงว่า เจ้าของใบขับขี่ ได้ผ่านการทดสอบ ว่าสามารถขับขี่รถยนต์ได้อย่างปลอดภัย  พอโดนตำรวจเรียกตรวจ หากสามารถงัดใบอนุญาตมาโชว์ให้ดู ก็แสดงว่า เป็นคนที่ได้รับอนุญาตให้ขับรถได้ ถ้าไม่มีก็แสดงว่า ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต
แต่ส่วนใหญ่ ไม่ค่อยโดนข้อหานี้ เพราะมักจะรู้ทัน จึงพกใบอนุญาตไปด้วยเสมอ

กรมโรงงานอุตสาหกรรม มีใบอนุญาต เยอะแยะไปหมด อย่างใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ซึ่งจะว่ากันไปแล้ว ใบอนุญาตแบบนี้ ออกให้ก็ด้วยข้อที่ว่า ก่อสร้างโรงงานในที่ได้รับอนุญาต อาคาร เครื่องจักร เครื่องมือ และอีกมากมายปลอดภัย เขาจึงอนุญาต พอทำผิด เขาก็มีอำนาจยึดใบอนุญาต แต่เชื่อผมไหม ผมเคยไปเห็นโรงงานมากมาย ที่ไม่น่าจะได้ใบอนุญาตด้วยซ้ำ แต่ก็ได้ บางทีก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ไอ้ใบอนุญาตพวกนี้ มันแพงมั๊ย อย่างใบขับขี่ ก็ไม่ค่อยแพงเท่าไหร่ สมัยผมเด็กๆ ประมาณ 500 ก็สอบผ่านแล้ว เหอๆๆ

ใบอนุญาตบางอย่างก็ ให้ไว้เพื่ออนุญาตให้มีและครอบครอง นู่นนี่นั่น อีกนั่นแหละ ก็อยู่บนเงื่อนไขว่า มีการขนส่ง การจัดเก็บ และการจัดการอื่นๆสำหรับของที่มีอย่างดีและปลอดภัย ส่วนไอ้ที่มีใบอนุญาต แต่จัดการไม่ดี และไม่โดนอะไร ก็ไม่รู้สินะ คนออกใบอนุญาตห่วย หรือคนได้รับใบอนุญาตห่วย หรือพอๆกัน

ใบอนุญาตอีกประเภท ก็คือ อนุญาตให้ทำนู่นนี่นั่น ได้ เช่น เป็นคนคุมบอยล์เลอร์ เป็นคนขับเครน เป็นกัปตันเรือ เป็นเภสัชกร เป็นวิศวกร
แบบนี้ เขามักไม่ค่อยเรียกว่าใบอนุญาต แต่มักจะเรียกเป็นอย่างอื่นๆ คนที่ทำงานภายใต้ใบอนุญาตพวกนี้ ขืนซี้ซั๊ว มั่วมาก เกิดอะไรตูมตาม ก็คุกเห็นๆ

ใบอนุญาตอีกแบบ อย่างทะเบียนสมรส เป็นใบอนุญาตที่ออกให้ เพื่อป้องกันไม่ให้ไปเที่ยวไล่จิ้มคนนั้นคนนี้มั่วซั่ว เพราะเขามีเจ้าข้าวเจ้าของ จะไปจดทะเบียนซ้อนส่งเดช ไม่ได้ ใบอนุญาตแบบนี้ ไม่มีหมดอายุ ไม่ต้องต่อทะเบียน เสียภาษี แต่ต้องตรวจสภาพบ่อยๆ จะได้ไม่ชำรุดทรุดโทรมมาก

การเที่ยวไปขอดูใบอนุญาต มันจึงเป็นเพียงกระบวนการกำกับดูแล
คนถูกขอก็อย่าไปตื่นเต้นมาก ส่วนไอ้คนขอ ก็พูดจาให้มันสุภาพรื่นหู แค่นี้ ก็น่ารักน่าเอ็นดูแล้ว ไม่ใช่ ไปถึงก็ เฮ่ยๆๆๆ มึงเอาใบอนุญาตมาให้กูดูซิ แบบนี้ เขาเรียกว่า

สำเนียงส่อภาษา กิริยา ส่อสกุล



วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2561

โตมาด้วยจิตวิญญาน


เด็กๆสมัยนี้ เติบโตมาด้วยจิตวิญญานจริงๆ วิญญานไก่ วิญญานหมู นมบูด

สมัยเด็กๆ การได้กินข้าวในถาดหลุมสำหรับผมแล้วมันเป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก เพราะผมไม่เคยเห็นมาก่อน
ไปได้กินถาดหลุมครั้งแรกก็ที่ค่ายลูกเสือวชิราวุธ จังหวัดเพชรบุรี ตอนนั้นครูส่งไปเข้าค่าย จำได้ว่า แกงเขียวหวาน ไข่พะโล้ อร่อยมาก

มาสมัยนี้ เด็กๆ ได้เรียนฟรี กินอาหารกลางวันฟรี กินนมบูดฟรี ตามโครงการรัฐบาล

สมัยเด็กๆ ขนมจีนน้ำยา มันเผ็ดเกินไป ก็ต้องกินขนมจีนเหยาะน้ำปลา หรูสุดก็คือขนมจีนน้ำพริก สูตรยายเหรียญ เป็นน้ำแกงหวานๆมีถั่วลิสงป่น มีหอมเจียว เป็นน้ำพริกที่เด็กๆอย่างผมชอบเป็นที่สุด

ตอนนั้น ไม่เห็นต้องมีใครมาสอนว่า โตไปไม่โกง

ผมโตเป็นหนุ่ม ก็เห็นโครงการแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง ชาวบ้านถูกเกณฑ์ไปทำนู่นนี่นั่น ไม้ไผ่ถูกตัดโค่น เอามาทำรั้ว ทำป้าย คุณธรรมสาระพัด ศาลาที่พัก ที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้าน ถูกสร้างขึ้นพรึบพรั่บ หลังจากผู้ว่าไปเปิดป้าย ก็ไม่เห็นมีหนังสืออะไรให้อ่าน นานๆจะมีคนแอบเอาหนังสือโป๊ไปวาง ก็อ่านกันจนช้ำ ท่าเด็ดๆก็มีคนฉีกไปเสียหมด ในที่สุด มันก็กลายเป็นที่หมานอน

พวกเจ๊กในตลาดที่ใกล้ชิดข้าราชการผู้ใหญ่ พากันร่ำรวยกันไปตามๆกัน

โครงการมิยาซาว่า กู้เงินญี่ปุ่นเอามาทำสวนหย่อม ในชนบท ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำสวนหย่อมเพื่ออะไร เพราะในชนบท ไปทางไหนก็มีไร่มีสวน เขียวขจี สุดท้าย สวนนั่นก็เป็นดงหมาขี้ รกร้าง ไปในที่สุด

โครงการถนนปลอดฝุ่น อันนี้สิเด็ด เพราะระยะทางจากบ้านไปโรงเรียนในอำเภอ 20 กิโล มันจะเป็นทางราดยาง สลับกับถนนลูกรังฝุ่นแดงๆ ขรุขระขะโหยกขะเหยก พวกผม มักต้องนั่งบนหลังคารถสองแถว เพราะมันเท่ห์ มันเย็น มันสนุก กว่าจะถึงโรงเรียน ถ้าฝนตก สลับแดดออก พวกเราจะมีฝุ่นเกาะหัวแดง พวกเด็กในเมืองแซวว่าพวกผมมุดดินมาเรียน

