วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2561

บ่าวร้อนเหลือเกินแล้วเจ้าค่ะ


วามร้อนในช่วงสองสามวันนี้สูงเกือบแตะ 40 องศาเซลเซียส คาดว่าในช่วงกลางเดือนเมษาน่าจะร้อนหนักกว่านี้  พวกที่ทำงานในห้องแอร์ เล่นไลน์ กดไลค์เฟสบุ๊ค นอนเกาตูด ดูแม่การะเกด งอนกะพ่อหมื่นเดช

หนุกหนานเฮอาก็คงไม่เดือนร้อนกับใคร แต่พวกที่ต้องตากแดดตัวดำเป็นเหนี่ยงอยู่กลางไซท์งาน หรือพวกที่ขับรถตักวัตถุดิบอยู่ในโกดัง พวกที่ต้องเข้าๆออกแถวๆเตาอบที่มีทั้งเตาเผาสาระพัดเตาก็คงจะหนักหนาสาหัสพอสมควร ฉบับนี้จึงจะเล่าให้ฟังว่าร้อนตายนั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ มันมีจริงและพวกเราต้องรู้สาเหตุและการป้องกันที่ถูกต้อง เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน


กลไกของร่างกาย


โดยธรรมชาติร่างการคนเราจะพยายามรักษาอุณหภูมิให้คงที่อยู่ในช่วง 37 C ไม่สูงไม่ต่ำไปกว่านี้ โดยอาศัยการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิต และการทำงานของต่อมเหงื่อที่มีอยู่ทั่วร่างกาย ถ้าเมื่อใดสภาพแวดล้อมที่ร้อนมากกว่าปกติ ร่างกายก็จะพยายามปรับสมดุลและกำจัดความร้อนส่วนเกินออกไป โดยต่อมเหงื่อจะขับเหงื่อออกมาที่ผิวหนัง


ว่ากันว่าในหนึ่งชั่วโมงร่างกายสามารถผลิตเหงื่อได้ถึงสองลิตร โดยที่ต้องใช้น้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญ เมื่อเหงื่อระเหยออกไปก็จะพาความร้อนออกไปจากร่างกาย โดยที่หัวใจจะสูบฉีดเลือดไปที่ผิวหนังมากขึ้น เพื่อไปถ่ายเทความร้อนออกที่ผิวหนัง ถ้าเหงื่อออกมากร่างกายจะเสียน้ำไปมากพร้อมๆกับการเสียเกลือแร่หากไม่ได้รับการชดเชยด้วยอัตราที่สมดุล นั่นจะนำมาสู่อาการขาดน้ำและเกลือแร่ทำให้กล้ามเนื้อเกร็ง เป็นตะคริว ที่แขน ขาและท้อง แบบนี้เขาเรียก ฮีตแคร๊มพ์ หากคุณมีอาการแบบนี้ต้องหยุดกิจกรรมที่ทำอยู่ทันที เข้าที่ร่มๆนั่งพักให้หายเป็นตะคริว ดื่มน้ำเกลือแร่มากๆ แต่หลีกเลี่ยงการกินเกลือเป็นเม็ดๆ คนที่เป็นโรคหัวใจและความดันควรต้องไปหาหมอเพื่อตรวจอาการ  ที่เล่ามานั้นเพียงแค่เบาะๆ เพราะหากร่างกายเสียเหงื่อไปมากๆและคนผู้นั้นยังคงเผชิญกับความร้อนต่อไปสิ่งที่จะตามมาก็คือหัวใจจะเต้นเร็วขึ้นเพื่อส่งเลือดไปที่ผิวหนัง เหงื่อออกมากจนเปียกโชกไปหมด ร่างกายจะอ่อนแรงมีอาการวิงเวียนหัว เพราะเลือดมัวแต่ไปที่ผิวหนังจึงไปที่สมองน้อยลง บางคนคลื่นใส้อาเจียร บางคนยืนไม่ติดเป็นลมหัวทิ่ม บ้านเราเรียกลมแดด ฝรั่งเรียก       ฮีตเอ๊กซอส พอหัวทิ่มเลือดก็ไหลไปที่สมองได้มากขึ้น ก็ฟื้นแล้วก็บ่นว่า ข่อยเป็นลม ซ่อยค่อยแน่. ..สังเกตุง่ายๆพวกนี้เหงื่อออกมาก หน้าซีดเหลือง พวกไทยมุงก็ควรจะถูกกันออกไป ปลดเสื้อผ้าให้สบายๆ ให้พักในร่ม ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นๆเช็ดตัวลดความร้อน ให้ดื่มน้ำเกลือแร่ สักพักก็ดีขึ้น ส่วนใหญ่ลมแดดมักไม่ถึงตาย แต่พวกที่ตายก็เพราะตกมาจากนั่งร้านบ้าง แบบนี้เขาตายเพราะหัวทิ่มมากกว่า
จะเห็นว่าร่างกายพยายามปรับอุณหภูมิโดยหัวใจ เส้นเลือด ต่อมเหงื่อ แต่ถ้าไปเจอที่ซึ่งร้อนจัดๆ ลมสงบอบอ้าว เหงื่อระเหยไม่ได้ ความร้อนถ่ายเทไม่ได้แบบนี้อันตรายมาก เพราะกลไกการควบคุมอุณหภูมิจะรวนถึงขั้นที่สมองหยุดทำงานเขาเรียก ฮีตสะโตรก พวกนี้ไม่เหลือเหงื่อจะเสียอีกแล้ว ผิวหนังจะแดงจัด แห้ง เหงื่อไม่ค่อยมี ปวดหัวกระสับกระส่ายชัก เข้าขั้นโคม่า ถ้าส่งโรงหมอไม่ทันมีหวังไปเฝ้ายมบาล วิธีช่วยเหลือก็คือ ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด เอาน้ำเย็นราด ลดอุณหภูมิในร่างกายก่อนที่สมองจะหยุดทำงานแล้วรีบส่งโรงพยาบาล


