วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

Distraction

 

Muffin



ภาพยนต์โฆษณาดีๆ ที่ดูแล้วยิ่งทำให้ต้องมาย้ำเตือนกันถึงเรื่องการใช้โทรศัพท์ ไม่ว่าจะเป็นการโทรเพื่อพูดคุย การแช็ทไลน์ ส่องเฟสบุ๊ค ดูติ๊กต่อก ล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดการเสียสมาธิ ในสามลักษณะ 

ทางกายภาพ ต้องเอื้อม ต้องเอี้ยวไปหยิบโทรศัพท์ บางทีก็ละมือจากพวงมาลัย ขับมือเดียว 

ต้องละสายตา เพื่อกดหมายเลข ยิ่งแช็ทไลน์ ยิ่งหนักเลย

ต้องคุย ซึ่งเป็นการเสียสมาธิแบบ Cognitive Distraction เคยสังเกตุตัวเองบ้างไหม เวลาคุยสาย ต้องออกท่าออกทาง เดินไปเดินมา เพราะสมาธิมันไปจดจ่อที่การสนทนา

ทั้งหมดนั่น ก็ใช้เวลาไปราวๆ 3 วินาที บางคนนานกว่านั้น 

แล้วมันเกิดอะไรขึ้น 


เอาล่ะ ผมรู้ว่ามันเยอะไป มันน่าเบื่อ เอาแบบไม่ต้องอธิบายยาวๆ คนไทยไม่ชอบของยาว ชอบอะไรสั้นๆ เร้าใจได้อารมย์ เอาเป็นว่า การที่คุณจะขยับตีนมาเหยียบเบรก ซึ่งตา สมองและตีน มันใช้เวลา ขึ้นอยู่กับว่าความเร็วเท่าไหร่ ในคลิป อีตาพ่อกำลังรีบ เพราะอีเมียก็ส่งแช็ทไม่หยุด มัฟฟินมันหนีไปติดสาว ตาพ่อก็เหยียบไปราวๆ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งนั่นก็แปลว่า รถแกจะพุ่งไปข้างหน้า = 60*0.277= 16.62 เมตรต่อวินาที แล้วแกมัวแต่แช็ทกับเมียไป 3 วินาที รถคันนั้นไม่มีคนเหยียบเบรกไป 3 วินาทีเพราะเสียสมาธิ รถจะพุ่งไป = 16.62 * 3 = 49.86 ผีน้องจัสตินเล่นบอลอยู่ในระยะไม่ถึง 20 เมตร ชนมั้ยล่ะ 

นี่ขนาดยังไม่รวมระยะเบรก ซึ่งก็คือระยะที่เมื่อรถเบรกสนั่น มันไถลต่อไปอีกก่อนจะหยุด น้องจัสตินก็ไปทางลูกบอลไปทาง

เรื่องนี้ผมเคยเขียนไว้ในเรื่อง ระยะไม่รู้จักคิด 

สังคมบ้านเรา ไม่ชอบอะไรหนักๆ ไม่ชอบกฏและการกดขี่ แต่บางคนชอบขี่ไปกดไป อันนี้ไม่ว่ากัน ไปที่ชอบที่ชอบ 


วันพุธที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

สุดแสนจะอัพเซ็ท




ตอนที่ได้ดูการแสดงโชว์จระเข้ ฉากหนึ่งที่เร้าใจมากๆ ก็คงจะอีตอนที่นักแสดง ค่อยๆ เอามือล้วงเข้าไปหยิบแบ้งค์ในปากจระเข้ และยิ่งเสียวมากๆก็อีตอนที่เขาค่อยๆเอาหัวมุดเข้าไปในปากจระเข้แล้วยิ้ม โบกมือให้ท่านผู้ชม

