วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2559

สมองกิ้งก่าปัญญากิ้งกือ

เคยได้ยินมั๊ย สมองกิ้งก่าปัญญากิ้งกือ ผมก็เพิ่งเคยได้ยินนี่แหละ เพราะเพิ่งจะคิดหัวข้อขึ้นมาตะกี้นี้เอง เอาละจะขยายความให้ฟัง
กิ้งก่าเป็นสัตว์เลื้อยคลานเป็นหลานของเหี้ยเป็นเฮียของตะกวดเป็นทวดของแย้เป็นโคตรพ่อโคตรแม่ของกิ้งก่าอีกทีนึง ที่ลำดับญาติให้ฟังคร่าวๆโดยยังไม่พาดพิงใครก็เพื่อจะบอกว่าไอ้พวกเนี้ยเป็นสัตว์เลื้อยคลานประเภท เร็บไทล์ -Reptile ทฤษฎีมากมายอธิบายว่ามนุษย์มีวิวัฒนาการมาจากลิง ส่วนลิงก็มีวิวัฒนาการต่อมาเรื่อยๆจากตัวอื่นๆ ไล่ไปไล่มา มนุษย์ก็มีบรรพบุรุษมาจากตะกวด อะไรทำนองนี้ สิ่งที่แตกต่างระหว่างมนุษย์กับไอ้ตัวพวกนี้ก็คือ มนุษย์มีสมองที่มีความสลับซับซ้อนมากกว่า แต่กระนัี้นก็ตาม
 
สมองของมนุษย์ก็ยังมีส่วนที่เรียกว่า Reptilian Brain หรือสมองสัตว์เลื้อยคลาน เอาง่ายๆ เรียกว่าสมองเหี้ย ดีมั๊ย เข้าใจง่ายดี ติดมาเป็นมรดกจากบรรพบุรุษ เพราะฉะนั้น เวลาใครด่าว่า ไอ้เหี้ย อย่าไปโกรธเขา เพราะมึงกับกูก็มีปู่คนเดียวกัน อิอิ
สมองส่วนนี้ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของร่างกายขั้นพื้นฐานทั้งหมด เช่น การเต้นของหัวใจ ความดันเลือด อุณหภูมิร่างกาย ความก้าวร้าว ดุดัน อารมณ์ทางเพศ และอื่นๆที่สมองส่วนอื่นคุมมันไม่ได้ เช่น ดีเจคนหนึ่ง ถูกขับรถปาดหน้า สมองเหี้ยเลยทำงาน เป็นสันดานของการรักษาอาณาเขตของสัตว์ ใครหยามไม่ได้ มันต้องแสดงอำนาจ ดีเจคนดังกล่าวเลยแสดงพฤติกรรมเหี้ยๆออกมา มันเกิดขึ้นได้กับทุกคน สมองส่วนนี้สามารถถูกกระตุ้นด้วยสถานการณ์ต่างๆมากมาย ได้แก่
  • สภาพวะคับขันอันตราย ถ้าเป็นจิ้งจก ตุ๊กแก เหี้ย ตะกวด เจอภัยคุกคาม มันจะแสดงพฤติกรรมออกมาอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น หยุดนิ่งอยู่กับที่เฉยๆ หรือ วิ่งลงรูหายวับ หรือหันหน้าเข้าสู้ อย่างคนเรา เดินข้ามถนนเจอรถพุ่งเข้าใส่ สมองส่วนนี้จะสั่งให้กระโดดหลบ บางคนขาแข็งขยับไม่ได้รถชนเละคาที่
  • สภาวะหิวโหย เวลาคนหิว อย่าเจ๊าะแจ๊ะ เดี๋ยวจะเกิดกรณีกล่องข้าวน้อยฆ่าเมีย มนุษย์ในที่ซึ่งขาดแคลนอาหาร จะแสดงอาการดุร้ายแบบสัตว์ออกมาอย่างชัดเจน
  • อารมณ์โรแมนติก สัตว์เกือบทุกชนิดจะแสดงออกเพื่อดึงดูดเพศตรงข้าม อย่างนกยูงจะรำแพนเพื่อเรียกความสนใจจากเพศตรงข้าม มนุษย์ก็เช่นกัน เผลอก็เซลฟี่กันที มันเป็นการสั่งการแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว เป็นสัญชาติญานของการรักษาและแผ่ขยายยีนส์ของตน
  • สภาพวะแสดงอำนาจ อธิบายไปแล้ว
สมองส่วนนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องเซฟตี้โดยตรง เพราะ ความที่มันเป็นส่วนที่มีวิวัฒนาการมาจากสัตว์เลื้อยคลาน พอมนุษย์มาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ภัยคุกคามถูกกำจัดไปเกือบหมด สิ่งที่ตามมาก็คือ ความชะล่าใจ ข้ามถนนก็เล่นมือถือไปด้วย ขับรถเล่นเฟสบุ๊ค ทำงานในโรงงานอะไรก็ปลอดภัยไปหมด กูเลยไม่สนใจอะไร สุดท้ายม่องเท่ง เพราะสมองเหี้ยไม่ทำงาน
สมองส่วนที่สองเรียกว่าสมองส่วนอารมณ์ Emotional Brain สมองส่วนนี้พัฒนาขึ้นเพื่อทำให้สมองเหี้ยๆ มันทำงานได้หรือหยุดทำงาน อธิบายง่ายๆก็คือ อย่างไอ้พวกชอบข่มขืน ถ้ามันทำแล้วถูกจับได้ถูกทำโทษ สมองเหี้ยของมันก็จะจำได้ว่าทำแบบนี้ไม่ได้นะมึง อย่าเที่ยวไปไล่จิ้มใครต่อใครโดยไม่สนใจกฎหมาย ว่ากันว่า ความพึงพอใจจากการกระทำจะส่งผลให้สมองจดจำ อะไรที่เกี่ยวข้องกับอารมรมณ์ คนเราจะจดจำไปชั่วชีวิต อะไรที่ไม่มีอารมณ์จะจำไม่ได้ ไม่เชื่อลองนึกชื่อครูดู เราจะจำได้แม่นหากครูคนนั้นทำอะไรเกี่ยวกับอารมณ์ของเรา ชมเราจนน้ำตาไหลพรากด้วยความซาบซึ้ง หรือด่าเรา ตบกะบาลเราหัวทิ่ม จำจนตาย