WATER ....REST....SHADE...

ร้อนแบบนี้ต้องปรับตัว

หน้าร้อนแบบนี้ พยายามใส่เสื้อผ้าสีอ่อนๆ ผ้าที่ระบายความร้อนได้ดี หลีกเลี่ยงเสื้อผ้ารัดรูปจนปลิ้นเหมือนข้าวต้มมัด หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดเปรี้ยงๆเป็นเวลานานๆ ที่สำคัญคือดื่มน้ำมากๆ ไม่ต้องรอให้รู้สึกกระหายน้ำ เพราะตอนที่คุณรู้สึกกระหายน้ำนั้นแสดงว่าร่างกายคุณอยู่ในสภาพดีไฮเดรทหรือขาดน้ำรุนแรงแล้ว ใครที่ข้องใจว่าร่างกายขาดน้ำหรือไม่ให้สังเกตุสีของฉี่ตัวเอง ถ้าสี่เหลืองเข้ม แสดงว่าคุณกำลังขาดน้ำอย่างมาก ถ้าสีออกเหลืองแบบน้ำชา แสดงว่าใช่เลย ดื่มน้ำน้อยไป ดังนั้นก็ควรดื่มน้ำบ่อยๆ น้ำผสมเกลือแร่จะช่วยป้องกันการขาดน้ำได้มาก  พักบ่อยๆทุก 15 นาทีกำลังดี ถ้านานกว่านั้นเขาเรียกว่าอู้ การใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำบิดหมาดๆคล้องคลอ จะช่วยระบายความร้อนได้ดี แต่ข้อเสียคือมันเหมือนกรรมกรไปหน่อย คนเลยไม่ชอบเพราะไม่เท่ห์

แบบเท่ห์ๆก็มี
สำหรับผู้ที่ต้องทำงานในที่ซึ่งเผชิญกับความร้อนจากการแผ่รังสี การสวมเสื้อกั๊กที่มีช่องใส่ถุง cool pack จะช่วยได้มาก เดี๋ยวนี้ cool pack มีขายตามร้านขายยาทั่วไป ถุงหนึ่งเมื่อแช่ในช่องแช่เย็นจะช่วยลดอุณหภูมิลงได้นานราวหนึ่งชั่วโมง
โรงไหนผู้จัดการใจดีจะซื้อ Cool Vest แจก ก็จะถือว่าเป็นมหากุศลในเทศกาลสงกรานต์ ถือว่าได้บุญแรงที่เดียว สาธุ

ประวัติศาสตร์เซฟตี้

 Abraham Maslow พูดถึงเซฟตี้ไว้เมื่อปี 1943 ว่าลำดับขั้นของความต้องการของคนนั้นมีอยู่เป็นลำดับๆ เริ่มตั้งแต่ความต้องการพื้นฐาน อย่างอาหาร อา...