วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

KAPOK กู้ชีวิต

KAPOK บางคนออกเสียงว่า กะโปก

บ้างก็ออกเสียงว่า กาป๊อก บ้างคนก็ออกเสียงว่า กาปอก แล้วแต่สะดวก ถ้าผมจำไม่ผิด มันเป็นไม้ประเภทนุ่น งิ้ว ที่มีฝักเป็นใยเหมือนสำลี เนื้อไม้พวกนี้จะเบาและลอยน้ำได้

PFDs

อุปกรณ์ช่วยชีวิตจากการจมน้ำ ในภาษาเซฟตี้ เราเรียกว่า Personal Floatation Device- PFDs หรืออุปกรณ์ช่วยลอยตัว บางคนร้องอ๋อ แหม อุปกรณ์ชนิดนี้ผมใช้ประจำ ผมจึงสามารถลอยตัวได้ทุกสถานการณ์


ข่าวเรือล่มจมทะเลที่ภูเก็ต จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ผู้คนต่างวิพากย์วิจารณ์ ตั้งข้อสังเกตุไปหลายๆทัศนะ บ้างก็ว่า นักท่องเที่ยวทำตัวเอง เพราะเป็นพวกทัวร์ศูนย์เหรียญ แหม ฟังท่านให้สัมภาษณ์แล้วเลยไม่มีข้อสงสัยอื่นใดอีกเลย ท่านนี่ช่างเป็นวัสดุจำพวกกะโปกจริงๆ (วัสดุเบาลอยตัวได้ดี)

ในแง่มุมของพวกเซฟตี้ พวกกระผมไม่ค่อยจะอยากไปวอแว กับพวกหัวกะโปก พวกนี้มากนัก (หัวที่เต็มไปด้วยปุยนุ่น) ตอบไปเรื่อยเปื่อย ไม่คิดหน้าคิดหลัง วันก่อนก็มีท่านผู้ใหญ่คนหนึ่ง ไปเที่ยวไล่ถามหาใบอนุญาตแถวถ้ำหลวง คนแถวนั้นเขาแทบจะเอา ตีนดันท่านออกมา เพราะเกรงว่า น้ำดินน้ำโคลนจะกระเซ็นไปโดนเครื่องแบบเต็มยศของท่านเข้า ครั้นจะเอามือดัน มือก็เปรอะโคลน ต้องตีนนี่แหละ มันเป็นเหตุฉุกเฉิน ท่านคงไม่ว่ากระไร

กลับมาที่เรื่องอุปกรณ์ช่วยชีวิตจากการจมน้ำ  Personal Floatation Devices เติม เอสเข้าไปตัวหนึ่ง เพราะมันมีหลายแบบ แต่ไม่ว่ามันจะเป็นแบบไหนๆ มันก็มีอยู่สองจำพวก คือแบบที่ต้องเป่าลมเข้าไปให้พอง ก่อนใช้งาน-Inflatable PFDs กับอีกจำพวกคือไม่ต้องเป่า แต่ข้างในมันมีวัสดุอย่างกะโปก หรือโฟมยัดไว้ให้เป็นทุ่นลอยน้ำได้- Inherently Buoyant PFDs


เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องสลับซับซ้อน ถึงขนาดต้องอาศัยปัญญาระดับ เจ้าพ่อรถไฟฟ้าเทสล่า แม่ผมก็ทำเป็น
สมัยเด็กๆ ตอนที่เขื่อนกระเสียว (ตอนนั้นผมยังเล็กๆ พูดไม่ชัด ชอบเรียกว่าเขื่อนกระเจี๋ยว)  ยังก่อสร้างไม่เสร็จ วันดีคืนดี ปล่อยน้ำออกมา น้ำนองสิครับ เด็กๆอย่างผมสุดแสนจะชอบใจ เพราะจะได้ไปเล่นน้ำคลอง อุปกรณ์ PFDs ของแม่ผม ที่ใช้วัสดุแบบลอยน้ำได้ ก็คือ แต่น แตน แต๊น มะพร้าวแก่ๆ สองลูก ผูกไว้ด้วยกัน มีเชือกรั้งตรงหน้าอก
ส่วนของแม่ผมก็นู่นเลย ตีโป่ง ผ้าถุงเวลามันเปียกมันสามารถกักเก็กอากาศได้ โดยหลักทางวิศวกรรม ทั้งสองอย่างมันน่าจะสามารถสร้างแรงลอยตัว ได้ราวๆ 7-12 ปอนด์ ก็ประมาณ 16-29 กิโลกรัม

