วันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2561

บุพเพอาละวาด EP.109 ชีวิตบัดซบของไอ้จ้อย

 
 

ความเดิมตอนที่แล้ว

ครั้นกรุงศรีอยุธยา ได้เจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศส ได้เพียงไม่กี่ปี อะไรๆก็เปลี่ยนแปลงไปหมด บรรดาขุนนางและเสนาบดีทั้งหลาย หันไปเปิดโรงงาน เลย์ออฟเหล่าไพร่ทาสเสียหมดสิ้น
 
ไอ้จ้อยและนางปริก สองสามีภรรยา ต้องตกอับไร้ที่พึ่งพา ยายปริกเอง พอหารายได้จากการทำหมูโสร่งเร่ขายตามหน้าโรงงาน ส่วนไอ้จ้อย ได้งานเป็นช่างเชื่อม ในโรงงานแห่งหนึ่งย่านนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ
 
บ่ายคล้อย ไอ้จ้อยเดินหน้าม้านกลับเข้าเพิงกระต๊อบ นังปริกเห็นผัวหนุ่มเดินหน้าละห้อยเข้ามาจึงมิวายตะวาดถามไปด้วยความเสน่หา
 
นางปริก : มึงเป็นเช่นไรมารึ ไอ้จ้อย เหตุฉันใดจึงทำหน้าประหนึ่งหมาเป็นไข้หวัดมาเช่นนั้น
ไอ้จ้อย : โธ่ แม่ปริก เมื่อไหร่จะเรียกฉันว่า คุณพี่เสียทีเล่า เมื่อแรกก่อนได้ฉันเป็นผัว ก็ยังเรียกขานฉันว่าคุณพี่
นางปริก : ปัดโธ่ ไอ้นี่ มึงต่างหาก เจตนาจะมุดมุ้งอีบุ้ง แต่ดันมาพลาดโดนข้าเข้า ยังจะมาทวงถาม ไอ้นี่ เดี๋ยวเขวี้ยงด้วยครก
 
ว่าแล้วนางปริก เงื้อสากกะเบือ เขวี้ยงหวือ เฉียดหัวไอ้จ้อย ไปโดนฝาจากกระเด็นกระจาย เป็นรูโหว่ ไอ้จ้อย เงียบปากไปโดยพลัน
 
มันหยิบรูปถ่ายออกมาวางไว้ตรงหน้านางปริก ไม่กล่าวอันใดอีก
 
 
นางปริก หยิบรูปนี้ขึ้นดู ร้องอุทาน ว้าย แม่หก ตกกะได นี่รูปใครกันรือ ไอ้จ้อย ยังหวาดๆ สากกะเบือบินไปแล้ว แต่ครกหินยังอยู่ใกล้มือนางปริก ปากร้าย ตั้งแต่ ถูกเฉดหัวออกมาจากเรือนคุณหญิงและท่านออกญา แม่ปริก เปลี่ยนเป็นคนโหดร้ายเสียยิ่งกว่าแม่หญิงการะเกดหลายเท่านัก
 
ไอ้จ้อย : ก็รูปที่พวกฝรั่งมันเอามาให้ข้าและกรรมกรดู มันบอกว่า ไอ้ใบเจียร์ ใบตัดที่พวกข้าใช้กันทุกๆวันนั้น ยามที่มันแตก มันจะปลิวกระเด็น บางทีมันก็สะบัด หลุดมือ บาดเข้าที่หลังมือหลังตีน ได้เลือด บ้างถึงตาย ข้ารึก็หวั่นๆอยู่ว่า หากโดนเข้ากับตัว แม่ปริกของฉันจะอยู่เช่นไร
 
นางปริก : กูว่าแล้วเชียว ไอ้พวกฝรั่ง มันเอาเครื่องมืออะไรมา สมัยก่อนพ่อแม่แกูไม่เห็นจะมีเครื่องพวกนี้อะไรเลย นี่เป็นความผิดของ ไอ้ฝรั่งตาน้ำข้าวนั่นแท้ๆเชียว
 
ท่าทีนางปริกสงบลงมาก บ่นพึมๆ มันเป็นขนาดนั้นเทียวรือไอ้จ้อย สายตาอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด ไอ้จ้อยหย่อนตูดลงบนแคร่ ใกล้ๆ แต่ยังระแวดระวังหลังตีนอยู่ดังเดิม
 
 
ไอ้จ้อย : คนอย่างพวกเรานั้น มันสอนยากสอนเย็นนักแม่ปริก  ข้าเองพอจะมีความรู้มาบ้างว่า ไอ้เครื่องมือพวกนี้ ฝรั่ง เขาเรียก พาวเวอร์เร็ด แฮนด์ ทูลส์ (Powered Hand Tools) มันมีอันตรายอยู่หลายอย่างนัก
 
ว่าแล้ว ไอ้จ้อย ฉวยเอากระดานชนวนมาวาด นางปริก ละมือจากหมูโสร่ง ชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ มองลงไปที่รูปข้างล่างนั่น ท่าทางมิผิด เมื่อครั้งอยู่ด้วยกับนางจวง ที่หนีตามแขกขายผ้าไปเมื่อปีกลาย
 
อันตรายจากของพรรค์นี้ มีหลายแบบหนาแม่ปริก ไอ้จ้อยเริ่มสาธยาย
 
อันตรายแรก ก็ได้แก่ อันตรายรอบๆ โซนที่หนึ่ง ได้แก่ อันตรายที่เกิดจากการประกอบ ใบเข้าไปกับเครื่อง
 
  1. ใช้ใบผิดประเภท เอาไบตัดไปทำงานขัด เอาไปเจียร์ไปทำงานตัด แบบนี้แหละ ที่พวกข้า ทำกันอยู่เนืองๆเชียว
  2. ใช้สิ่งที่มันไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้กับเครื่องพวกนี้ ใส่เข้าไป อย่างพวกใบเลื่อยกลมๆนั่น ชอบใช้กันหนักหนาเชียว
  3. ใช้ใบไม่ถูกกับวัสดุที่จะตัดจะเจียร์ อย่างเอาใบที่ใช้งานกับเหล็ก ไปใช้กับไม้ ใช้กับปูน แบบนี้ ก็บ่อยเลยแม่ปริกเอ้ย
  4. ใช้ใบที่มันขนาดไม่เหมาะกับเครื่อง เล็กไปมั่ง ใหญ่ไปมั่ง
  5. ใช้ใบที่รับความเร็วรอบของเครื่องไม่ไหว แหะๆ จริงๆแล้ว พวกข้านั้น ไม่เคยจะได้แหกตาดูหรอกว่า ใบที่ใช้ มีความเร็วที่เรียกว่า Maximum Permissible Speed เท่าไหร่ แหม ก็ใครมันจะอ่านออกเล่านังปริกเอ้ย
นางปริก มองดูไอ้จ้อย ด้วยสายตาชื่นชม มินึกฝันว่า ผัวกูจะมีภูมิรู้มากมาย จากการได้เป็นกรรมกรในโรงงานของท่านหมื่นเรือง กับแม่หญิงจันทร์วาด
ใจหนึ่งก็ พรั่นพรึงนัก ว่าของพวกนี้มันช่างอันตรายเหลือเกิน
 