สมัยนั้น ไม่มีหรอก ปปช. ไม่มีศาลรัฐธรรมนูญ ถ้ามี ป่านนี้ถนนลูกรังคงไม่มี ตูดกางเกงของผมคงไม่ขาดบ่อยๆ เพราะถูไปถูมากับหลังคารถ

สมัยนั้นจะขอไฟฟ้าเข้าบ้านกันแต่ละที ต้องขายควายเป็นตัวๆ อาผมผูกคอตายเพราะขอไฟเข้าบ้านไม่ได้ เพราะไม่มีเงิน

ผมกินข้าวฝีมือแม่มาตั้งแต่เรียนชั้นประถม ขี่จักรยานกลับมากินข้าวที่บ้าน แม่ไม่โกงอาหารกลางวัน ไม่มีหรอกนมบูด


ถึงจะมีพวกผมก็ไม่รู้อะไรหรอก สมัยนั้น ไม่มีเฟสบุค ไม่มีไลน์ ไม่เหมือนสมัยนี้ ครูสาวแฉว่านมโรงเรียนบูด แฉไปเป็นชาติ ไม่มีใครหือใครอือ เรื่องกลับกลายเป็นว่าคนถูกแฉโดนกดดัน เรื่องกลายเป็นนมครูสาวบูด ต้องย้ายหนี

พอโตมาทำงาน มีคนเอาผลประโยชน์มาเสนอ พาไปกินข้าวหลายรอบ ไอ้เราก็ไม่เอะใจ ว่าเอ ทำไมเราเพิ่งเข้ามา ไอ้นี่มันรักเราจัง ที่ไหนได้ มันตั้งงบเตรียมซื้อรถดับเพลิงไว้สามคัน มาเสนอให้เรา 10 เปอร์เซ็น แหม ถ้ากูกินขนมจีนราดน้ำปลาอย่างเด็กๆพวกนี้ ป่านนี้กูรับข้อเสนอ รวยไปแล้ว

การโกง ในภาษาเซฟตี้ มันเป็นความล้มเหลวขององค์กร ที่นำไปสู่ปัญหาหมักหมมมากมาย เช่น ใช้ของไม่ได้คุณภาพ ของปลอม ของเทียมแบบแท้
ใช้ผู้รับเหมาห่วยๆ แตะไม่ได้ แตะทีครางกันซี๊ดซ๊าด
ไอ้พวกนี้ มันไปโผล่ที่เรื่องงาน เรื่องคน
สุดท้ายเกิดอุบัติเหตุแรงๆ

บางแห่ง มีการแอบขโมยน้ำมัน จนนำไปสู่เหตุการณ์ระเบิดกันมโหฬารก็มีมาแล้ว
ไอ้ที่ปล่อยน้ำเสียลงทะเลฟองฟอด ผมก็ไปฟัดกับเขามา ถ้าจะให้แฉแบบนมบูด คงไม่ทันได้ย้ายหนี มันไล่ออกก่อน

ผมนะ จำชื่อคนแม่น

กรวยศักดิ์สิทธิ์


กรวยมีหลายแบบ กรวยใหญ่ กรวยเล็ก กรวยยาว กรวยสั้น กรวยเหลือง กรวยแดง กรวยยืดได้หดได้...

ในแวดวงเซฟตี้ เราใช้กรวย เพื่อวัตถุประสงค์หลักๆคือ

เพื่อ เตือน ว่าตรงนั้นตรงนี้ อาจจะมีอันตราย หากเข้าไป เตือนให้ใช้ความระมัดระวัง ส่วนใหญ่ กรวยเพื่อการนี้มักจะใช้สีเหลือง

เพื่อ ห้าม ว่าจุดนั้นจุดนี้มีอันตราย มีกิจกรรมที่จะเกิดอันตรายได้ ห้ามเข้าไป เช่น ตรงที่มีการยกของด้วยเครย ตรงที่มีรถคว่ำ กำลังเก็บกู้กันอยู่ ตรงนั้นมีแก็สรั่ว ห้ามเข้าใกล้

ตลอดชีวิตการทำงานของผม จึงเห็นประโยชน์ของกรวยในแง่ของการเป็นอุปกรณ์เตือนภัยและช่วยป้องกันอุบัติเหตุ หรือพูดง่ายๆก็คือ ช่วยชีวิตคน กรวยจึงสมควรปฏิบัติด้วยความเคารพสักการะด้วยความศักดิ์สิทธิ์


 


 แต่ผมไม่นึกว่า ที่บ้านเรา กรวยได้รับความเคารพสักการะมากมาย ถึงขนาดที่ว่า ใครบังอาจไปแตะต้องกรวยเข้า มีโทษถึงตายกันเลยทีเดียว

อย่างท่านรอง ผอ.กองวิเทศสัมพันธ์ กรมข่าวทหาร ขับรถกลับบ้าน ถ.แจ้งวัฒนะ เจอกรวย ขวาง จึงเข้าไปย้าย ก่อนถูกระดมยิงจนเศษกระสุนฝังข้อเท้า และถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ อาการล่าสุดปลอดภัยแล้ว โชคดีนะ นี่ถ้าเป็นมือยิงคนเดียวกับที่ยิงเสือดำ ท่านเห็นทีจะไม่รอด

มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า

การใช้กรวย หรือเครื่องหมาย ป้ายเตือน เครื่องกีดขวาง เหล่านี้ มีหลักการพื้นฐาน ง่ายๆคือ

  • เห็นได้ชัดเจนแต่ไกล
  • บ่งบอกถึงอันตรายในเขตพื้นที่นั้น
  • ไม่ถูกเคลื่อนย้ายได้ง่ายดาย
จะว่าไปแล้ว กรวย เป็น Awareness device ประเภทหนึ่ง เมื่อไปเทียบกับมาตรการป้องกันอื่นๆที่มีประสิทธิภาพมากกว่า เขาจึงไม่นิยมทำกัน แต่จะไปแก้ไขที่ตัวอันตราย หรือไม่ก็ การเข้าถึงอันตรายเสียเลยจะดีกว่าการเอากรวยมาตั้ง เพราะกรวยที่ประเทศอื่นๆมันไม่ศักดิ็สิทธิ์เหมือนกรวยที่บ้านเรา
สาธุ



วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ผู้รับเหมาหัวร้อน


ผู้รับเหมาออกอาการหัวร้อน ชกหน้า จป. นี่ก็เป็นเรื่องธรรมดามากๆในวงการ "ความไม่ปลอดภัย" ในบ้านเรา

รับมือ ผู้รับเหมา "หัวร้อน"

ผู้รับเหมา หัวร้อน เป็นเรื่อง ธรรมดามากๆ ยิ่งเซฟตี้ จุกจิก เข้มงวดมาก งานถูกเบรก อุปกรณ์ที่นำเข้ามา ถูกระงับ ห้ามนำมาใช้ คนงาน มีกลิ่นเหล้า เป่าแอลกอฮอล์ไม่ผ่าน เอาคนต่างด้าวปนเข้ามา แอบสวมบัตรคนอื่น สาระพัดเรื่อง เจอแบบนี้ พวกนี้ จะหัวร้อนมาก