นั่นมันแค่น้ำคลอง เต็มตาหลิ่ง ราวทั้งหลาย ชาย หยิงงงง ขืนใส่ไอ้นี่ไปทะเลภูเก็ต ออกเรือไปกลางอ่าว ยามพายุคลั่ง ฟ้าคะนอง พายุโหมคลื่นสูง ยามที่รัฐมนตรี อธิบดี และผู้หลักบักใหญ่กำลังสาละวนกับการช่วยหมูป่าออกจากถ้ำหลวง ยามนั้น ลูกมะพร้าวกับอีโป่งแม่ผมคงอับปางเป็นแน่แท้

ประเทศที่เขาเข้มงวดเรื่อเซฟตี้ (จริงๆนะ) เขามีมาตรฐานของ PFDs อย่างของสหรัฐ ก็จะยึดตามมาตรฐานของ USCG -United State Coast Guard เป็นสรณะ ถ้าเป็นที่กะลาแลนด์ ก็ไม่รู้สินะ
จะไปยึดเอาของกรมเจ้าที่ เขาก็คงอิหลักอิเหรื่อ เพราะพวกนี้เวลาไปตรวจ ก็จะเน้น เอาใบอนุญาตมาดู เอามา ๆๆๆ พอเจอใบอนุญาตที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายเข้าไป พวกนี้ก็พูดไม่ออก มันเกรงจั๊ย เกรงใจ เพราะฉะนั้น อย่าไปยุ่งกะมัน


แบบที่ 1 เวลาจมน้ำ มันจะดันให้ หงายหน้าขึ้น ไม่สำลักน้ำ ใช้สำหรับเวลาออกทะเลไกลๆ ห่างชายฝั่ง ไกลจากพวกหน่วยกู้ภัย ผมเน้นนะ กู้ภัย ไม่เน้นเก็บศพ ถ้าอยากเป็นศพ คุณจะเอาหน้าขึ้น เอาหน้าจุ่มน้ำ ก็ไม่เป็นไร พวกนั้นเก็บให้อยู่แล้ว เขาไม่มากังวลมากนัก แบบนี้มีแรงพยุงให้ลอยตัวได้ 22-33 ปอนด์ ประมาณว่าลอยคอรอความช่วยเหลือได้หลายวัน ถ้าฉลามไม่มาคาบไปซะก่อน

แบบที่ 2  แบบนี้เจอบ่อยๆ เวลานั่งเรือ เที่ยว ไม่ห่างฝั่งมาก เกิดอะไร เอะอะ ไม่ไกล เดี๋ยวคนมาช่วย แบบนี้ลอยตัวได้ราวๆ 15-33 ปอนด์ แต่ถ้าไม่ใส่ก็ ลอยไม่ได้นะ เข้าใจไหม

แบบที่ 3 ออกแบบมาให้ใช้ในที่เสี่ยงน้อยๆ น้ำนิ่ง คลื่นลมสงบ อยู่ใกล้ฝั่ง เวลาท่านๆไปตรวจน้ำท่วมไง น้ำแค่เข่า ใส่ชุดกันซะ เต็มยศ ถุย

แบบที่ 4 แบบนี้เอาไว้แย่งกัน เวลาเรือล่ม โยนไปห่วงหนึ่ง แย่งกับ ถีบกันไปมา รอดสอง ตายสาม สูญหายเพียบ

แบบที่ 5 มีหลากหลายดีไซน์ ส่วนใหญ่ใช้เวลาเล่นกีฬาทางน้ำ กระชับ ทะมัดมะแมง


เอาละ ทีนี้เวลาจะไปจมน้ำ ก็เตรียมตัวกันให้ดีๆ จะขึ้นเรือ ตะโกนถามไปดังๆ เฮ่ยๆๆๆ มีใบอนุญาตรึเปล่า

เวลาตกน้ำ ตะโกนดังๆ เฮ่ยๆ อั๊วะไม่ใช่ทัวร์ศูนย์เหรียญ

อ้อ อีกอย่าง ถ้าจะมาจมน้ำตายที่กะลาแลนด์เนี่ย อย่างแต่งตัวโป๊นะ นายกเราเขาไม่ชอบ เพราะมันขัดกับวัฒนธรรมเรา ดูอย่างคนอังกฤษที่มาโดนข่มขืน นายกเรา เขาหงุดหงิดมากเลยเชียว

เข้าใจยัง




วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

มีใบอนุญาตรึเปล่า


แค่ถามหาใบอนุญาต อีตอนไปเจอเขากำลังเจาะถ้ำ เพื่อระบายน้ำใต้ดิน กับตะโกนถามลูกน้องว่าเฮ้ย มึงบินโดรน มีใบอนุญาตรึเปล่า

ทำเอาคนสรรเสริญกันทั้งเมือง นี่ก็เข้าทำนอง ไม่ดู ตี๋ดูหมวย ว่าเขากำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน กำลังมุ่งช่วยชีวิตที่ตกอยู่ในอันตราย