ความเสียวที่ว่า มันบังเกิดขึ้นก็เพราะว่า ไอ้เข้ที่นอนอ้าปากอยู่นั่นมันไม่ใช่ของปลอม ก่อนหน้านั้นมันก็งับไม้ที่นักแสดงใช้เคาะมันจนหักสะบั้นต่อหน้าต่อตา แล้วมันก็ไม่ใช่ไอ้เข้ฟันหลอ มันมีฟันเต็มปาก แค่เพียงว่าไอ้เข้ตัวนี้ เกิดนึกอยากจะหุบปากเพื่อดูดขี้ฟันที่ติดอยู่ ในจังหวะที่มือ หรือหัวของนักแสดงอยู่ในนั้น ผู้ชมนับร้อยก็คงได้เห็นภาพอันน่าสะเทือนขวัญ

แล้วมันเกี่ยวกับหัวข้อที่ตั้งไว้ยังไง มันเกี่ยวสิ ถึงไม่เกี่ยว ก็จะพูดให้เกี่ยวให้จงได้

อัพเซ็ทคอนดิชั่น (Upset Conditions) เติม เอสไปตัวนึง จะได้ หมายความว่า สภาวะใดๆก็ตามที่ผิดปกติ ในแง่ของการบริหารความปลอดภัย เวลามีสภาวะแบบนี้ ถ้าเป็นโรงงานเคมี ก็ยกตัวอย่างเช่น การเกิดอุณหภูมิ ความดัน ในถัง หรือรีแอคเตอร์ผิดปกติ หรือเกิดการล้น การระบายแรงดัน แก็สรั่ว ไฟไหม้ ระเบิดเถิดเทิง แบบนี้แหละ

ถ้าเป็นโรงงานอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่นโรงงานที่ใช้เครื่องโม่ เครื่องปั่น อัพเซ็ทคอนดิชั่นก็อาจจะยกตัวอย่างเช่น การที่มีเศษแร่ เศษวัสดุไปติดค้าง แล้วทำให้เครื่องทำงานขัดข้อง มีสิ่งของไปค้างในสายพานลำเลียง เป็นต้น

ไม่ว่าจะเป็นโรงงานอะไรแบบไหน เมื่อเกิดขึ้นแล้ว มันอัพเซ็ทไปหมด หัวหน้างาน ก็อัพเซ็ท ผู้จัดการก็อัพเซ็ท ผู้อำนวยการ เรื่อยไป จนถึง เมียผู้จัดการ เมียน้อยผู้จัดการ ทุกคนอัพเซ็ทไปหมด ไม่ว่าจะอยู่ใกล้ หรืออยู่ไกลเป็นหมื่นๆไมล์ พอรู้ว่าเครื่องหยุด มันอัพเซ็ทกันไปหมด และด้วยเหตุนี้แหละ สภาพจริงๆเวลาเกิดอัพเซ็ทคอนดิชั่นขึ้น ก็จะเห็นพวกกุลี กรรมกร โฟร์แมน หรือแม้แต่หัวหน้ากะ ต่างกระโจน ป่ายปีน พุ่งเข้าใส่ หมายจะแก้ไขสถานการณ์ อย่างไม่คิดชีวิต ย้ำนะ ว่า อย่างไม่คิดชีวิต ต่อให้เครื่องหมุนอยู่ มันก็จะเอานิ้ว เอามือ เอาสาระพัดอวัยวะแหย่เข้าไปเพื่อเขี่ยเศษที่ติดอยู่นั่นออก ถ้าสารเคมีรั่วอยู่ มันก็จะคว้าอะไรก็ได้ใกล้มือ ถ้าไม่มี หากจะต้องถอดกุงเกงใน เอาไปยัดไว้เพื่อหยุดการรั่วไหลมันก็เอา สภาพแบบนี้แหละ มันไม่ได้ต่างอะไรจาก นักแสดงโชว์จระเข่้ที่พูดถึงมาแต่ต้น ว่า ทำไปเพื่ออะไร ??? บางคนนิ้วขาด มือขาด หรือถูกเครื่องลากเข้าไปบดจนละเอียด บางคนถูกไฟคลอก ระเบิดแหลกเป็นเศษเนื่้อ ถามจริงๆ เพื่ออะไร ??