ไอ้จ้อย รู้ทัน เอ่ยปากว่า ข้ารู้นะว่าแม่หญิงปริก เป็นห่วงข้านัก ว่าแล้วมันก็ครวญเพลง ออ เจ้า เอย ... สองคนผัวเมียพากันจูงมือหายไปในกระท่อม พักหนึ่ง ก็มีเสียงโหยหวนของนางปริก ออกมา ว่า อออออออ อือ ออออออ อือ
 
จบดีกว่า อิอิ
 



วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2561

บ่าวร้อนเหลือเกินแล้วเจ้าค่ะ


วามร้อนในช่วงสองสามวันนี้สูงเกือบแตะ 40 องศาเซลเซียส คาดว่าในช่วงกลางเดือนเมษาน่าจะร้อนหนักกว่านี้  พวกที่ทำงานในห้องแอร์ เล่นไลน์ กดไลค์เฟสบุ๊ค นอนเกาตูด ดูแม่การะเกด งอนกะพ่อหมื่นเดช

หนุกหนานเฮอาก็คงไม่เดือนร้อนกับใคร แต่พวกที่ต้องตากแดดตัวดำเป็นเหนี่ยงอยู่กลางไซท์งาน หรือพวกที่ขับรถตักวัตถุดิบอยู่ในโกดัง พวกที่ต้องเข้าๆออกแถวๆเตาอบที่มีทั้งเตาเผาสาระพัดเตาก็คงจะหนักหนาสาหัสพอสมควร ฉบับนี้จึงจะเล่าให้ฟังว่าร้อนตายนั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ มันมีจริงและพวกเราต้องรู้สาเหตุและการป้องกันที่ถูกต้อง เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน


กลไกของร่างกาย


โดยธรรมชาติร่างการคนเราจะพยายามรักษาอุณหภูมิให้คงที่อยู่ในช่วง 37 C ไม่สูงไม่ต่ำไปกว่านี้ โดยอาศัยการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิต และการทำงานของต่อมเหงื่อที่มีอยู่ทั่วร่างกาย ถ้าเมื่อใดสภาพแวดล้อมที่ร้อนมากกว่าปกติ ร่างกายก็จะพยายามปรับสมดุลและกำจัดความร้อนส่วนเกินออกไป โดยต่อมเหงื่อจะขับเหงื่อออกมาที่ผิวหนัง


ว่ากันว่าในหนึ่งชั่วโมงร่างกายสามารถผลิตเหงื่อได้ถึงสองลิตร โดยที่ต้องใช้น้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญ เมื่อเหงื่อระเหยออกไปก็จะพาความร้อนออกไปจากร่างกาย โดยที่หัวใจจะสูบฉีดเลือดไปที่ผิวหนังมากขึ้น เพื่อไปถ่ายเทความร้อนออกที่ผิวหนัง ถ้าเหงื่อออกมากร่างกายจะเสียน้ำไปมากพร้อมๆกับการเสียเกลือแร่หากไม่ได้รับการชดเชยด้วยอัตราที่สมดุล นั่นจะนำมาสู่อาการขาดน้ำและเกลือแร่ทำให้กล้ามเนื้อเกร็ง เป็นตะคริว ที่แขน ขาและท้อง แบบนี้เขาเรียก ฮีตแคร๊มพ์ หากคุณมีอาการแบบนี้ต้องหยุดกิจกรรมที่ทำอยู่ทันที เข้าที่ร่มๆนั่งพักให้หายเป็นตะคริว ดื่มน้ำเกลือแร่มากๆ แต่หลีกเลี่ยงการกินเกลือเป็นเม็ดๆ คนที่เป็นโรคหัวใจและความดันควรต้องไปหาหมอเพื่อตรวจอาการ  ที่เล่ามานั้นเพียงแค่เบาะๆ เพราะหากร่างกายเสียเหงื่อไปมากๆและคนผู้นั้นยังคงเผชิญกับความร้อนต่อไปสิ่งที่จะตามมาก็คือหัวใจจะเต้นเร็วขึ้นเพื่อส่งเลือดไปที่ผิวหนัง เหงื่อออกมากจนเปียกโชกไปหมด ร่างกายจะอ่อนแรงมีอาการวิงเวียนหัว เพราะเลือดมัวแต่ไปที่ผิวหนังจึงไปที่สมองน้อยลง บางคนคลื่นใส้อาเจียร บางคนยืนไม่ติดเป็นลมหัวทิ่ม บ้านเราเรียกลมแดด ฝรั่งเรียก       ฮีตเอ๊กซอส พอหัวทิ่มเลือดก็ไหลไปที่สมองได้มากขึ้น ก็ฟื้นแล้วก็บ่นว่า ข่อยเป็นลม ซ่อยค่อยแน่. ..สังเกตุง่ายๆพวกนี้เหงื่อออกมาก หน้าซีดเหลือง พวกไทยมุงก็ควรจะถูกกันออกไป ปลดเสื้อผ้าให้สบายๆ ให้พักในร่ม ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นๆเช็ดตัวลดความร้อน ให้ดื่มน้ำเกลือแร่ สักพักก็ดีขึ้น ส่วนใหญ่ลมแดดมักไม่ถึงตาย แต่พวกที่ตายก็เพราะตกมาจากนั่งร้านบ้าง แบบนี้เขาตายเพราะหัวทิ่มมากกว่า
จะเห็นว่าร่างกายพยายามปรับอุณหภูมิโดยหัวใจ เส้นเลือด ต่อมเหงื่อ แต่ถ้าไปเจอที่ซึ่งร้อนจัดๆ ลมสงบอบอ้าว เหงื่อระเหยไม่ได้ ความร้อนถ่ายเทไม่ได้แบบนี้อันตรายมาก เพราะกลไกการควบคุมอุณหภูมิจะรวนถึงขั้นที่สมองหยุดทำงานเขาเรียก ฮีตสะโตรก พวกนี้ไม่เหลือเหงื่อจะเสียอีกแล้ว ผิวหนังจะแดงจัด แห้ง เหงื่อไม่ค่อยมี ปวดหัวกระสับกระส่ายชัก เข้าขั้นโคม่า ถ้าส่งโรงหมอไม่ทันมีหวังไปเฝ้ายมบาล วิธีช่วยเหลือก็คือ ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด เอาน้ำเย็นราด ลดอุณหภูมิในร่างกายก่อนที่สมองจะหยุดทำงานแล้วรีบส่งโรงพยาบาล


WATER ....REST....SHADE...