ใบอนุญาต ในกะลาแลนด์นี่ มันมีหลายแบบ แต่ละกระทรวง แต่ละกรม ก็ใช้มาตรการควบคุมเรื่องของตัวเองด้วยระบบ ใบอนุญาต
อย่างเช่น กรมการขนส่งทางบก ก็ใช้ใบขับขี่ เป็นใบอนุญาต เพื่อแสดงว่า เจ้าของใบขับขี่ ได้ผ่านการทดสอบ ว่าสามารถขับขี่รถยนต์ได้อย่างปลอดภัย  พอโดนตำรวจเรียกตรวจ หากสามารถงัดใบอนุญาตมาโชว์ให้ดู ก็แสดงว่า เป็นคนที่ได้รับอนุญาตให้ขับรถได้ ถ้าไม่มีก็แสดงว่า ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต
แต่ส่วนใหญ่ ไม่ค่อยโดนข้อหานี้ เพราะมักจะรู้ทัน จึงพกใบอนุญาตไปด้วยเสมอ

กรมโรงงานอุตสาหกรรม มีใบอนุญาต เยอะแยะไปหมด อย่างใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ซึ่งจะว่ากันไปแล้ว ใบอนุญาตแบบนี้ ออกให้ก็ด้วยข้อที่ว่า ก่อสร้างโรงงานในที่ได้รับอนุญาต อาคาร เครื่องจักร เครื่องมือ และอีกมากมายปลอดภัย เขาจึงอนุญาต พอทำผิด เขาก็มีอำนาจยึดใบอนุญาต แต่เชื่อผมไหม ผมเคยไปเห็นโรงงานมากมาย ที่ไม่น่าจะได้ใบอนุญาตด้วยซ้ำ แต่ก็ได้ บางทีก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ไอ้ใบอนุญาตพวกนี้ มันแพงมั๊ย อย่างใบขับขี่ ก็ไม่ค่อยแพงเท่าไหร่ สมัยผมเด็กๆ ประมาณ 500 ก็สอบผ่านแล้ว เหอๆๆ

ใบอนุญาตบางอย่างก็ ให้ไว้เพื่ออนุญาตให้มีและครอบครอง นู่นนี่นั่น อีกนั่นแหละ ก็อยู่บนเงื่อนไขว่า มีการขนส่ง การจัดเก็บ และการจัดการอื่นๆสำหรับของที่มีอย่างดีและปลอดภัย ส่วนไอ้ที่มีใบอนุญาต แต่จัดการไม่ดี และไม่โดนอะไร ก็ไม่รู้สินะ คนออกใบอนุญาตห่วย หรือคนได้รับใบอนุญาตห่วย หรือพอๆกัน

ใบอนุญาตอีกประเภท ก็คือ อนุญาตให้ทำนู่นนี่นั่น ได้ เช่น เป็นคนคุมบอยล์เลอร์ เป็นคนขับเครน เป็นกัปตันเรือ เป็นเภสัชกร เป็นวิศวกร
แบบนี้ เขามักไม่ค่อยเรียกว่าใบอนุญาต แต่มักจะเรียกเป็นอย่างอื่นๆ คนที่ทำงานภายใต้ใบอนุญาตพวกนี้ ขืนซี้ซั๊ว มั่วมาก เกิดอะไรตูมตาม ก็คุกเห็นๆ

ใบอนุญาตอีกแบบ อย่างทะเบียนสมรส เป็นใบอนุญาตที่ออกให้ เพื่อป้องกันไม่ให้ไปเที่ยวไล่จิ้มคนนั้นคนนี้มั่วซั่ว เพราะเขามีเจ้าข้าวเจ้าของ จะไปจดทะเบียนซ้อนส่งเดช ไม่ได้ ใบอนุญาตแบบนี้ ไม่มีหมดอายุ ไม่ต้องต่อทะเบียน เสียภาษี แต่ต้องตรวจสภาพบ่อยๆ จะได้ไม่ชำรุดทรุดโทรมมาก

การเที่ยวไปขอดูใบอนุญาต มันจึงเป็นเพียงกระบวนการกำกับดูแล
คนถูกขอก็อย่าไปตื่นเต้นมาก ส่วนไอ้คนขอ ก็พูดจาให้มันสุภาพรื่นหู แค่นี้ ก็น่ารักน่าเอ็นดูแล้ว ไม่ใช่ ไปถึงก็ เฮ่ยๆๆๆ มึงเอาใบอนุญาตมาให้กูดูซิ แบบนี้ เขาเรียกว่า

สำเนียงส่อภาษา กิริยา ส่อสกุล



ประวัติศาสตร์เซฟตี้

 Abraham Maslow พูดถึงเซฟตี้ไว้เมื่อปี 1943 ว่าลำดับขั้นของความต้องการของคนนั้นมีอยู่เป็นลำดับๆ เริ่มตั้งแต่ความต้องการพื้นฐาน อย่างอาหาร อา...