เพื่อป้องกันอาการหัวร้อน

  1. ผู้รับเหมา ทุกคน เน้นนะครับ ว่าทุกคน ไม่ใช่เฉพาะแต่บรรดาหัวหน้า หรือเจ้าของ จะเข้ามารับทราบข้อกำหนดด้านความปลอดภัย ก่อนที่จะเริ่มงาน กระบวนการนี้ ผ่านขั้นตอนการฝึกอบรม ปฐมนิเทศก์ โดยเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย และออกบัตรผ่านตามระบบรักษาความปลอดภัย เสียก่อน ขั้นตอนนี้ ก็จะช่วยให้พวกเขาได้เข้าใจ นโยบายความปลอดภัย เข้าใจมาตรการ ข้อกำหนด กฎระเบียบต่างๆ ถ้าขั้นตอนนี้ทำกันแบบ ถุยๆ ขอไปที ก็ รับรองได้ว่า พวกหัวร้อน จะเข้ามาแน่นอน
  2. การตรวจสอบ แผน และขั้นตอน การทำงาน และมาตรการความปลอดภัย หรือที่พวกเราเรียกว่า SWMS- Safe Work Method Statement ที่ผมว่าตรวจสอบนั้น บางคนเริ่มสงสัยว่า ใครกันเล่าที่จะต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ คำตอบก็คือ ใครก็ตามที่เป็นเจ้าของงาน ที่ต้องการผู้รับเหมาเข้ามาทำงานนั้นๆ หรือเป็นเจ้าของงานนั้นๆ จะต้องเป็นผู้ตรวจ SWMS ก่อนจะส่งต่อไปให้แผนกความปลอดภัยตรวจอีกครั้ง ขั้นตอนนี้สำคัญมากๆ เพราะ พวกคาวบอย พวกไปตายเอาดาบหน้า พวกมือสมัครเล่น พวกเอาง่ายเข้าว่า จะได้ไม่หลุดเข้ามา
  3. การตรวจสอบ เครื่องไม้ เครื่องมือ อุปกรณ์ กันเสียก่อนที่งานจะเริ่ม นั่นหมายความว่า ผู้รับเหมา ต้องรับรู้ รับแซ่บ มาตรฐานความปลอดภัย เกี่ยวกับเครื่องมือ และอุปกรณ์กันตั้งแต่ก่อนเซ็นสัญญาจ้างแล้ว (ถ้าไม่มีการสัญญาจ้างกัน ก็คงไม่ผ่านกระบวนการนี้ ) พวกหัวร้อนจะเคืองมาก หาก เครื่องมือห่วยๆที่ลากเอามาใช้ ถูกรีเจ็ค เครนถูกเฉดหัวออกนอกโรงงาน เพราะจ้างมาแล้ว วันนึงหลายตังค์ บางที พวกนี้ ไปเหมาช่วงมา พวกที่มารับช่วง ก็เอาเครื่องมือแบบห่วยแตกเข้ามา เจอเซฟตี้อัดเข้าไป หัวร้อนสิครับ
  4. การควบคุม ด้วยการออกใบอนุญาตทำงาน โรงงานที่เขาได้มาตรฐานสูง เขาไม่ออกใบอนุญาตทำงานกันแบบ กงเต๊ก เขาละเอียด เข้มงวด ตรวจแล้วตรวจอีก แบบนี้ พวกหัวร้อนจะไม่สามารถเข้ามาได้ เพราะหากหัวร้อน ก็จะถูกไล่ตะเพิดออกไปตั้งแต่มาขอใบอนุญาตทำงานนั่นแล้ว แต่ถ้าออกใบอนุญาตแบบไหว้เจ้า ก็แน่นอน พวกหัวร้อน เข้ามาแน่
  5. การกำกับดูแลหน้างาน สืบเนื่องมาจากทุกๆข้อข้างบนนั่น พวกหัวร้อน จะไม่มี ถ้า มีการดูแล ป้องกันแก้ไข เป็นระยะ ที่ทำงาน อะไรไม่ปลอดภัย ก็บอก เตือนกัน และแก้ไขไป แบบนี้ ไม่มีการชกปากกันแน่นอน
  6. ธุระกิจเราโต ผู้รับเหมาก็ต้องโต การสร้างความสัมพันธ์แบบนี้ แฟร์ดี กว่าการกดราคา เอาถูกและดีเป็นหลัก ผู้รับเหมาเป็นส่วนหนึ่งของเรา ต้องพัฒนาเขาไปพร้อมๆกันกับเราครับ
ส่วนพวกนักเลง หัวร้อน สอนไม่ฟัง ห้ามไม่เชื่อ ก็ให้ รปภ. ลากออกไป แจ้งความดำเนินคดีกันเป็นรายๆไป

วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2561

มะ มาให้พี่ดูดซะโดยดี


คอการเมืองอย่างผม ไปไหน ต้องมีมือถือติดมือไปด้วย เดี๋ยวนี้มือถือดูทีวีได้หมดแล้ว บังเอิญวันนั้นปิดไม่ทัน เพราะมัวแต่สาละวนกับการดูด นายกออกมาพูด ได้ยินแว่วๆ จับต้นชนปลายได้ว่า การดูด เป็นธรรมนองคลองธรรมของระบอบประชาธิปไตย

ภาษาเซฟตี้ มีอันตรายจากแรงดูดอยู่เหมือนกัน เลยอยากเอามาเล่ามาเตือนกัน กลัวลืม ตอนนี้ เห็นปรากฏการณ์ของการไล่ดูด ส.ส. มีทั้งพวกอยากโดนดูดใจจะขาด และพวกที่ออกมาโวยว่าพรรคของตัวเองกำลังถูกดูด



























ใครจะไปนึกว่าถังใบบะเริ่ม จะถูกดูดยุบวาบราวกับกระป๋องน้ำอัดลมเปล่าถูกบีบ ไม่น่าเป็นไปได้ว่าแรงดูดจากปั๊มตัวกะเปี๊ยกจะสร้างความบรรลัยได้ถึงปานนั้น

ถังใบนี้ อยู่ระหว่างการซ่อมแซม ช่างมันลืมเอาพลาสติคที่ปิดรูหายใจ ที่ภาษาเซฟตี้เรียกว่า Atmospheric Vent Valve ออก ปิดไว้กันผงกันฝุ่น หวังดี พองานเสร็จ เดินเครื่อง เดินปั๊ม ถังยุบแป่บ


หลักทางฟิสิกส์ บอกว่า

แรง แปรผันตรงกับความดันและพื้นที่ หรือสูตรคำนวณหาแรงก็คือ

Force = Pressure x Area

 
สูตรนี้ ไม่ได้ใช้เฉพาะเรื่อง แรงดูดอย่างเดียว แรงดันก็เหมือนกัน
สมมุติว่า ในถังใบนี้ มีความดันที่  10 psi บนพื้นที่ผิวขนาด 12นิ้ว x 12 นิ้ว