ร้อนแบบนี้ต้องปรับตัว

หน้าร้อนแบบนี้ พยายามใส่เสื้อผ้าสีอ่อนๆ ผ้าที่ระบายความร้อนได้ดี หลีกเลี่ยงเสื้อผ้ารัดรูปจนปลิ้นเหมือนข้าวต้มมัด หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดเปรี้ยงๆเป็นเวลานานๆ ที่สำคัญคือดื่มน้ำมากๆ ไม่ต้องรอให้รู้สึกกระหายน้ำ เพราะตอนที่คุณรู้สึกกระหายน้ำนั้นแสดงว่าร่างกายคุณอยู่ในสภาพดีไฮเดรทหรือขาดน้ำรุนแรงแล้ว ใครที่ข้องใจว่าร่างกายขาดน้ำหรือไม่ให้สังเกตุสีของฉี่ตัวเอง ถ้าสี่เหลืองเข้ม แสดงว่าคุณกำลังขาดน้ำอย่างมาก ถ้าสีออกเหลืองแบบน้ำชา แสดงว่าใช่เลย ดื่มน้ำน้อยไป ดังนั้นก็ควรดื่มน้ำบ่อยๆ น้ำผสมเกลือแร่จะช่วยป้องกันการขาดน้ำได้มาก  พักบ่อยๆทุก 15 นาทีกำลังดี ถ้านานกว่านั้นเขาเรียกว่าอู้ การใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำบิดหมาดๆคล้องคลอ จะช่วยระบายความร้อนได้ดี แต่ข้อเสียคือมันเหมือนกรรมกรไปหน่อย คนเลยไม่ชอบเพราะไม่เท่ห์

แบบเท่ห์ๆก็มี
สำหรับผู้ที่ต้องทำงานในที่ซึ่งเผชิญกับความร้อนจากการแผ่รังสี การสวมเสื้อกั๊กที่มีช่องใส่ถุง cool pack จะช่วยได้มาก เดี๋ยวนี้ cool pack มีขายตามร้านขายยาทั่วไป ถุงหนึ่งเมื่อแช่ในช่องแช่เย็นจะช่วยลดอุณหภูมิลงได้นานราวหนึ่งชั่วโมง
โรงไหนผู้จัดการใจดีจะซื้อ Cool Vest แจก ก็จะถือว่าเป็นมหากุศลในเทศกาลสงกรานต์ ถือว่าได้บุญแรงที่เดียว สาธุ

วันอาทิตย์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

จอมพรานรพินท์ไพรวัลย์ พระเอกของผมเลย


เมื่อไหร่จอมพรานจะจึ๊กกะดึ๋ยกะคุณดารินซะที

ผมติดนิยายเพชรพระอุมางอมแงม สมัยเด็กๆ หนังสือแบบครบชุดไม่มีให้ยืมในห้องสมุด มีบ้างเล่มสองเล่ม กระโดดไปตอนนั้นตอนนี้ ไม่ประติดประต่อ พระเอกของผมจะเป็นใครไปเสียไม่ได้ จอมพราน รพินท์ ไพรวัลย์

ผม รพินท์ ไพรวัลย์ ถือปืนหนังกะติ๊กคู่กาย ที่พ่อคุณ (ปู่) ทำให้ ออกท่อมๆ ตามป่าละเมาะ ในจินตนาการก็คือป่าโลกล้านปี แถวๆนั้น เรื่อยไปจากเขตบ้านผู้คน ก็จะเป็นดงไม้ ทอดแนวต่อกันไป ทุกครั้งที่ยกปืนหนังกะติ๊กขึ้นเล็ง ครานั้น ท่วงท่าของพระเอกจะฉายทาบลงมาที่เด็กแก่นกะโหลกอย่างผม เจ้าสัตว์ร้ายชะตาขาด ที่เห็นอยู่เบื้องหน้า ก็คงไม่พ้น นกอีแต๊ด ที่มักจะส่งเสียงร้อง ออกแนวไม่ค่อยสุภาพนัก อี๋ แตรดดดดดด อี๋ แตรดดดดดด แซร่ แซร่

กว่าจะโตเป็นหนุ่ม เข้ามาเรียนมหาวิทยาลัย รพินท์ น้อย ก็ได้ ฆ่านกอีแต๊ด นกกรอด นกกระจิบ นกกระจอก สาระพัดไปเสียหลายตัว จนบัดนี้ นั่งสมาธิคราใด ก็ต้องแผ่ส่วนบุญอุทิศและขอขมาพวกเขาเหล่านั้น ไปเสียทุกครั้ง ด้วยความสำนึกผิด

พรานรพินท์นี่ ได้รับว่าจ้างจากคุณชายเชษฐาและพรรคพวก ในนั้น ก็มี คุณหญิงดาริน ซึ่งในจินตนาการของผม ก็ว่า นายจ้างสาวของพรานใหญ่เนี่ย ต้องสวย หยิ่ง เอามากๆ  ในหนังสือทั้งนายจ้าง ลูกจ้างคู่นี้ เป็นคู่กัดกันไปตลอดเส้นทาง โดยระหว่างนั้น ก็จะมีแงซาย กับ แหม่ม อะไรซักอย่างมาเป็นตัวละครแทรก ให้มีงอนมีง้อกันไปเรื่อย

ผมก็มาอดคิดไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้ว่า ถ้าอาชีพแบบพรานใหญ่ และคณะลูกหาบของเขา อย่างตาบุญคำ เกิดโดนเสือดำ หมี งู อะไรคาบไปกินเนี่ย กองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะจ่ายไหม

และที่เป็นข่าวครึกโครมตอนนี้ มีคนดังไปถูกจับกุม กลางป่า ถูกกล่าวหาว่า เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และล่าสัตว์คุ้มครอง เอามาทำซุป แบบนี้ คนที่ร่วมทาง ไม่ว่าจะเป็นคนขับรถ แม่บ้าน พวกนี้ เขาจะผิดด้วยไหม แบบว่า ทำตามคำสั่งนายจ้าง

เออแล้ว ถ้าเขา ถูกเสือกัด ระหว่างล่า แบบนี้จะเป็นการบาดเจ็บจากการทำงานด้วยไหม

ส่วนพวกหน่วยพิทักษ์ป่านั้น แน่นอน กฎหมายความปลอดภัยไม่ครอบคลุม เพราะหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน และ พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย ไม่ครอบคลุม พวกนี้ ถ้าเจ็บตัว ป่วย อะไร ก็คงไม่สามารถนับว่าบาดเจ็บจากการทำงานหรอกกระมัง

ตอนนี้กำลังลุ้นว่า พรานระพินท์ กับคุณดาริน จะจึ๊กกะดึ๋ยกันซะทีไหม แหม บรรยากาศมัน ก็นะ

คุณ จอปอ แซลมอน

คนเรียกชื่อผิดๆถูกๆเป็นเรื่องธรรมดา

ผมน่ะชื่อ ษมน ภาษาอังกฤษก็สะกดแบบทื่อๆเลย Smon

คนที่มักเรียกผิดเรียกถูกคนแรก ก็ไอ้นี่เลย ไอ้ ไมโครซอร์ฟเวิร์ด มันชอบเติมตัว ไอให้อัตโนมัติ เวลาพิมพ์ หรือไม่งั้นมันก็จะขีดเส้นแดง ว่าเราพิมพ์ผิด มันจะผิดได้ไง ชื่อนี้กูตั้งเองกับมือ ส่วนมาก คนจะเรียกว่า คุณสมร น่าน ชื่อยังกะเจ๊เจ้าของตลาดเลยเชียว แต่ผับผ่าสิ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณบ่ายสองครึ่ง มีคนโทรเข้ามือถือ พอผมรับสาย ก็เป็นเสียงผู้หญิง