นั่นคือเรื่องจริงๆ โรงงานในเอเชีย เวลามันถูกออกแบบมา ระบบป้องกันมันก็ไม่ค่อยจะมี ไอ้ที่มีก็เปิดออกง่ายแสนง่าย มุดง่าย ปีนง่าย เมื่อเอามารวมกับกรรมกรที่แสนดี พร้อมพลีชีพเพื่อองค์กร จึงเห็นข่าวสยองแบบนั้นตลอดมา



ในประเทศที่เขาเจริญแล้ว ประชาชนเขาไม่อัพเซ็ทง่ายๆ คือต่อให้เครื่องติดขัด เขาก็ไม่มีทางจะกระโจนเข้าใส่ เอาชีวิตเข้าแลกแบบคนเอเชีย และต่อให้จะพยายามเป็นฮีโร่ แค่เอามือ เอาอวัวะโผล่เข้าไป ระบบก็จะตัดพลังงานอันตรายออกหมด ไม่เจ็บ ไม่เละกันง่ายๆ นอกเสียจากว่า ไปเจอพวกนักลงทุนที่มาจากประเทศนอก ที่รู้จักเอเชียดี มันไม่เอาระบบที่สมบูรณ์มา เพราะมันแพง สู้เอาตังค์มาจ้างฝ่ายกฎหมาย จ้างผู้จัดการที่ด่าเก่งๆ โหดๆดีกว่า เวลาเกิดเหตุ ไอ้พวกนี้จะคอยปกป้อง โยนความผิดให้คนที่เจ็บที่ตาย เพราะกลัวนายอัพเซ็ทว่า มันไม่ทำตามโปรซีดเยอร์

ไงล่ะมึง ถามเหมื่อที่เคยถาม เวลามึงเอาชีวิตเข้าแลก เพื่อแก้ไขสภาพที่เครื่องจักรที่ออกแบบห่วยแตกมาแต่แรก เพื่อให้มันเดินได้ แล้วมึงเจ็บ มึงตาย เขาดูแลลูกเมียมึงมั๊ยล่ะ อ๋อเรอะ ยังไม่มีเมีย ไอ้ควายยยย

สอนยากสอนเย็น โคตรอัพเซ็ทเลยว่ะ เอ้า... แหย่ๆมันเข้าไป เอ้า หู้ย เล่ หู้ย อ๊ากกกกกก  

ไม่ต้องห่วง ตรุษจีนปีหน้า กูจะเผาระบบอินเตอร์ล็อกไปให้ เอิ้กๆๆๆๆ




คนงานตกรูเสาเข็ม

 


รูเสาเข็ม มันเป็นที่อับอากาศ ที่มีสภาพอันตรายที่ลูกจ้างอาจจะตกลงไปติดค้าง (Entrapment Hazards) ถูกดิน หรือน้ำทับถม ซ้ำยังมีสภาพบรรยากาศอันตราย (Hazardous Atmosphere) ที่ระดับออกซิเจนไม่พอ 

หมวด 2 มาตรการความปลอดภัย ข้อ 10  ให้นำยจ้ำงจัดให้มีสิ่งปิดกั้นที่สำมำรถป้องกันมิให้บุคคลใดเข้ำหรือตกลงไปในที่อับอำกำศ ที่มีลักษณะเป็นช่อง โพรง หลุม ถังเปิด หรือสิ่งอื่นที่มีลักษณะคล้ำยกัน

กฏกระทรวง กำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับที่อับอากาศ พ.ศ. ๒๕๖๒