จะพบว่า มีแรงกระทำต่อผนังของถังถึง 1440 ปอนด์ เลยทีเดียว
ดังนั้น ไอ้ประเภท ไม่ยอมระบายแรงดันที่คาถังออกก่อน แล้วถอดน็อตรอบแมนโฮล ระวังเถอะ พอน็อตหลุดออกหมด ฝาแมนโฮลหลุดผึงราวกับมีใครถีบออกมา ไอ้ที่บอกว่า หึย ฝาหนักขนาดนี้ มันจะหลุดออกมาเองได้ยังไง
แนะนำให้เอาหน้าไปรอไว้เลย เดี๋ยวรู้ 

อย่างกรณีนี้ ฝาถังไซโลปูน หลุดผึงปลิวมาตกหน้ารถคนดวงแข็ง ต่อหน้าต่อตา รถราเบรกกันฝุ่นตลบ คิดว่ายานอวกาศที่บิ๊กตือไปซื้อมือสองมาจากจีนเกิดตกกลางถนน กร๊ากๆๆๆ

ลองสอบดูดีๆ ถ้าไม่มีเพรสเชอร์จากลมอัดเข้าไปเพื่อทำอะไรสักอย่าง ผมว่ามันต้องเกิดจากเจ้าที่เจ้าทางแน่นอน ไม่มีเหตุอื่น  เอาแค่แรงดัน 10 psi เป่าปูนเข้าไซโล บวกกับไอ้ชุ่ย ไม่ใส่น๊อตให้ครบ เปรี้ยง โครม ครืดๆๆๆๆ


 

กลับมาที่เรื่องดูดดีกว่า เรื่องแอบดูดขี้ในบ่อเพื่อนนี่ ถ้าดูดไม่ดี เผลอไผลไปสร้างบรรยากาศที่ติดลบ คือรูหายใจมันอุดตัน แรงดันข้างในเป็นลบไปนิดเดียว แรงกดอากาศมหาศาลจะดันให้ผนังของถังใบนี้ยุบได้ภายพริบตา

ผมไปเจอการทดสอบการยุบตัวของถังคาร์โก้ เป็นเอกสารในเวปไซท์ ใครใคร่อ่านก็คลิกไป

Cargo Tank Suck In


ฟิสิกส์ ของแรง อย่างข้างบนนั่น ก็เพื่อจะอธิบายว่า แรงที่เกิดขึ้น บนพื้นที่หน้าตัด มหาศาลเพียงไหน

ยังมีกฎของบอยลส์ ที่บอกว่า

แรงดันที่เกิดขึ้นบนพื้นผิวของถัง จะยังคงเป็นเช่นเดิน ตราบใดที่ปริมาตรของอากาศในถังยังเป็นดั่งเดิม ฟังดูเหมือนสุภาษิตขงตื้อ ตื้ออยากเป็นนายก ทำยังไงก็ได้ให้ฉันได้เป็นนายก

p1v1 = p2v2

 
สมมุติว่า ถังใบนี้ มีไอระเหยอยู่ข้างใน 60 แกลลอน ที่ความดันบรรยากาศ ปกติ 14.7 psi แล้วจัดการดูดไอนั่นออกมา 100 แกลลอน โดยปิดรูระบายไว้อย่างแน่นหนา (แบบใช้มาตรา 44 ห้ามโน่นนี่นั่นไว้เสียทั้งหมด ห้ามหายใจ เข้า ออก ห้ามตด ) แรงดันที่เกิดขึ้น หรือ p2 จะได้เท่ากับ การย้ายข้างสลับขั้ว
 

p2 = p1xv1 หารด้วย v2

p2 = 14.7 x 60 หารด้วย 160 ได้ออกมาเท่ากับ 5.5
 
เพราะฉะนั้น หลังจากการดูดไปแล้ว แรงดันในถัง จะ เท่ากับ 5.5 -14.7 = -9.2 psi
 
 
เห็นยัง ดูดไม่ดูตาม้าตาเรือ อุดรูหายใจไว้หมด เห็นยัง เพรสเชอร์ติดลบ ไอ้ฟาย ฮึ่ย
 
 
อ่ะ ทีนี้มาดู ไอ้ประเภท สร้างบรรยากาศร้อนระอุ แถมอุดรูไว้หมด ไม่ให้ได้หายใจหายคอ
 
สูตรคำนวณ เรื่อง ไอดีลแก็ส
 
 

p1/T1 =p2/T2 


ประมาณว่าหยั่งงี้คือ เอาเครื่องพ่นล้างด้วยไอน้ำ ไปล้างๆ ๆๆๆๆๆๆ จนข้างในร้อนระอุไป 200 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 660 เควิน ปิดรูระบาย รูหายใจ ปิดให้หมด แล้วให้ไปนั่งดูละครแม่การะเกด จนถังเย็นลงเหลือ 30 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 490 เควิน ทีนี่มาดูค่าความดันในประเทศ p2 = p1 x T2/T1 อ่ะ แทนค่าในสูตร
 
จะเห็นว่า แรงดัน p2 =  14.7 x 490 / 660 = 10.9 psi
 
แรงดันที่แตกต่าง = 10.9-14.7 = 3.8 psi เชียวนะมึง
 
แล้วทีนี้ เอาไปคูณกับพื้นที่ผิวดูทีรึ เป็นไง เห็นรึยัง ว่าแรงที่กดทับลงไปทุกหัวระแหง มันมากมายมหาศาลขนาดไหน ไอ้ฟาย ทำอะไร คิดซะมั่ง ฮึ่ย เห็นแล้วหงุดหงิด
 
 

ระวังเถอะ ดูดส่มสี่สุ่มห้า ถังขี้แตกขึ้นมา จะเหม็นกันไปหมดนะจะบอกให้

 

วันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2561

บุพเพอาละวาด EP.109 ชีวิตบัดซบของไอ้จ้อย

 
 

ความเดิมตอนที่แล้ว

ครั้นกรุงศรีอยุธยา ได้เจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศส ได้เพียงไม่กี่ปี อะไรๆก็เปลี่ยนแปลงไปหมด บรรดาขุนนางและเสนาบดีทั้งหลาย หันไปเปิดโรงงาน เลย์ออฟเหล่าไพร่ทาสเสียหมดสิ้น
 
ไอ้จ้อยและนางปริก สองสามีภรรยา ต้องตกอับไร้ที่พึ่งพา ยายปริกเอง พอหารายได้จากการทำหมูโสร่งเร่ขายตามหน้าโรงงาน ส่วนไอ้จ้อย ได้งานเป็นช่างเชื่อม ในโรงงานแห่งหนึ่งย่านนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ
 
บ่ายคล้อย ไอ้จ้อยเดินหน้าม้านกลับเข้าเพิงกระต๊อบ นังปริกเห็นผัวหนุ่มเดินหน้าละห้อยเข้ามาจึงมิวายตะวาดถามไปด้วยความเสน่หา
 
นางปริก : มึงเป็นเช่นไรมารึ ไอ้จ้อย เหตุฉันใดจึงทำหน้าประหนึ่งหมาเป็นไข้หวัดมาเช่นนั้น
ไอ้จ้อย : โธ่ แม่ปริก เมื่อไหร่จะเรียกฉันว่า คุณพี่เสียทีเล่า เมื่อแรกก่อนได้ฉันเป็นผัว ก็ยังเรียกขานฉันว่าคุณพี่
นางปริก : ปัดโธ่ ไอ้นี่ มึงต่างหาก เจตนาจะมุดมุ้งอีบุ้ง แต่ดันมาพลาดโดนข้าเข้า ยังจะมาทวงถาม ไอ้นี่ เดี๋ยวเขวี้ยงด้วยครก
 