ฮัลโหล นั่นคุณแซลมอนไช่มั๊ย

ผมชะงักไปพักหนึ่ง ก่อนจะละล่ำละลักถามไปว่า เอ่อ คุณจะคุยกับใครรึ
เธอพูดซ้ำ กึ่งตวาดมาว่า จะพูดกับคุณแซลมอน
ผมชื่อษมนครับ
เออ แซลมอน ษมน เออๆ คุณแหละมั๊ง
มีอะไรหรือครับ
ถ้าคุณจะเอารถเฮี๊ยบ ที่มีใบอนุญาต เอาคนขับ คนยก ที่มีใบรับรอง ชั้นไม่มีหรอก ชั้นแค่รับขนส่งตู้คอนเทนเนอร์
จะบอกให้นะ สลิงชั้นนะไม่เคยขาด ยกมาตั้งหลายปีแระ มีแต่คุณนี่แหละ จะเอาขนาดนี้ ไปขนเอาเองละกัน
วางหู ตื๊ด ๆๆๆๆๆๆ



ปล่อยให้กูงงอยู่พักหนึ่ง ค่อยประติดประต่อได้ อ๋อ


ไอ้เฮี๊ยบคันนี้เอง

เรื่องมีอยู่ว่า ผมได้เห็นรูปที่ทีมงานส่งมาให้ดู ว่าเร็วๆนี้ จะมีคนเอาตู้คอนเทนเนอร์ที่ทำเป็นออฟฟิศเคลื่อนที่ เอามาลงที่โรงงานของเรา ผมเห็นรูป เห็นการผูกรัด การใช้สลิง แบบยกแตงโม เห็นแล้วขนหัวลุก เลยคอมเมนท์เจ้าภาพไปว่า นี่เป็นงานอันตรายนะ การยก
เบื้องต้น ต้องมีการป้องกันคือ

1 รถเฮี๊ยบต้องได้รับการตรวจรับรอง มีใบ ปจ.2

2.ส่วนคนขับ คนผูกโหลด คนให้สัญญาน คนควบคุมการยก ก็ต้องมีใบอนุญาต

3.ต้องทำตามขั้นตอนการขออนุญาตทำงานยก ซึ่งกำหนดให้ต้องทำแผนการยก

ขอแค่เนี่ย ไม่นึกว่า มึงจะเรียกกูแซลมอนเลยรึ ป่านนี้ผมยังงงอยู่เลย ว่า อีนี่ เป็นใคร ฮึ่ย เคืองมาก อ่ะ แซลมอน ก็แซลมอน เอามาทำชื่อรายการซะเลย คลิ๊กนี่เลย

วันศุกร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2561

รูปหายาก

ด่วน เปิดประมูลรูปหายาก

ใจหาย เมื่อรู้ว่าปีนี้ ปี 61 คนจนหมดประเทศ สภาพของความยากจนจะกลายเป็นเรื่องในความทรงจำ ลูกหลานในรุ่นต่อๆไปจะไม่สามารถเข้าใจได้ว่า คนจนคืออะไร ประเทศคนจนมันอยู่ตรงไหนอ่ะพ่อ

คอลเลคชั่นนี้ ท่านควรสะสมไว้


นี่เป็นรูปของคนจนแบบหนึ่งที่เคยปรากฏอยู่ก่อนปี 2560 และหมดไปในปี 2561 เดี๋ยวนี้ คนเก็บของเก่าไม่เหลือให้เห็นอีกแล้ว อาชีพนี้จะถูกจัดเป็นอาชีพสงวนอย่างหนึ่ง


คนเร่ร่อน ไม่มีให้เห็นอีกเลยหลังปี 2561

บ้านจัดสรร เพื่ออนุรักษ์ความหลัง กำลังจะเป็นที่ต้องการของบรรดาเศรษฐี ราคาขายพุ่งสูงเป็นประวิติการณ์


วันเสาร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2561

ใจสั่งมา

หากว่าเธอผ่านมาได้ ยีนนนน เพง นี้....คาดว่าเธอ ก็คงรู้ดี ว่าเป็นฉาน.....หมอบให่เธอ คนเดียว อาจจะเหี่ยวแต่สำคัญ เพราะฉานนนน นั้นอยากให้เธอได้ฟาง......



เพลงนี้ถ้าใครที่อายุยังไม่เลยห้าสิบ ผมว่าร้องได้กันทุกคน ดังพอๆกับเพลงชาติเลยทีเดียว เพลงของเสก โลโซดังมากสมัยที่คาราโอเกะในบ้านเรากำลังบูมสุดขีด ถ้าจำไม่ผิด นั่นประมาณปีสองปีก่อนวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง สมัยนั้นผมทำงานอยู่้แถวๆบ่อวิน ทุกๆวันศุกร์ เจ้านายจะพาพวกเราไปปลดปล่อย กินข้าว แล้วก็ตามด้วยการร้องเพลง

ปีถัดมา โรงงานแห่งนั้นก็ปิดลง ผมเป็นคนล็อตสุดท้ายที่เอาธงชาติลง ปิดรั้วโรงงาน แล้วก็ล่ำลากันกับคนงานที่ยังแวะเวียนมาถามไถ่ว่ามีงานที่ไหนบ้างที่เขาเปิดรับสมัคร


ปีใหม่ทุกๆปี ก็จะมีการเฉลิมฉลอง แถวบ้านนอกของผม ปีใหม่ คริสมาส อะไรแบบนี้ ไม่ค่อยจะมีอะไรมากมายนัก อย่างมากก็มีงานที่หน้าอำเภอ มีวงสตริงคอมโบ้ ส่วนใหญ่ก็วงบุญมาคอมโบ้ เล่นอยู่แป๊บเดียว พอเพลงม้าเหล็ก หรือ ไอรอนฮอร์สขึ้น วัยรุ่นมันก็จะตีกัน ปีใหม่แบบบ้านๆเลยไม่ค่อยมีอะไรมากมาย ผมเองกลับบ้านเกือบทุกปีสมัยที่ยังหนุ่มๆ ใจสั่งมา ไม่รู้เป็นไง อยู่ไกลแค่ไหน ก็อยากกลับไปนอนบ้าน ไปดมกลิ่นที่นอนเก่าๆที่เคยนอนสมัยเด็กๆ กลิ่นที่เคยเยี่ยวรดไว้ยังมีอยู่จางๆ

ปีใหม่ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ในเมืองกรุง เงียบสนิท ไม่มีเสียงประทัด ไม่มีพลุ ตะไล ไฟพะเนียง เพิ่งจะได้ยินเสียงพลุปุ้งป้าง มีเสียงปืนรัวยิงในแถวที่ผมอยู่บ้าง เปาะแปะ เปาะแปะ

ไม่นึกว่าจะมีข่าว หน่วยคอมมานโดบุกเข้าจับกุมพี่เสกของผม ไอ้เราก็ไม่ค่อยได้ดูทีวี เพราะเดี๋ยวนี้ ไม่ค่อยมีอะไรให้ดู เปิดไปก็เจอแต่ ไอ้... เลยเบื่อ ไม่ดงไม่ดูมันเลย มารู้อีกทีว่า พี่เสกโดนรวบข้อหายิงปืนขึ้นฟ้า

ปั่ดโธ่ พี่เสกนี่น๊า น่าจะอ่านบล๊อกผมมั่ง เรื่อง ไลน์ออฟไฟร์ไง อ่านยัง

พอนักร้องขวัญใจโดนจับ ผมก็ตามอ่านข่าว ล่าสุดเห็นว่าได้ประกัน ไอ้เราก็โล่งอก ที่ไหนได้ กระสุนพี่เสก ตกใส่กะบาลคนหลายคนที่ดันไปนั่งกินข้าวกะแก มีอันเป็นไปกันเป็นแถว