ชัดเจน ว่านายจ้างไม่ได้ดำเนินการตามที่กฏกระทรวงกำหนด  ถือว่านายจ้างรายนี้ละเมิดมาตรา 8 ของ พรบ.ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ซึ่งระบุบทลงโทษไว้ตามมาตรา 53 มีโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 400,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ 

มิหนำซ้ำ หากพบว่านายจ้าง ไม่ดำเนินการตามมาตรา 14 ของ พรบ. ฉบับเดียวกัน ก็มีโทษปรับอีก 50,000 บาท 

และหากปรากฏว่าวานนี้นายจ้างไม่ได้ดำเนินการตามมาตรา 32 นายจ้างผ้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๓ มาตรา ๑๖ หรือมาตรา ๓๒ ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ส่วนบรรดาผู้จัดการโครการ หัวหน้าหัวนายทั้งหลายหากพบว่าละเลยไม่ดำเนินการ ก็มีสิทธิ์โดนโทษเท่าๆกับนายจ้าง ตามมาตรา 69 

งานนี้ ถ้า กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานขยัน ก็จะพบข้อบกพร่องอีกหลายข้อตาม  กฎกระทรวง ๒ มีนาคม ๒๕๖๔ กำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการ ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับงานก่อสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๔ อีกหลายมาตราเลยทีเดียว ทำไปทำมาก็จะผิดมาตรา 8 ตาม พรบ.ปี 2554 เข้าอีก ก็จะโดนอีกกระทง เป็นจำคุก 2 ปี ปรับ 800,000 เข้าไปแล้วนั่น 

หน้าที่ดำเนินการเอาผิดกับนายจ้าง เป็นของ พนักงานตรวจความปลอดภัย ที่ต้องสอบสวน ถ้าเขาไม่ตรวจไม่สอบ หงุมหงิมงุบงิบ หรือทำท่าขึงขังดึ๋งดั๋งสองสามวัน พอข่าวเงียบ เรื่องก็จบ หรือไม่ก็เลี่ยงไปปรับพอเป็นพิธิ ด้วยมาตรากระจอกๆ อย่าง มาตรา 13 มาตรา 16 พวกนี้ 

งานนี้ คงมะงุมมะงาหรากันตั้งแต่มาตรา 4 แบบปัดกันไปโยนกันมาว่าลูกจ้างชะตาขาดคนนี้เป็นของใคร เผลอๆ เขาก็ตายเปล่า ตามกฏหมายคุ้มครองแรงงาน กฏหมายกองทุนเงินทดแทนและอื่นๆ จับอะไรดมไม่ได้ 

เศร้าใจ เสียใจ สลดใจ กับมาตรฐานความปลอดภัยในบ้านเรา คุณว่ามั้ย (ที่ยกมาตรานั้นมาตรานี้มา ผมรับประกันได้พวกคุณไม่เข้าใจหรอก  ยังดีใจอยู่บ้างที่เราได้ผู้ว่า กทม.ดี ท่านไม่ละเลย 

ส่วนกระทรวงแรงงาน ผมว่าท่านหงุมหงิมมาตลอดตั้งแต่ เหตุซ้ำๆบนพระรามสอง มาถึงตึกถล่มของ สตง.ท่านสงวนท่าทีเกินไปทั้งๆที่เป็นพระเอกได้ แต่ไม่ทำ 


วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

วัดเส้าหลิน ถึงวัดไร่ขิง

 

แฟนพันธุ์แท้วัดไร่ขิงคงบ่นกันระงม

ใครที่ตามข่าวทิดแย้มกับโยมสาวหมวย สวยอึ๋ม (คำนี้ผมเอามาจากคำสัมภาษณ์ของอดีตศิษย์วัดท่านหนึ่ง) คงอิดหนาระอาใจ นึกไม่ถึงว่า สมภารที่ธาตุไฟแตก จะกลายจากจอมยุทธุ์ผู้เข้มขลัง มีพลังภายในชนิดที่แค่ปล่อยลมออกมาจากนิ้ว ใบไม้ย่อมสั่นไหวปลิดปลิว ไม่ถึงกับต้องระบายลมปรานออกมาดังป๊าด เหล่ามารร้ายก็ด่าวดิ้น 