ว่าแล้วนางปริก เงื้อสากกะเบือ เขวี้ยงหวือ เฉียดหัวไอ้จ้อย ไปโดนฝาจากกระเด็นกระจาย เป็นรูโหว่ ไอ้จ้อย เงียบปากไปโดยพลัน
 
มันหยิบรูปถ่ายออกมาวางไว้ตรงหน้านางปริก ไม่กล่าวอันใดอีก
 
 
นางปริก หยิบรูปนี้ขึ้นดู ร้องอุทาน ว้าย แม่หก ตกกะได นี่รูปใครกันรือ ไอ้จ้อย ยังหวาดๆ สากกะเบือบินไปแล้ว แต่ครกหินยังอยู่ใกล้มือนางปริก ปากร้าย ตั้งแต่ ถูกเฉดหัวออกมาจากเรือนคุณหญิงและท่านออกญา แม่ปริก เปลี่ยนเป็นคนโหดร้ายเสียยิ่งกว่าแม่หญิงการะเกดหลายเท่านัก
 
ไอ้จ้อย : ก็รูปที่พวกฝรั่งมันเอามาให้ข้าและกรรมกรดู มันบอกว่า ไอ้ใบเจียร์ ใบตัดที่พวกข้าใช้กันทุกๆวันนั้น ยามที่มันแตก มันจะปลิวกระเด็น บางทีมันก็สะบัด หลุดมือ บาดเข้าที่หลังมือหลังตีน ได้เลือด บ้างถึงตาย ข้ารึก็หวั่นๆอยู่ว่า หากโดนเข้ากับตัว แม่ปริกของฉันจะอยู่เช่นไร
 
นางปริก : กูว่าแล้วเชียว ไอ้พวกฝรั่ง มันเอาเครื่องมืออะไรมา สมัยก่อนพ่อแม่แกูไม่เห็นจะมีเครื่องพวกนี้อะไรเลย นี่เป็นความผิดของ ไอ้ฝรั่งตาน้ำข้าวนั่นแท้ๆเชียว
 
ท่าทีนางปริกสงบลงมาก บ่นพึมๆ มันเป็นขนาดนั้นเทียวรือไอ้จ้อย สายตาอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด ไอ้จ้อยหย่อนตูดลงบนแคร่ ใกล้ๆ แต่ยังระแวดระวังหลังตีนอยู่ดังเดิม
 
 
ไอ้จ้อย : คนอย่างพวกเรานั้น มันสอนยากสอนเย็นนักแม่ปริก  ข้าเองพอจะมีความรู้มาบ้างว่า ไอ้เครื่องมือพวกนี้ ฝรั่ง เขาเรียก พาวเวอร์เร็ด แฮนด์ ทูลส์ (Powered Hand Tools) มันมีอันตรายอยู่หลายอย่างนัก
 
ว่าแล้ว ไอ้จ้อย ฉวยเอากระดานชนวนมาวาด นางปริก ละมือจากหมูโสร่ง ชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ มองลงไปที่รูปข้างล่างนั่น ท่าทางมิผิด เมื่อครั้งอยู่ด้วยกับนางจวง ที่หนีตามแขกขายผ้าไปเมื่อปีกลาย
 
อันตรายจากของพรรค์นี้ มีหลายแบบหนาแม่ปริก ไอ้จ้อยเริ่มสาธยาย
 
อันตรายแรก ก็ได้แก่ อันตรายรอบๆ โซนที่หนึ่ง ได้แก่ อันตรายที่เกิดจากการประกอบ ใบเข้าไปกับเครื่อง
 
  1. ใช้ใบผิดประเภท เอาไบตัดไปทำงานขัด เอาไปเจียร์ไปทำงานตัด แบบนี้แหละ ที่พวกข้า ทำกันอยู่เนืองๆเชียว
  2. ใช้สิ่งที่มันไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้กับเครื่องพวกนี้ ใส่เข้าไป อย่างพวกใบเลื่อยกลมๆนั่น ชอบใช้กันหนักหนาเชียว
  3. ใช้ใบไม่ถูกกับวัสดุที่จะตัดจะเจียร์ อย่างเอาใบที่ใช้งานกับเหล็ก ไปใช้กับไม้ ใช้กับปูน แบบนี้ ก็บ่อยเลยแม่ปริกเอ้ย
  4. ใช้ใบที่มันขนาดไม่เหมาะกับเครื่อง เล็กไปมั่ง ใหญ่ไปมั่ง
  5. ใช้ใบที่รับความเร็วรอบของเครื่องไม่ไหว แหะๆ จริงๆแล้ว พวกข้านั้น ไม่เคยจะได้แหกตาดูหรอกว่า ใบที่ใช้ มีความเร็วที่เรียกว่า Maximum Permissible Speed เท่าไหร่ แหม ก็ใครมันจะอ่านออกเล่านังปริกเอ้ย
นางปริก มองดูไอ้จ้อย ด้วยสายตาชื่นชม มินึกฝันว่า ผัวกูจะมีภูมิรู้มากมาย จากการได้เป็นกรรมกรในโรงงานของท่านหมื่นเรือง กับแม่หญิงจันทร์วาด
ใจหนึ่งก็ พรั่นพรึงนัก ว่าของพวกนี้มันช่างอันตรายเหลือเกิน
 
ไอ้จ้อย รู้ทัน เอ่ยปากว่า ข้ารู้นะว่าแม่หญิงปริก เป็นห่วงข้านัก ว่าแล้วมันก็ครวญเพลง ออ เจ้า เอย ... สองคนผัวเมียพากันจูงมือหายไปในกระท่อม พักหนึ่ง ก็มีเสียงโหยหวนของนางปริก ออกมา ว่า อออออออ อือ ออออออ อือ
 
จบดีกว่า อิอิ
 



วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2561

บ่าวร้อนเหลือเกินแล้วเจ้าค่ะ


วามร้อนในช่วงสองสามวันนี้สูงเกือบแตะ 40 องศาเซลเซียส คาดว่าในช่วงกลางเดือนเมษาน่าจะร้อนหนักกว่านี้  พวกที่ทำงานในห้องแอร์ เล่นไลน์ กดไลค์เฟสบุ๊ค นอนเกาตูด ดูแม่การะเกด งอนกะพ่อหมื่นเดช

หนุกหนานเฮอาก็คงไม่เดือนร้อนกับใคร แต่พวกที่ต้องตากแดดตัวดำเป็นเหนี่ยงอยู่กลางไซท์งาน หรือพวกที่ขับรถตักวัตถุดิบอยู่ในโกดัง พวกที่ต้องเข้าๆออกแถวๆเตาอบที่มีทั้งเตาเผาสาระพัดเตาก็คงจะหนักหนาสาหัสพอสมควร ฉบับนี้จึงจะเล่าให้ฟังว่าร้อนตายนั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ มันมีจริงและพวกเราต้องรู้สาเหตุและการป้องกันที่ถูกต้อง เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน


กลไกของร่างกาย


โดยธรรมชาติร่างการคนเราจะพยายามรักษาอุณหภูมิให้คงที่อยู่ในช่วง 37 C ไม่สูงไม่ต่ำไปกว่านี้ โดยอาศัยการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิต และการทำงานของต่อมเหงื่อที่มีอยู่ทั่วร่างกาย ถ้าเมื่อใดสภาพแวดล้อมที่ร้อนมากกว่าปกติ ร่างกายก็จะพยายามปรับสมดุลและกำจัดความร้อนส่วนเกินออกไป โดยต่อมเหงื่อจะขับเหงื่อออกมาที่ผิวหนัง


ว่ากันว่าในหนึ่งชั่วโมงร่างกายสามารถผลิตเหงื่อได้ถึงสองลิตร โดยที่ต้องใช้น้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญ เมื่อเหงื่อระเหยออกไปก็จะพาความร้อนออกไปจากร่างกาย โดยที่หัวใจจะสูบฉีดเลือดไปที่ผิวหนังมากขึ้น เพื่อไปถ่ายเทความร้อนออกที่ผิวหนัง ถ้าเหงื่อออกมากร่างกายจะเสียน้ำไปมากพร้อมๆกับการเสียเกลือแร่หากไม่ได้รับการชดเชยด้วยอัตราที่สมดุล นั่นจะนำมาสู่อาการขาดน้ำและเกลือแร่ทำให้กล้ามเนื้อเกร็ง เป็นตะคริว ที่แขน ขาและท้อง แบบนี้เขาเรียก ฮีตแคร๊มพ์ หากคุณมีอาการแบบนี้ต้องหยุดกิจกรรมที่ทำอยู่ทันที เข้าที่ร่มๆนั่งพักให้หายเป็นตะคริว ดื่มน้ำเกลือแร่มากๆ แต่หลีกเลี่ยงการกินเกลือเป็นเม็ดๆ คนที่เป็นโรคหัวใจและความดันควรต้องไปหาหมอเพื่อตรวจอาการ  ที่เล่ามานั้นเพียงแค่เบาะๆ เพราะหากร่างกายเสียเหงื่อไปมากๆและคนผู้นั้นยังคงเผชิญกับความร้อนต่อไปสิ่งที่จะตามมาก็คือหัวใจจะเต้นเร็วขึ้นเพื่อส่งเลือดไปที่ผิวหนัง เหงื่อออกมากจนเปียกโชกไปหมด ร่างกายจะอ่อนแรงมีอาการวิงเวียนหัว เพราะเลือดมัวแต่ไปที่ผิวหนังจึงไปที่สมองน้อยลง บางคนคลื่นใส้อาเจียร บางคนยืนไม่ติดเป็นลมหัวทิ่ม บ้านเราเรียกลมแดด ฝรั่งเรียก       ฮีตเอ๊กซอส พอหัวทิ่มเลือดก็ไหลไปที่สมองได้มากขึ้น ก็ฟื้นแล้วก็บ่นว่า ข่อยเป็นลม ซ่อยค่อยแน่. ..สังเกตุง่ายๆพวกนี้เหงื่อออกมาก หน้าซีดเหลือง พวกไทยมุงก็ควรจะถูกกันออกไป ปลดเสื้อผ้าให้สบายๆ ให้พักในร่ม ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นๆเช็ดตัวลดความร้อน ให้ดื่มน้ำเกลือแร่ สักพักก็ดีขึ้น ส่วนใหญ่ลมแดดมักไม่ถึงตาย แต่พวกที่ตายก็เพราะตกมาจากนั่งร้านบ้าง แบบนี้เขาตายเพราะหัวทิ่มมากกว่า
จะเห็นว่าร่างกายพยายามปรับอุณหภูมิโดยหัวใจ เส้นเลือด ต่อมเหงื่อ แต่ถ้าไปเจอที่ซึ่งร้อนจัดๆ ลมสงบอบอ้าว เหงื่อระเหยไม่ได้ ความร้อนถ่ายเทไม่ได้แบบนี้อันตรายมาก เพราะกลไกการควบคุมอุณหภูมิจะรวนถึงขั้นที่สมองหยุดทำงานเขาเรียก ฮีตสะโตรก พวกนี้ไม่เหลือเหงื่อจะเสียอีกแล้ว ผิวหนังจะแดงจัด แห้ง เหงื่อไม่ค่อยมี ปวดหัวกระสับกระส่ายชัก เข้าขั้นโคม่า ถ้าส่งโรงหมอไม่ทันมีหวังไปเฝ้ายมบาล วิธีช่วยเหลือก็คือ ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด เอาน้ำเย็นราด ลดอุณหภูมิในร่างกายก่อนที่สมองจะหยุดทำงานแล้วรีบส่งโรงพยาบาล


WATER ....REST....SHADE...

ร้อนแบบนี้ต้องปรับตัว

หน้าร้อนแบบนี้ พยายามใส่เสื้อผ้าสีอ่อนๆ ผ้าที่ระบายความร้อนได้ดี หลีกเลี่ยงเสื้อผ้ารัดรูปจนปลิ้นเหมือนข้าวต้มมัด หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดเปรี้ยงๆเป็นเวลานานๆ ที่สำคัญคือดื่มน้ำมากๆ ไม่ต้องรอให้รู้สึกกระหายน้ำ เพราะตอนที่คุณรู้สึกกระหายน้ำนั้นแสดงว่าร่างกายคุณอยู่ในสภาพดีไฮเดรทหรือขาดน้ำรุนแรงแล้ว ใครที่ข้องใจว่าร่างกายขาดน้ำหรือไม่ให้สังเกตุสีของฉี่ตัวเอง ถ้าสี่เหลืองเข้ม แสดงว่าคุณกำลังขาดน้ำอย่างมาก ถ้าสีออกเหลืองแบบน้ำชา แสดงว่าใช่เลย ดื่มน้ำน้อยไป ดังนั้นก็ควรดื่มน้ำบ่อยๆ น้ำผสมเกลือแร่จะช่วยป้องกันการขาดน้ำได้มาก  พักบ่อยๆทุก 15 นาทีกำลังดี ถ้านานกว่านั้นเขาเรียกว่าอู้ การใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำบิดหมาดๆคล้องคลอ จะช่วยระบายความร้อนได้ดี แต่ข้อเสียคือมันเหมือนกรรมกรไปหน่อย คนเลยไม่ชอบเพราะไม่เท่ห์

แบบเท่ห์ๆก็มี
สำหรับผู้ที่ต้องทำงานในที่ซึ่งเผชิญกับความร้อนจากการแผ่รังสี การสวมเสื้อกั๊กที่มีช่องใส่ถุง cool pack จะช่วยได้มาก เดี๋ยวนี้ cool pack มีขายตามร้านขายยาทั่วไป ถุงหนึ่งเมื่อแช่ในช่องแช่เย็นจะช่วยลดอุณหภูมิลงได้นานราวหนึ่งชั่วโมง
โรงไหนผู้จัดการใจดีจะซื้อ Cool Vest แจก ก็จะถือว่าเป็นมหากุศลในเทศกาลสงกรานต์ ถือว่าได้บุญแรงที่เดียว สาธุ