กระสุนเสกนี่มันขลังดีนะ

เออๆ วันหลังจะเซลฟ่งเซลฟี่ ก็หาหมวก หาแว่นเซฟตี้มาใส่กันๆไว้มั่ง



"สรุปแล้วปีนี้ กูจะได้เลือกตั้งมั๊ยเนี่ย".... เสียงคนข้างบ้านตะโกนถามไอ้คนที่จ้ออยู่หน้าจอ ...
"อ่ะ แล้วนาฬิกา กะแหวน มึงหายไปไหน ไอ้แก่ ".... อีกเสียงหนึ่ง แหวแซกเข้ามา ดังจนทิปานิคเมมเบรนของผมแทบขาด
" ให้ไอ้ป้อมมันยืมไปใส่ แหม แม่ก้อ ใจเย็นๆ รักน๊า จุ๊บๆ "
ผัวเมียข้างบ้านนี่ ตีกันได้ทุกวัน ส่วนใหญ่ จะเป็นช่วงวันศุกร์เย็นๆ
ช่วงคืนความสุข

เหอๆๆ ไปดูยูตู๊ปต่อ พี่เสกคุยกะใครวะ " ผมมีปืนนะพี่ ใครเข้ามากูยิง "

ลุ้นๆ ว่าใครจะเป็นคนแรกที่เข้าไปใน ไลน์ออฟไฟร์








วันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2560

คาถามหาสะแลม SLAM

 

พี่ตูน ตอนเป็นนักร้อง ก็ดังเป็นพลุแตก

ผมเคยหลงเข้าไปดูคอนเสิร์ทพี่ตูนที่อิมแพคเมืองทองหนหนึ่ง แหม... เพลงแกมันส์ดีนะ แต่ผมร้องไม่ได้เลยสักเพลง ร้องไม่ได้ยังไม่เท่าไหร่ ฟังไม่รู้เรื่องนี่สิ มันเจ็บใจ เลยได้แต่ยกมือ โยกไปโยกมาตามคนข้างๆเขาไปเรื่อยเปื่อย ก็สนุกดี
พี่ตูนแกเป็นคนบ้านเดียวกับผม คนสุพรรณ มาหนนี้ แกออกวิ่งจากใต้จรดเหนือ เพื่อหาเงินมาช่วยโรงพยาบาลต่างๆ ผู้คนช่วยกันสมทบ อบอุ่นกันทุกสาระทิศ บอกได้เลยว่า พี่ตูนกลายเป็นขวัญใจมหาชนไปเลยทีเดียวเชียว ส่วนพี่ตูบของผม ช่วงนี้แย่หน่อย ไม่รู้จะรอดหน้าหนาวนี้รึเปล่า ช่วงนี้อาการไม่ค่อยดี ยาที่กิน ดูเหมือนจะระงับอาการที่กำเริบไม่อยู่ เมื่อสองสามวันก่อน เห็นแกไล่งับเงาตัวเองกั่บๆ นั่นก็อาการหนักอยู่พอสมควร

คาถาหลวงพ่อตูน

ถ้าพี่ตูนบวชตอนนี้ ใครๆเขาก็จะเรียก หลวงพี่ตูน ถ้าบวชนาน เขาเรียก หลวงพ่อตูน แต่ความดังระดับนี้ จะเรียก หลวงปู่ตูน ผมว่าก็ไม่มีใครแย้งอะไร เพราะ ของเขาดีจริง



ก่อนออกจากบ้านไปเที่ยวช่วงหยุดยาว เอาคาถาหลวงพ่อตูนติดรถไปด้วย
ท่องไว้ ตั้งนะโมสามจบ แล้วว่า สะแลม สะแลม สะแลม สะแลม  เอส แอล เอ เอ็ม

จำไว้ให้ดีนะคุณโยม
ตัวเอส ย่อมาจากคำว่า สะต๊อป STOP  ที่แปลว่าหยุด ความหมายก็คือ ก่อนจะทำอะไร หยุดคิดสักนิด คิดว่าปลอดภัยกับตัวเองไหม ปลอดภัยกับคนอื่นไหม คิดวางแผนให้รอบคอบก่อนลงมือทำงานทำการ
ตัวแอล ย่อมาจากคำว่า  ลุ๊ค LOOK แปลว่า มองดู มองรอบๆ ข้างบน ข้างล่าง ข้างซ้าย ข้างขวา มีอะไรที่จะเป็นอันตรายไหม ตรงนี้จอดได้ไหม ทางโค้ง ทางลงเนิน ขืนจอด รถคันอื่นมาเสยท้ายเข้า จะพากันตายยกครัวไปเสียเปล่าๆ
ตัว เอ ย่อมาจากคำว่า แอสเสจ (ASSESS) แปลว่าประเมิน ก็ความเสี่ยงไง ประเมินว่าโอกาสเกิดมันเป็นยังไง เกิดแล้วรุนแรงไหม คงไม่ต้องถึงกับกางตารางความเสี่ยง สัญชาติญานนี่ก็ใช้ได้แล้ว อย่างรถยางแตก จะจอดตรงทางโค้งลงเนิน อีแบบนี้ ขึ้นจอดตรงนั้น มีหวังสิบล้อเอาไปแดรกแน่นอน นอกจากนี้ยังต้องประเมินด้วยว่าจะลดความเสี่ยงยังไง ไม่ใช่ จอดตรงทางโค้งลงเนิน แล้วไปหักกิ่งไม่มาวาง หวังให้คนเห็น รถมาเร็วๆ มันมองไม่ทัน ทำอะไรต้องประเมิน
ตัวเอ็ม ย่อมาจากคำว่า แมเนจ (Manage) แปลว่า คอยดูว่าสิ่งที่ดำเนินการไปนั้นมันได้ผลไหม เช่น กิ่งไม้ อาจจะเวิร์คตอนกลางวัน แต่ถ้ามืดค่ำ มันมองไม่เห็น ก็ต้องเปลี่ยนวิธีที่มันเหมาะสม อย่างให้นังสนมลงไปยืนฉายไฟโบกให้สัญญานรถอื่น แต่ต้องยืนหลบๆหน่อยนะ เดี๋ยวคนเขาไม่รู้ คิดว่าเป็นตำรวจมาโบกรถ จะหักหลบ ชนกันตายเข้าอีก
ยกตัวอย่างมานี่ พอจะเข้าใจไหม SLAM
เอาล่ะ เอาๆ พี่ตูบ ขยับมา รับน้ำมนต์ เอ้อ ... ปู๊ด ๆๆๆๆๆ หายนะ หายบ้าเร็วๆ ปู๊ดๆๆๆๆๆ
อ้าว น่าน พี่ป้อม ไปโดนอะไรมาล่ะ หน้าตาหมองคล้ำ สงสัยโดนของมา มาๆๆๆ ขยับมาใกล้ๆ เออๆๆๆๆ ปู๊ด ๆๆๆๆๆๆ

วันพุธที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

สุดจะพรรณา

สะเทือนใจ!!! คนงานรอดตายปาฏิหาริย์ หลังตกลงไปในถังละลายเดือด แต่บริษัทขอให้ตาย เพื่อหยุดจ่ายค่ารักษา