แต่ด้วยเหตุอันใดที่ยังไม่ทราบได้ ทำให้กลายเป็นมาร บิดเบือนคำสอน เรื่องอนัตตา การเกิดขึ้นตั้งอยู่และแตกดับ กลายเป็น เปิดขึ้น ตั้งโด่ และดับไฟ จากครั้งแรก เป็นครั้งที่สองสามสี่ ถี่ขึ้นเรื่อยๆ จากไม่กี่สิบล้าน กลายเป็น เจ็ดแปดร้อยล้าน 

ถ้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นที่วัดเส้าหลิน ผู้นั้นคงถูกเอาไปขังในแชมเบอร์ที่สามสิบแปด ให้นั่งกำหนดสมาธิควบคุมความพลุ่งพล่าน ท่ามกลางเครื่องกลที่กระทุ้งเข้าใส่ทั้งข้างบน ข้างล่าง ข้างหน้า ข้างหลัง หากวิทยายุทธ์ที่เคยมีมันหยดแย้มไปเสียสิ้นเนื่องจากกิเลสทั้งปวง เมื่อนั้นทิดแย้มคงไม่สามารถจะออกจากช่องที่สามสิบแปดมาได้ 

แต่ถ้าบาปเคราะห์หนนี้ เป็นเพียงแค่ถูกนางมารสบู่นกแก้วปล่อยพิษผ่านไลน์โดยที่พี่ทิดมัวแต่ตะลึงงันกับเสียงน้ำไหลรินๆ และนางมารสาวทำเสียงกระเส่า แย้มขา แย้มขา พี่ทิดคงไม่พ้นต้องพิษเข้าเส้นเลือด 

การสอบเค้นทรมานจากสำนักเส้าหลิน คงเป็นเพียงแค่การซักฟอกเอาคราบฉาวออกไป ไม่นานพลังยุทธ์ก็จะคืนมา ไอ้ที่เคยตั้งโด่แล้วดับไฟก็จะกลับมาเข้าร่องเข้ารอย 

อมิตาพุด อายีด่าฝัก อายีด่าฝัก 

วันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

เรื่องลับของพี่ทิด



ข่าวตึกถล่มหายสนิทเมื่อข่าวพี่ทิดติดหน้าหนึ่งทุกสำนัก 

ผมเกิดและโตที่บ้านนอก ละแวกบ้านมีทิดอยู่หลายคน ที่เคารพนับถือกัน ทิดบัด ทิดนอ ทิดทม ทิดมาย คนหลังนี่ เป็นพ่อผมเอง 

สมัยก่อน คนที่บวชเรียนแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใช่บวชแค่ห้าวันเจ็ดวัน แต่เขาอยู่กันเป็นพรรษา บางคนก็หลายพรรษา พอสึกออกมา เขาก็เรียกว่า ทิด เป็นคำนำหน้าที่บ่งบอกถึงความชื่นชมและนับถือในภูมิ 

เดี๋ยวนี้ ทิด เป็นคำเรียก ในทำนองว่าคนเคยบวช แต่ถูกสึกด้วยเรื่องบัดสีบัดเถลิง มั่วสีกา ปั่นบาคารา เสพยา อัดถั่วดำเด็กวัด สาระพัดแต่เรื่องฉาวโฉ่ คำว่าทิดเลยออกไปในแนวเสียดสีซะมากกว่า 

ผมเองก็เคยบวชแว่บๆ บวชแค่ไม่กี่วัน เพราะต้องกลับไปเรียน ถ้าพ่อแม่จะเกาะผ้าเหลือง ก็คงไม่ถึงป้าย ต้องต่อรถเมล์ ลงรถไฟฟ้า อีกสองต่อแหละ พอสึกออกมา พวกลุงป้าน้าอาที่บ้านนอกเขาก็ยังเรียกยังทักว่า ไอ้ทิด 