วันอาทิตย์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

จอมพรานรพินท์ไพรวัลย์ พระเอกของผมเลย


เมื่อไหร่จอมพรานจะจึ๊กกะดึ๋ยกะคุณดารินซะที

ผมติดนิยายเพชรพระอุมางอมแงม สมัยเด็กๆ หนังสือแบบครบชุดไม่มีให้ยืมในห้องสมุด มีบ้างเล่มสองเล่ม กระโดดไปตอนนั้นตอนนี้ ไม่ประติดประต่อ พระเอกของผมจะเป็นใครไปเสียไม่ได้ จอมพราน รพินท์ ไพรวัลย์

ผม รพินท์ ไพรวัลย์ ถือปืนหนังกะติ๊กคู่กาย ที่พ่อคุณ (ปู่) ทำให้ ออกท่อมๆ ตามป่าละเมาะ ในจินตนาการก็คือป่าโลกล้านปี แถวๆนั้น เรื่อยไปจากเขตบ้านผู้คน ก็จะเป็นดงไม้ ทอดแนวต่อกันไป ทุกครั้งที่ยกปืนหนังกะติ๊กขึ้นเล็ง ครานั้น ท่วงท่าของพระเอกจะฉายทาบลงมาที่เด็กแก่นกะโหลกอย่างผม เจ้าสัตว์ร้ายชะตาขาด ที่เห็นอยู่เบื้องหน้า ก็คงไม่พ้น นกอีแต๊ด ที่มักจะส่งเสียงร้อง ออกแนวไม่ค่อยสุภาพนัก อี๋ แตรดดดดดด อี๋ แตรดดดดดด แซร่ แซร่

กว่าจะโตเป็นหนุ่ม เข้ามาเรียนมหาวิทยาลัย รพินท์ น้อย ก็ได้ ฆ่านกอีแต๊ด นกกรอด นกกระจิบ นกกระจอก สาระพัดไปเสียหลายตัว จนบัดนี้ นั่งสมาธิคราใด ก็ต้องแผ่ส่วนบุญอุทิศและขอขมาพวกเขาเหล่านั้น ไปเสียทุกครั้ง ด้วยความสำนึกผิด

พรานรพินท์นี่ ได้รับว่าจ้างจากคุณชายเชษฐาและพรรคพวก ในนั้น ก็มี คุณหญิงดาริน ซึ่งในจินตนาการของผม ก็ว่า นายจ้างสาวของพรานใหญ่เนี่ย ต้องสวย หยิ่ง เอามากๆ  ในหนังสือทั้งนายจ้าง ลูกจ้างคู่นี้ เป็นคู่กัดกันไปตลอดเส้นทาง โดยระหว่างนั้น ก็จะมีแงซาย กับ แหม่ม อะไรซักอย่างมาเป็นตัวละครแทรก ให้มีงอนมีง้อกันไปเรื่อย

ผมก็มาอดคิดไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้ว่า ถ้าอาชีพแบบพรานใหญ่ และคณะลูกหาบของเขา อย่างตาบุญคำ เกิดโดนเสือดำ หมี งู อะไรคาบไปกินเนี่ย กองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะจ่ายไหม

และที่เป็นข่าวครึกโครมตอนนี้ มีคนดังไปถูกจับกุม กลางป่า ถูกกล่าวหาว่า เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และล่าสัตว์คุ้มครอง เอามาทำซุป แบบนี้ คนที่ร่วมทาง ไม่ว่าจะเป็นคนขับรถ แม่บ้าน พวกนี้ เขาจะผิดด้วยไหม แบบว่า ทำตามคำสั่งนายจ้าง

เออแล้ว ถ้าเขา ถูกเสือกัด ระหว่างล่า แบบนี้จะเป็นการบาดเจ็บจากการทำงานด้วยไหม

ส่วนพวกหน่วยพิทักษ์ป่านั้น แน่นอน กฎหมายความปลอดภัยไม่ครอบคลุม เพราะหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน และ พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย ไม่ครอบคลุม พวกนี้ ถ้าเจ็บตัว ป่วย อะไร ก็คงไม่สามารถนับว่าบาดเจ็บจากการทำงานหรอกกระมัง

ตอนนี้กำลังลุ้นว่า พรานระพินท์ กับคุณดาริน จะจึ๊กกะดึ๋ยกันซะทีไหม แหม บรรยากาศมัน ก็นะ

คุณ จอปอ แซลมอน

คนเรียกชื่อผิดๆถูกๆเป็นเรื่องธรรมดา

ผมน่ะชื่อ ษมน ภาษาอังกฤษก็สะกดแบบทื่อๆเลย Smon

คนที่มักเรียกผิดเรียกถูกคนแรก ก็ไอ้นี่เลย ไอ้ ไมโครซอร์ฟเวิร์ด มันชอบเติมตัว ไอให้อัตโนมัติ เวลาพิมพ์ หรือไม่งั้นมันก็จะขีดเส้นแดง ว่าเราพิมพ์ผิด มันจะผิดได้ไง ชื่อนี้กูตั้งเองกับมือ ส่วนมาก คนจะเรียกว่า คุณสมร น่าน ชื่อยังกะเจ๊เจ้าของตลาดเลยเชียว แต่ผับผ่าสิ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณบ่ายสองครึ่ง มีคนโทรเข้ามือถือ พอผมรับสาย ก็เป็นเสียงผู้หญิง

ฮัลโหล นั่นคุณแซลมอนไช่มั๊ย

ผมชะงักไปพักหนึ่ง ก่อนจะละล่ำละลักถามไปว่า เอ่อ คุณจะคุยกับใครรึ
เธอพูดซ้ำ กึ่งตวาดมาว่า จะพูดกับคุณแซลมอน
ผมชื่อษมนครับ
เออ แซลมอน ษมน เออๆ คุณแหละมั๊ง
มีอะไรหรือครับ
ถ้าคุณจะเอารถเฮี๊ยบ ที่มีใบอนุญาต เอาคนขับ คนยก ที่มีใบรับรอง ชั้นไม่มีหรอก ชั้นแค่รับขนส่งตู้คอนเทนเนอร์
จะบอกให้นะ สลิงชั้นนะไม่เคยขาด ยกมาตั้งหลายปีแระ มีแต่คุณนี่แหละ จะเอาขนาดนี้ ไปขนเอาเองละกัน
วางหู ตื๊ด ๆๆๆๆๆๆ



ปล่อยให้กูงงอยู่พักหนึ่ง ค่อยประติดประต่อได้ อ๋อ


ไอ้เฮี๊ยบคันนี้เอง

เรื่องมีอยู่ว่า ผมได้เห็นรูปที่ทีมงานส่งมาให้ดู ว่าเร็วๆนี้ จะมีคนเอาตู้คอนเทนเนอร์ที่ทำเป็นออฟฟิศเคลื่อนที่ เอามาลงที่โรงงานของเรา ผมเห็นรูป เห็นการผูกรัด การใช้สลิง แบบยกแตงโม เห็นแล้วขนหัวลุก เลยคอมเมนท์เจ้าภาพไปว่า นี่เป็นงานอันตรายนะ การยก
เบื้องต้น ต้องมีการป้องกันคือ