เรื่องราวของ หยวน หลงหัว คนงานวัย 38 ปี ได้ประสบอุบัติเหตุพลัดตกลงไปในสารละลายเดือดระหว่างปฏิบัติหน้าที่ แต่สามารถรอดชีวิตมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
นายหลงหัว ได้ทำงานต่อเนื่อง 13 ชั่วโมงโดยไม่ได้หยุดพัก และได้ตกลงไปในถังละลายเดือดจัด ทำให้ร่างกายของเขาถูกลวกไปกว่า 99 เปอร์เซ็นต์ และต้องตัดขาขวาออกกลายเป็นคนพิการในที่สุด จากนั้นเขาต้องพักรักษาอาการที่โรงพยาบาล ผ่านไป 2 เดือน ทางบริษัทเรื่อมไม่ยอมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ ทำให้ร่างกายของเขาแย่ลง
จากนั้นก็ได้พยายามโน้มน้าวทางครอบครัวให้หยุดการรักษาหนุ่มเคราะห์ร้ายคนนี้ แล้วทำการฉีดยาให้ตาย พร้อมสัญญาว่าจะชดเชยค่าเสียหายให้เมื่อเขาเสียชีวิต  "เราขอแนะนำให้ญาติแจ้งโรงพยาบาลให้ยุติการรักษา หลังจากที่เขาตายแล้วเราจะจ่ายค่าชดเชยให้" นี่คือข้อความของทางบริษัทที่ส่งมาแจ้งกับครอบครัวนายหลงหัว

ที่มา: http://www.kanomjeeb.com/news-details.php?item=4003

ข่าวนี้ไม่รู้จริงหรือเท็จ แต่ดูจากสภาพเครื่องจักรแล้ว ผมไม่แปลกใจ โรงงานในจีน ในเวียดนาม ในอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลย์ และในประเทศไทย หลายๆแห่งที่เคยไปเห็นมา ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไหร่

เครื่องจักรไม่มีระบบป้องกัน จุดที่คนทำงานต้องป่ายปีนไปเติมสารเคมี ไปตักตัวอย่าง ไปทำอะไรสักอย่าง ไม่มีแพลทฟอร์ม ไม่มีบันได ไม่มีราวกันตก ผิดกฎหมายหลายข้อหลายกระทง ถ้าปรับกันจริงๆ ไม่ต้องตั้งงบเลยครับ

คนงานทำงานควงกะ ทำกันจนกระทั่งหลับใน

คนงานกลัวนายจ้าง กลัวตกงาน

ไม่มีปาก ไม่มีเสียง ไม่มีคณะกรรมการ ถึงมีก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร

เซฟตี้กลัวนายจ้าง กลัวตกงาน ไม่มีปาก ไม่มีเสียง ถึงมี ก็ไม่กล้าพูด รองานใหม่ ได้เมื่อไหร่ กูไปโลด

หน่วยงานราชการ หึๆ ไม่อยากพูดถึงมาก มีพรรคพวกเพื่อนฝูงนั่งกันสลอนในหน่วยงานคุมกฎ แต่มัน ก็ไม่กล้าพูด ไม่มีปาก ไม่มีเสียง ถึงมีก็ไม่พูด และไม่กล้าลาออก เดี๋ยวนี้ ข้าราชการเงินเดือนดี โบนัสงาม เช้าชาม เย็นชาม สบายจะตาย ช่วงคืนความสุขให้ประชาชนนี่ สบายฝรุดๆ

นี่ถ้าเป็นที่อเมริกานะมึง โดนปรับหมดตูด โชดดีนะมึงที่เกิดเป็นชาติเอเชีย  

เห็นข่าวคนงานลงไปล้างถังประปาตาย ที่ภูเก็ต ที่อุทัย ตายในถังน้ำมันที่บ่อทอง ชลบุรี โอย ตายซ้ำซาก ไม่รู้จะด่าใครดี ด่าไอ้ห่านี่ละกัน พล่ามๆอยู่บนจอทีวี แหมๆ ผลงานเยอะนะมึง ชาวบ้านไม่มีจะแดรกแล้ว ไอ้ฟาย

เซ็งกะลาแลนด์






วันอังคารที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

จ่อ...ทำขี้เกลืออะไร


เห็นพาดหัวข่าวแล้ว หงุดหงิด

มันจะจ่อทำขี้เกลืออะไร แจ้งความเอาผิดกับนายจ้างที่ทำผิดกฎหมายความปลอดภัย ในบ้านเรามันช่างยากเย็นแสนเข็นเสียเหลือเกิน ทั้งๆที่กฎหมายก็มีมากมาย เขียนเอาไว้เช็ดตูดรึไงครับพี่น้อง

ผมเคยเขียนเรื่อง Citation Report ของ OSHA USA อยู่บ่อยๆ เพราะคอยติดตามข่าวสารผ่านทางเว็ปไซท์ หมายเรียกดำเนินคดีของ OSHA
อ่านต่อที่นี่

ที่ติดตามก็เพื่อ นำมาเป็นอุทาหรณ์ อุทาเห่าให้กับบรรดาผู้บริหาร ว่าไอ้ที่ทำๆกันอยู่เนี่ย ถ้าเป็นที่อเมริกาบ้านมึงน่ะ มึงโดนปรับขี้แตกขี้แตนแล้ว อย่างเคสนี้ เป็นกรณี โรงงานทำฉนวนกันความร้อนในรถยนต์แห่งหนึ่งในรัฐ โอไฮโอ
โรงนี้ทำคนงานแขนขาดไปหนึ่งราย เพราะโดนเครื่องย่อยเศษผ้าลากเข้าไป เป็นโรงงานชื่อว่า ออโต้เหนียม อเมริกาเหนือ อิงค์  จากการเข้าตรวจสอบของเจ้าหน้าที่แรงงาน พบข้อบกพร่องหลายประการ และมีการออกหมายเรียกดำเนินคดี และปรับ เป็นเงิน ฟังดีๆ ห้าแสนหกหมื่นเก้าพันสี่ร้อยหกสิบ ยูเอสดอลลาร์ เอา 35 คูณเข้าไป ก็ตกอยู่ที่ 19,950,000 บาท ไทย ไม่มีหรอก จ่อๆ จะดำเนินคดี แบบหน่อมแน้ม จำคุกไม่เกินหนึ่งปี ปรับสองแสนบาท ถุย !!

ที่อเมริกา เวลาเขาปรับกัน เขาแจ้งข้อหาแยกเป็นข้อๆ ไม่ใช่ ทำชุ่ยๆ ตายไปแล้วแปดเก้าศพ จ่อปรับสองแสน มึงจะจ่อทำขี้เกลืออะไร ??