เป็นพระนี่มันไม่ง่าย สบงใหม่นี่มันแข็ง เวลานุ่ง เดินบิณฑบาตร ถูไปมากับพ่อนาคน้อย มันเจ็บเอาเรื่องเลย รองเท้าก็ไม่ได้ใส่ เวลาเดินบนถนนกรวด ดินลูกรัง บางทีเจอหนามโคกกระสุน แถบเหยาะแถบย้อยเลยโยม 

บวชใหม่ๆ ข้าวเย็นไม่ได้กิน เดินบิณฑบาตรท้องร้องจ๊ากๆ หลายกิโลกว่าจะกลับถึงวัด ยังจำได้ว่าหลวงพ่อบก กับหลวงพี่บัติ สองคนนี่เขาเขม่นกันมาตลอด พอกลับถึงวัด หลวงพ่อบกถึงก่อนก็ลงมือฉัน หลวงพี่บัติมาทีหลังฉันไปได้ไม่กี่คำ หลวงพ่อบกก็ขึ้น ยะถาวารีวะหา เท่านั้นแหละพราะที่กำลังฉันต้องทิ้งช้อน หยุดกิน ทั้งสองพระถลกเขมรปรี่ใส่กัน วงแตกสิครับ กิเลสล้วนๆ

บวชใหม่ๆ ยังฟุ้งซ่าน กลัวผี ตื่นตีห้า ลงไปกรวดน้ำใต้ต้นไม้ มีเสียงพรึบบนหัว แทบทิ้งที่กรวดน้ำเลย คิดว่าผีหลอก ที่ไหนได้ ไก่มันกำลังจะลงไปหากิน 

เป็นพระนี่ ถ้ายังไม่บรรลุ ผมว่า มันหลุดง่ายๆเลย ยิ่งสีกามาอาบน้ำโชว์ ทิดแย้มก็ทิดแย้มเหอะ โยมเอ๊ย ยุบหนอ พองหนอ พักเดียวมันพองแล้วไม่ยอมยุบง่ายๆ ผมว่าทิดแกไม่ได้ปั่นบาคาร่าอย่างเดียว คงเผลอปั่นอย่างอื่นด้วยแหละ  โลภ โกรธ หลง ตัวท้ายนี่ ถ้าคุมไม่อยู่ หลวงพ่อ หลวงน้า หลวงอา หลวงพี่ กลายเป็นทิดโดยไม่ได้ตั้งใจง่ายๆเลยเชียว 




วันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

เสื่อมซ้ำซาก

 โบราณว่า สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง  กับ รำไม่ดี โทษปี่ โทษกลอง 

 เครดิต การ์ตูนสวยๆจาก คลิกที่นี่

สองแบบนั่น ถ้าเป็นเรื่องเซฟตี้ จะเข้าทำนอง Non-Conformance จะซีเรียสหรือเล็กน้อยหยุมหยิม สะสมไปเรื่อยๆ ความฉิบหายก็จะมาเยือน อย่างสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับประเทศไทยในตอนนี้ งามหน้าไหมละ