1 รถเฮี๊ยบต้องได้รับการตรวจรับรอง มีใบ ปจ.2

2.ส่วนคนขับ คนผูกโหลด คนให้สัญญาน คนควบคุมการยก ก็ต้องมีใบอนุญาต

3.ต้องทำตามขั้นตอนการขออนุญาตทำงานยก ซึ่งกำหนดให้ต้องทำแผนการยก

ขอแค่เนี่ย ไม่นึกว่า มึงจะเรียกกูแซลมอนเลยรึ ป่านนี้ผมยังงงอยู่เลย ว่า อีนี่ เป็นใคร ฮึ่ย เคืองมาก อ่ะ แซลมอน ก็แซลมอน เอามาทำชื่อรายการซะเลย คลิ๊กนี่เลย

วันศุกร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2561

รูปหายาก

ด่วน เปิดประมูลรูปหายาก

ใจหาย เมื่อรู้ว่าปีนี้ ปี 61 คนจนหมดประเทศ สภาพของความยากจนจะกลายเป็นเรื่องในความทรงจำ ลูกหลานในรุ่นต่อๆไปจะไม่สามารถเข้าใจได้ว่า คนจนคืออะไร ประเทศคนจนมันอยู่ตรงไหนอ่ะพ่อ

คอลเลคชั่นนี้ ท่านควรสะสมไว้


นี่เป็นรูปของคนจนแบบหนึ่งที่เคยปรากฏอยู่ก่อนปี 2560 และหมดไปในปี 2561 เดี๋ยวนี้ คนเก็บของเก่าไม่เหลือให้เห็นอีกแล้ว อาชีพนี้จะถูกจัดเป็นอาชีพสงวนอย่างหนึ่ง


คนเร่ร่อน ไม่มีให้เห็นอีกเลยหลังปี 2561

บ้านจัดสรร เพื่ออนุรักษ์ความหลัง กำลังจะเป็นที่ต้องการของบรรดาเศรษฐี ราคาขายพุ่งสูงเป็นประวิติการณ์


วันเสาร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2561

ใจสั่งมา

หากว่าเธอผ่านมาได้ ยีนนนน เพง นี้....คาดว่าเธอ ก็คงรู้ดี ว่าเป็นฉาน.....หมอบให่เธอ คนเดียว อาจจะเหี่ยวแต่สำคัญ เพราะฉานนนน นั้นอยากให้เธอได้ฟาง......



เพลงนี้ถ้าใครที่อายุยังไม่เลยห้าสิบ ผมว่าร้องได้กันทุกคน ดังพอๆกับเพลงชาติเลยทีเดียว เพลงของเสก โลโซดังมากสมัยที่คาราโอเกะในบ้านเรากำลังบูมสุดขีด ถ้าจำไม่ผิด นั่นประมาณปีสองปีก่อนวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง สมัยนั้นผมทำงานอยู่้แถวๆบ่อวิน ทุกๆวันศุกร์ เจ้านายจะพาพวกเราไปปลดปล่อย กินข้าว แล้วก็ตามด้วยการร้องเพลง

ปีถัดมา โรงงานแห่งนั้นก็ปิดลง ผมเป็นคนล็อตสุดท้ายที่เอาธงชาติลง ปิดรั้วโรงงาน แล้วก็ล่ำลากันกับคนงานที่ยังแวะเวียนมาถามไถ่ว่ามีงานที่ไหนบ้างที่เขาเปิดรับสมัคร


ปีใหม่ทุกๆปี ก็จะมีการเฉลิมฉลอง แถวบ้านนอกของผม ปีใหม่ คริสมาส อะไรแบบนี้ ไม่ค่อยจะมีอะไรมากมายนัก อย่างมากก็มีงานที่หน้าอำเภอ มีวงสตริงคอมโบ้ ส่วนใหญ่ก็วงบุญมาคอมโบ้ เล่นอยู่แป๊บเดียว พอเพลงม้าเหล็ก หรือ ไอรอนฮอร์สขึ้น วัยรุ่นมันก็จะตีกัน ปีใหม่แบบบ้านๆเลยไม่ค่อยมีอะไรมากมาย ผมเองกลับบ้านเกือบทุกปีสมัยที่ยังหนุ่มๆ ใจสั่งมา ไม่รู้เป็นไง อยู่ไกลแค่ไหน ก็อยากกลับไปนอนบ้าน ไปดมกลิ่นที่นอนเก่าๆที่เคยนอนสมัยเด็กๆ กลิ่นที่เคยเยี่ยวรดไว้ยังมีอยู่จางๆ

ปีใหม่ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ในเมืองกรุง เงียบสนิท ไม่มีเสียงประทัด ไม่มีพลุ ตะไล ไฟพะเนียง เพิ่งจะได้ยินเสียงพลุปุ้งป้าง มีเสียงปืนรัวยิงในแถวที่ผมอยู่บ้าง เปาะแปะ เปาะแปะ

ไม่นึกว่าจะมีข่าว หน่วยคอมมานโดบุกเข้าจับกุมพี่เสกของผม ไอ้เราก็ไม่ค่อยได้ดูทีวี เพราะเดี๋ยวนี้ ไม่ค่อยมีอะไรให้ดู เปิดไปก็เจอแต่ ไอ้... เลยเบื่อ ไม่ดงไม่ดูมันเลย มารู้อีกทีว่า พี่เสกโดนรวบข้อหายิงปืนขึ้นฟ้า

ปั่ดโธ่ พี่เสกนี่น๊า น่าจะอ่านบล๊อกผมมั่ง เรื่อง ไลน์ออฟไฟร์ไง อ่านยัง

พอนักร้องขวัญใจโดนจับ ผมก็ตามอ่านข่าว ล่าสุดเห็นว่าได้ประกัน ไอ้เราก็โล่งอก ที่ไหนได้ กระสุนพี่เสก ตกใส่กะบาลคนหลายคนที่ดันไปนั่งกินข้าวกะแก มีอันเป็นไปกันเป็นแถว

กระสุนเสกนี่มันขลังดีนะ

เออๆ วันหลังจะเซลฟ่งเซลฟี่ ก็หาหมวก หาแว่นเซฟตี้มาใส่กันๆไว้มั่ง



"สรุปแล้วปีนี้ กูจะได้เลือกตั้งมั๊ยเนี่ย".... เสียงคนข้างบ้านตะโกนถามไอ้คนที่จ้ออยู่หน้าจอ ...
"อ่ะ แล้วนาฬิกา กะแหวน มึงหายไปไหน ไอ้แก่ ".... อีกเสียงหนึ่ง แหวแซกเข้ามา ดังจนทิปานิคเมมเบรนของผมแทบขาด
" ให้ไอ้ป้อมมันยืมไปใส่ แหม แม่ก้อ ใจเย็นๆ รักน๊า จุ๊บๆ "
ผัวเมียข้างบ้านนี่ ตีกันได้ทุกวัน ส่วนใหญ่ จะเป็นช่วงวันศุกร์เย็นๆ
ช่วงคืนความสุข

เหอๆๆ ไปดูยูตู๊ปต่อ พี่เสกคุยกะใครวะ " ผมมีปืนนะพี่ ใครเข้ามากูยิง "

ลุ้นๆ ว่าใครจะเป็นคนแรกที่เข้าไปใน ไลน์ออฟไฟร์








ติดคุกเพราะชำนาญการ

 พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 มีข้อกำหนดมากมายหลายมาตรา รับกันมาเป็นทอดๆ ไล่ไปตั้งแต่มาตรา 4 ที่เ...