สมองส่วนถัดมา เรียกว่า Neo Cotex ส่วนนี้ พัฒนาขึ้นมาให้มีความคิด วิเคราะห์ ใช้เหตุใช้ผล มีความลึกล้ำพิศดาร มนุษย์เราถ้าหิว โกรธ หรือโมโหหน้ามืด สมองทั้งสองส่วนจะถูกบายพาส สมองเหี้ยทำงานเต็มที่
เวลาคนกินเหล้า หรือเสพยาเสพติด แอลกอฮอล์จะส่งผลทำให้สื่อประสาททำงานไม่ปกติ สมองในส่วนอื่นๆทำงานน้อยลง ที่เหลือก็เป็นสมองเหี้ยล้วนๆ จึงไม่แปลกที่คนเมาแสดงอาการบ้าๆบอๆออกมา เช่น ก้าวร้าว หื่น ไม่กลัวใคร อะไรทำนองนี้

ในแง่ของความปลอดภัย ผมบอกแล้วว่าสมองส่วนนี้สำคัญต่อการมีชีวิตรอด คนที่อยู่ในที่ซึ่งปลอดภัยมากๆ แต่สมองส่วนที่ใช้เหตุใช้ผลไม่ได้รับการพัฒนามามากพอ จะมีความชะล่าใจ หรือที่เรียกว่า Complacence
แม้ในสภาพอันตราย คนพวกนี้ก็จะหาเหตุผลมาอธิบายว่า หึย มึงเชื่อกูสิ ไม่มีอะไรหรอก รู้มั๊ย นี่ใคร กูทำมาไม่รู้เท่าไหร่ เอาน่ะ แป๊บเดียวเอง อะไรทำนองนี้ กล่าวง่ายๆก็คือ เอาเหตุผลและอารมณ์มาควบคุมการตัดสินใจ ซึ่งส่วนใหญ่ในสถานการณ์อันตรายและสมองเหี้ยหยุดทำงาน ส่วนมาก ไม่รอด
เทคนิคบางอย่าง เช่น มือชี้ปากย้ำแบบเควายที เป็นการกระตุ้นสมองส่วน Reptilian Brain ไม่ให้หยุดทำงาน เวลาพวกหน่วยซีลออกรบ จะใช้เทคนิคพูดกับตัวเอง เช่น เคลียร์ โก สะต๊อบ อะไรแบบนั้น เพื่อกระตุ้นสมองเหี้ยให้ระมัดระวัง ในวงการ Defensive Driving ก็มีเทคนิคขับรถแบบ Commentary Driving พวกครูฝึกที่จบมาจากญี่ปุ่นเขาเรียกการขับแบบเสียงสั่งสมอง 
จึงไม่แปลก เวลาคนงานไปทำงานกับพวกเจ้านายดัดจริต โลภ เห็นแก่ตัว บ้าอำนาจ ส่วนใหญ่ไม่รอด มักมีเหตุร้ายแรง
ส่วนกิ้งกือ สมองมันคงเล็กมาก แต่ตีนมันเยอะ กิ้งกือตกท่อก็เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เพราะมันไม่ฉลาด แต่มันไม่รู้จักท่อมาก่อน

ความเข้าใจเรื่องพื้นฐานของสมองนี้ นำไปอธิบายอะไรได้มากมาย เช่น การที่คนเราเข้าไปตายในที่อับอากาศ ก็เพราะความที่สมองส่วน Emotional Brain มันสั่งการ พอเห็นคนจะเป็นจะตายอยู่ในนั้น ก็ผลีผลามเข้าไป สมองส่วนนี้เวลามันทำงาน ใช้อารมย์ล้วนๆ เหตุผลไม่มี สมองอีกสองส่วนก็หยุดทำงานไป สุดท้ายพอเข้าไป คิดว่าจะกลั้นหายใจได้ ไปเจอแก็สพิษ กะว่ากลั้นหายใจได้สักพัก ที่ไหนได้ สมองเหี้ยแอบสั่งการอีตอนลมใกล้จะหมด ทำให้สูดหายใจเข้าไป ตายแหงแก๋ในรูนั่น

ทีนี้คงพอจะเข้าใจแล้วนะว่าไอ้พฤติกรรม เอี้ยๆ (พูดคำนี้มากๆแล้วมันกระดากปาก เจ้าคุณปู่จะโกรธมากถ้าเกิดมาได้ยินเข้า ท่านคงเอ็ดเอาเสียมากมาย- ผู้ดี สมองเหี้ยมันไม่ค่อยทำงาน แต่สมองส่วนดัดจริตจะใหญ่กว่าคนปกติ แผล่บๆๆ)

จบดีกว่า ไว้คุยกันใหม่

ประวัติศาสตร์เซฟตี้

 Abraham Maslow พูดถึงเซฟตี้ไว้เมื่อปี 1943 ว่าลำดับขั้นของความต้องการของคนนั้นมีอยู่เป็นลำดับๆ เริ่มตั้งแต่ความต้องการพื้นฐาน อย่างอาหาร อา...