มาดูกันว่าไอ้บริษัทนี้ โดนปรับเรื่องอะไรมั่ง


v

อ่านไม่ออก !!! ป๊าด !!! อ่านออกก็แปลไม่ได้ ฮึ่ย !! แปลได้ก็ไม่เกี่ยวกะกูนิ !!
เอาๆ อยู่ในกะลากันต่อไปพี่น้องเอ้ย

นี่เป็นเอกสารเรียกทวงหนี้จากบริษัท ออโต้นีอุ้ม นอร์ท อเมริกา อิงค์ ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 645 ถนนลาลเลนดอร์ฟ เหนือ โอเรกอน รัฐโอไฮโอ สรุปมีข้อหาตามใบสั่งปรับนี่ สามกระทง

กระทงแรก เป็นความผิดแบบ วิลฟูล -Willful ใครที่ยังไม่รู้มันคืออะไร ไปลองอ่านดูในบล็อกเรื่อง อยากได้แบบนี้มั่งจัง http://funnysafetytalk.blogspot.com/2014/12/blog-post_19.html

ไอ้ความผิดแบบนี้เขาเรียกว่า เจตนากระทำ คือรู้ทั้งรู้ แต่กูจะทำ กระทงนี้โนไป 373,001.00 USD ก็ราวๆ  
ล้านกว่าบาท

กระทงที่สอง เป็นความผิดแบบรีพีท -Repeat ผิดซ้ำผิดซาก เป็นดากทาเกลือ (แม่ยายผมชอบพูด ไม่รู้ดากทาเกลือมันเกี่ยวอะไรด้วย สงสัยแกชอบเอาเกลือมาทามั๊ง) กระทงนี้โดนไป 196,462 USD ก็ราวๆ หกล้านเก้าแสนกว่าๆ

มา ผมจะแจงให้ฟังนะครับพี่น้อง

กฎหมายเครื่องจักร บอกว่าให้นายจ้างทำการ์ด หรือเครื่องป้องกันส่วนที่เป็นอันตรายของเครื่องจักรที่เรียกว่า โอปะเรติ้งพ้อยท์ เพื่อป้องกันไม่ให้คนงานโดนหนีบ โดนดึงเข้าไป  ไง คล้ายๆกฎหมายกะลาแลนด์มั๊ย มันจะไม่คล้ายได้ไง ก็เราลอกเขามา อะไรดีๆ ลอกมาหมดเด๊ะๆ ยกเว้น การบังคับใช้กฎหมาย ไอ้โรงนี้ เจ้าหน้าที่เขาไปตรวจ เจอเครื่องเจียร์ เครื่องนู่นเครื่องนี่ ไม่มีการ์ด และรวมไปถึงไอ้เครื่องย่อยเศษผ้าหรือเทร็ดดิ้งแมชิน ไม่มีฝาครอบ โอช่าอเมริกาไม่มีจ่อครับ แจกเลย ค่าปรับเป็นเงินถึง ล้านกว่าบาท

ไงละมึง นี่ถ้าเอากฎหมาบ้านกูออกมากางนะ พรบ.ความปลอดภัย สุขภาพ บลาๆๆ ปี 2554

 มาตรา ๕๓ นายจ้างผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานที่กําหนดในกฎกระทรวงที่ออกตาม มาตรา  ๘  ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี  หรือปรับไม่เกินสี่แสนบาท  หรือทั้งจําทั้งปรับ

ถ้าอ่านแบบคนมีสมอง ก็จะแปลได้ว่า ไอ้ที่มีกฎหมายกำหนดไว้ตามมาตราแปด แล้วนายจ้างไม่ทำเนี่ย มันก็กระทงละ หนึ่งปี ปรับไม่เกินสี่แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ลองไปแหกตาดูซิ มีกฎกระทรวงกี่เรื่อง แต่ละเรื่องให้นายจ้างทำอะไรมั่ง ไอ้ที่หล่น ที่ตกลงมาตายเนี่ย ผิดไปกี่ข้อ ข้อละกี่ปี ปรับกี่บาท

มึงจะจ่อทำขี้เกลืออะไร จ่ออยู่นั่น หยั่งงี้มันต้องเจอ มอ สี่สิบสี่







วันจันทร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2560

มีครบทุกอย่าง ยกเว้น "สำนึก"

ปีนี้หกวันตายเกือบสี่ร้อยศพ

ถ้าต้องขนใส่ตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 40 ฟุต ก็ต้องใช้ราวๆ 20 ตู้เลยทีเดียว
นี่คำนวณแบบหลวมๆ ใช้โลงขนาดยาว 1.8 เมตร กว้าง 60 ซม. สูง 60 ซม. กันอึดอัดยัดเยียด มีที่ว่างเผื่ออืดพอสมควร ตู้หนึ่งเรียงตามความลึกได้ 5 โลง ตามแนวกว้างได้ 4 โลง รวมๆก็ 20 โลงต่อตู้ แค่หกวันตายไปเกือบสี่ร้อย ก็ต้องใช้ตู้ราวๆ 20 ตู้ อันนี้ไม่รวมพวกที่เก็บได้ไม่ครบ เป็นเศษเล็กเศษน้อย หายไปบ้าง ไฟไหม้ไปบ้าง ไหลตามน้ำไปบ้าง
  
ประเทศไทย ถูกจัดเป็นอันดับ 2 ของโลกที่มีอุบัติเหตุจากการจราจร มากที่สุด เป็นรองจากประเทศลิเบียเพียงเล็กน้อย

ปีนี้เป็นอีกหนึ่งปีที่พิสูจน์ให้เห็นว่า ทฤษฎีด้านการบริหารความปลอดภัยแบบพื้นๆ อย่างทฤษฎีสามอี หรืออีสามตัว ที่ว่า ความปลอดภัยต้องการองค์ประกอบสำคัญสามอย่างคือ
  • วิศวกรรม (E-Engineering) รถดี ถนนดี ทางดี ป้ายครบ ไฟสว่าง
  • การศึกษา (E-Education) ปากเปียก ปากแฉะ
  • การบังคับใช้กฏ (E-Enforcement) ใช้ ม.44 ก็แล้ว
ใช้หมดทุกรูปแบบ แต่ยังไม่สามารถลดอุบัติเหตุ เจ็บและตายอย่างมากมายมหาศาลของคนไทยลงได้ เพราะว่า ประเทศไทย สังคมไทย เป็นประเทศที่ไร้สำนึก ใช่ครับ ผมพูดไม่ผิด เราเป็นชนชาติที่ไร้สำนึกในทุกๆเรื่อง โดยเฉพาะ สำนึกเกี่ยวกับความปลอดภัยส่วนรวม

นักขับรถในประเทศนี้ เพียงประเทศเดียว ที่ฝ่าฝืนกฎจราจรได้ทุกข้อ
แซงในที่คับขัน
ใช้ความเร็วเกินกำหนด
มึนเมาขณะขับรถ
ปาด
เบียด
จี้
แข่ง
อาฆาต
โหดเหี้ย
อำมหิต
ริษยา
ด่าทอ




ผู้บริหาร หน่วยราชการ
ขุดโดยไม่ตั้งป้าย
กองโดยไม่สนใจใคร
ตั้งเครื่องกีดขวางตามอำเภอใจ
ตั้งด่านในที่ไม่ควรตั้ง
ช้าวชาม เย็นชาม
ทุจริต
โกงกิน

ประเทศไทย มีสันดานเสียมาตั้งแต่ไหนไม่ทราบ เป็นพ่อค้าแม่ค้า ก็ชอบอารมย์เสีย หงุดหงิด ใส่ลูกค้า ทำราวกับว่าลูกค้าจะเข้าไปบุกรุกหยิบฉวยสิ่งของ ถามก็ไม่ได้ ตวาดแว๊กๆ