ต้นเหตุตึก สตง.ถล่มก็คงต้องรอผลการสอบและอิทธิฤทธิ์ของแรงเสือก แปลว่าอะไร อ้าว ก็โดยส่วนใหญ่ พวกที่จัดว่าเป็น Principal Witnesses เติมเอสเพราะมีหลายคน พวกนี้มีส่วนได้ส่วนเสีย ได้เท่าไหร่ เสียเท่าไหร่ ไม่รู้ ใครจะบอกตรงๆ พวกนี้ก็ต้องรำไปด้วย หันไปโทษปี่ โทษกลอง โทษฮวงจุ้ย โทษกรรมกร โทษสาระพัดไปเรื่อย บางคนก็มีอิทธิฤทธิ์สามารถสอดเสือกแก้ไขข้อเท็จให้เป็นข้อจริง แก้ข้อจริงให้เป็นข้อเท็จ บางคนก็เส้นใหญ่กว่าเหล็กข้ออ้อยซะอีก ไอ้ที่มั่วๆกันมาจะเล็กจะน้อย ก็จะค่อยๆโผล่ เรื่องเซฟตี้นี่มันลึกลับซับซ้อน ทั้งปี 365 จะเห็นคนใหญ่คนโตพูดถึงเซฟตี้ก็มีแค่สองวัน คือวันที่มีอุบัติเหตุ กับวันสิ้นเดือนเพราะต้องเอาตัวเลขส่งไปรายงานคนที่ใหญ่กว่า นอกนั้น ไม่มี จะมีซักคนมั้ยที่จะพูดว่า เออนี่นะ เราประสบความสำเร็จ แก้ไขเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ปลอดภัยขึ้น ไม่มี

จะซื้อของอะไรที่เกี่ยวกับเซฟตี้ ก็ต้องเอาถูกๆไว้ก่อน เอาแค่ให้ได้ตามกฏหมาย อย่างอบรมความปลอดภัย ถ้าจะต้องจ้างบริษัทอบรม ก็เอาแบบถูกๆไว้ก่อน ถ้าได้เซอร์โดยไม่ต้องเข้าอบรมเลยยิ่งเจ๋ง แบบนี้มีเยอะ

ความบกพร่องเล็กๆ อย่างเช่น พาลเล็ทที่ไม้แตกหัก แอ่นระแน ตะปูหลุดๆลุ่ย ถุงบิ๊กแบ๊ก หูขาด ซอฟท์สลิงเปื่อยๆ ตู้ไฟที่ไม่มีเลเบล โอยอะไรสาระพัดร้อยแปด พวกนี้มันคือความเสื่อมโทรม ไม่ใช่แค่สิ่งของ มันเสื่อมไปถึงใจผู้บนริหารเลยเทียว พอเซฟตี้บอกก็หงุดหงิด แหวขึ้นมา อะไร เราอยู่กันมาสามสิบปีไม่เห็นมีปัญหา พอษมนเข้ามาเจอแต่เรื่อง อ้าว อีหอกนี่ 

มีอีดอกคนหนึ่ง ตบโต๊ะใส่ผม ระหว่างที่กำลังประชุม เพราะผมเข้ามาได้ไม่กี่วัน มีเหตุเย็บไปสองราย รายแรกแปดเข็ม รายที่สอง 18 เข็ม ห่างกันแค่วันเดียว พยาบาลก็พยายามจะขอรายงานว่าเป็นเคสแค่ปฐมพยาบาล อ้างว่าเธอนี่แหละเย็บ ไม่ใช่หมอเป็นคนเย็บ ตลกดี พอเอามารายงานข้างบนตอนประชุมผู้บริหาร อีดอกตบโต๊ะใส่ หาว่าทำตัวเป็นครูบาอาจารย์ เราไม่เคยมีอุบัติเหตุเลย ต๊ายยยยยอีดอกกกก

เซฟตี้มันเหมือนการสร้างปราสาท ถ้าฐานมันผุ มันก็ถล่ม เพราะฉะนั้น ก่อนจะแหล กลบเกลื่อนว่าไม่เคยมี NC มาก่อน ก็ดูคดี สตง.ไว้เป็นตัวอย่าง จะแดกก็อย่ามูมมาม เข้าใจมั้ย 

คราวหน้าจะหาต้นตอคำว่าอีดอกมาเล่าให้ฟัง 

มีอะไรก็คอมเมนท์กันมั่ง อย่าอ่านอย่างเดียว ขอร้อง