พอนั่งหลังพวงมาลัย วิญญานนักแข่ง วิญญานนักเลง เข้าสิงทันที ใครขับช้า กูก็ด่าแม่ง แช่งชักหักกระดูก ขับปาดหน้า เบียดให้ตกถนน ให้ ของลับ ถึงขั้นลงไปชกต่อยตบตี ฆ่ากันตายก็มีให้เห็นได้ทุกๆวัน

สันดานไร้สำนึกส่วนรวมนี่มันแทรกอยู่ทุกๆอณูของความเป็นไทย ทุกระดับ ใหญ่โต จนถึงกระจอกงอกง่อย

รปภ. พอได้ทำหน้าที่เข้าหน่อยก็เบ่งกับ รถแท๊กซี่ ไล่ด่า ไล่ล็อกล้อ ขูดเลือดคนจนๆพวกเดียวกัน

อบต. อบจ. สส. เรื่อยมา จนพวกที่นั่งสลอนกันในสภา หาที่จะมีสำนึกส่วนรวม หายาก

ผมเองก็ไม่ได้มีสำนึกอะไรดีมากไปกว่าคุณ เพราะความที่มีกรรมพันธุ์ สันดาน ความเป็นไทยติดมาแต่กำเนิด ที่กล้าพูดและลงความเห็นว่า ไทย เป็นชนชาติที่ไร้สำนึกส่วนรวม ก็เพราะ ได้เห็น ได้ประจักษ์ มาแล้วกับตัวเอง ที่พูดมานั้นก็เคยเป็นแบบนั้นมาก่อน ทำแบบนั้นมากก่อน ครั้นจะเสนอแนะแนวทางแก้ไข งัดเอาทฤษฎีมากมายมาเป็นแนวทาง นำเสนอ ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะทฤษฎีอะไรก็ใช้ไม่ได้ผลกับคนไทย

สังคมไทยเป็นสังคมแบบ I can't do คือ กูทำไม่ได้หรอก
จะมีข้อแม้ ข้อโต้แย้ง ข้ออ้างสาระพัด ที่จะบอกว่า อย่าเลย ทำไม่ได้หรอก

ปีนี้ ไม่ได้ออกไปไหน  บอกตรงๆ กลัวตาย บนถนน เหมือนสงคราม ในปั๊มเหมือนเดินในดงผีดิบ ในห้าง เหมือนอยู่ในสมรภูมิรบ

พี่ครับ อันนี้เท่าไหร่ครับ
ป้ายข้างหน้านั่น  อ่านไม่ออกรึ

อ้าว!!! อีผีดิบ ถามดีๆ มึงเป็นเหี้ยอะไรนี่

หลังจากนั้นก็  อี๊ แอ่ อี๊ แอ่ ๆๆๆๆ

เอาล่ะ จบดีกว่า เครียดว่ะ เกิดเป็นคนไทย เครียดโว๊ยยยยยยยย








วันพฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2560

อันตรายจากสารเคมี

ฉบับนี้จะเป็นเพียงฉบับเดียวที่ใช้ภาษา ลีลา เป็นวิชาการ แทนที่จะเป็นภาษาแบบชาวบ้าน บ้านๆ ลูกทุ่ง โลดโผน เพราะเขาขอมา


เอาละนะ เข้าสู่โหมดวิชาการกันเลย ขออนุญาตผูกไทด์แป๊บ อะ แฮ่ม อะ แฮ่ม โหลๆๆๆ หนึ่ง สอง สาม เทสท์ เทสท์


ไฟพร้อม กล้องพร้อม แอ๊กกกกกก ชั่นนนนน


สารเคมี มีอันตรายอย่างไรบ้าง



แผนผังข้างบนน่าจะง่ายที่สุดแล้วสำหรับการอธิบายให้เห็นในภาพรวมๆว่า สารเคมี มีอันตรายอย่างไรบ้าง ซึ่งจะช่วยให้ทั้งนักวิชาการมาก นักวิชาการน้อย และนักวิชาเกิน จะได้ค่อยๆ ทำความเข้าใจไปทีละเปลาะ


ถ้าจะจำแนกอันตรายของสารเคมีออกเป็นสองแบบใหญ่ๆ ก็จะจำแนกได้ว่า


ก. อันตรายต่อสุขภาพ
ข. อันตรายทางกายภาพ


นี่ถ้าบรรยายในชั้นเรียนแบบนี้ พวกที่นั่งหลังห้อง ก็จะเริ่มก้มหน้า ละสายตา แอบดูไลน์ อ่านเฟสบุค ส่งเมสเสจ หรือไม่ก็แอบหลับไปแล้ว


ทำไงได้ เขาขอมา ให้เป็นวิชาการ ก็จัดไป


ก. อันตรายต่อสุขภาพ (Health Hazards)

กล่าวรวมๆ ก็คือผลที่จะเกิดขึ้นต่อร่างกาย ทั้งแบบเฉียบพลัน (Acute) หรือแบบ เรื้อรัง (Chronic)  เมื่อได้รับสารเคมีเข้าไป ส่วนจะเข้าไปทางไหนบ้างนั้น จะยังไม่เจาะลึกลงไปในรายละเอียดในตอนนี้ เมื่อได้รับสารเคมีเข้าไป มันจะไปก่อให้เกิดอันตรายได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับสารเคมีตัวนั้นๆ กล่าวคือ


  1. เกิดอันตรายต่ออวัยวะเป้าหมาย (Target Organ) สารเคมีหลายส่วนใหญ่  เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว ก็จะไปสะไปออกฤทธิ์ เกิดความเป็นพิษในร่างกายและอวัยวะต่างๆไม่เท่ากัน แต่มักจะส่งผลให้เกิดความเป็นพิษขึ้นที่อวัยวะใดอวัยวะหนึ่งรุนแรงกว่า อวัยวะที่กล่าวมานี้ เรียกว่า อวัยวะเป้าหมาย
  2. เกิดการกัดกร่อน (Corrosive) สารเคมีจำนวนไม่น้อยเลยที่ออกฤทธิ์กัดกร่อน ในบริเวณที่เกิดการสัมผัส หรือเส้นทางที่สารเคมีนั้นผ่านเข้าไป
  3. เกิดมะเร็ง (Carcinogen) สารเคมีอีกมหาศาลทีเดียวที่ก่อให้เกิดมะเร็ง
  4. เกิดอาการที่ไวต่อการเกิดปฏิกิริยา (Sensitizer) ทำให้ร่างกายมีอาการแพ้รุนแรงขึ้น
  5. เกิดอาการระคายเคือง (Irritation) แบบนี้ไม่แพ้ แต่ส่งผลให้เกิดการระคายเคืองขึ้นต่ออวัยวะ หรือส่วนของร่างกาย เช่น ตา ทางเดินหายใจ เป็นต้น
  6. เกิดอันตรายต่อระบบการสืบพันธุ์ (Reproductive System)
    • เกิดการกลายพันธุุ์ (Mutagens)
    • เกิดความผิดปกติของตัวอ่อน (Teratogens)












ติดคุกเพราะชำนาญการ

 พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 มีข้อกำหนดมากมายหลายมาตรา รับกันมาเป็นทอดๆ ไล่ไปตั้งแต่มาตรา 4 ที่เ...