ความเดิมตอนที่แล้ว
ครั้นกรุงศรีอยุธยา ได้เจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศส ได้เพียงไม่กี่ปี อะไรๆก็เปลี่ยนแปลงไปหมด บรรดาขุนนางและเสนาบดีทั้งหลาย หันไปเปิดโรงงาน เลย์ออฟเหล่าไพร่ทาสเสียหมดสิ้น
ไอ้จ้อยและนางปริก สองสามีภรรยา ต้องตกอับไร้ที่พึ่งพา ยายปริกเอง พอหารายได้จากการทำหมูโสร่งเร่ขายตามหน้าโรงงาน ส่วนไอ้จ้อย ได้งานเป็นช่างเชื่อม ในโรงงานแห่งหนึ่งย่านนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ
บ่ายคล้อย ไอ้จ้อยเดินหน้าม้านกลับเข้าเพิงกระต๊อบ นังปริกเห็นผัวหนุ่มเดินหน้าละห้อยเข้ามาจึงมิวายตะวาดถามไปด้วยความเสน่หา
นางปริก : มึงเป็นเช่นไรมารึ ไอ้จ้อย เหตุฉันใดจึงทำหน้าประหนึ่งหมาเป็นไข้หวัดมาเช่นนั้น
ไอ้จ้อย : โธ่ แม่ปริก เมื่อไหร่จะเรียกฉันว่า คุณพี่เสียทีเล่า เมื่อแรกก่อนได้ฉันเป็นผัว ก็ยังเรียกขานฉันว่าคุณพี่
นางปริก : ปัดโธ่ ไอ้นี่ มึงต่างหาก เจตนาจะมุดมุ้งอีบุ้ง แต่ดันมาพลาดโดนข้าเข้า ยังจะมาทวงถาม ไอ้นี่ เดี๋ยวเขวี้ยงด้วยครก
ว่าแล้วนางปริก เงื้อสากกะเบือ เขวี้ยงหวือ เฉียดหัวไอ้จ้อย ไปโดนฝาจากกระเด็นกระจาย เป็นรูโหว่ ไอ้จ้อย เงียบปากไปโดยพลัน
มันหยิบรูปถ่ายออกมาวางไว้ตรงหน้านางปริก ไม่กล่าวอันใดอีก
นางปริก หยิบรูปนี้ขึ้นดู ร้องอุทาน ว้าย แม่หก ตกกะได นี่รูปใครกันรือ ไอ้จ้อย ยังหวาดๆ สากกะเบือบินไปแล้ว แต่ครกหินยังอยู่ใกล้มือนางปริก ปากร้าย ตั้งแต่ ถูกเฉดหัวออกมาจากเรือนคุณหญิงและท่านออกญา แม่ปริก เปลี่ยนเป็นคนโหดร้ายเสียยิ่งกว่าแม่หญิงการะเกดหลายเท่านัก
ไอ้จ้อย : ก็รูปที่พวกฝรั่งมันเอามาให้ข้าและกรรมกรดู มันบอกว่า ไอ้ใบเจียร์ ใบตัดที่พวกข้าใช้กันทุกๆวันนั้น ยามที่มันแตก มันจะปลิวกระเด็น บางทีมันก็สะบัด หลุดมือ บาดเข้าที่หลังมือหลังตีน ได้เลือด บ้างถึงตาย ข้ารึก็หวั่นๆอยู่ว่า หากโดนเข้ากับตัว แม่ปริกของฉันจะอยู่เช่นไร
นางปริก : กูว่าแล้วเชียว ไอ้พวกฝรั่ง มันเอาเครื่องมืออะไรมา สมัยก่อนพ่อแม่แกูไม่เห็นจะมีเครื่องพวกนี้อะไรเลย นี่เป็นความผิดของ ไอ้ฝรั่งตาน้ำข้าวนั่นแท้ๆเชียว
ท่าทีนางปริกสงบลงมาก บ่นพึมๆ มันเป็นขนาดนั้นเทียวรือไอ้จ้อย สายตาอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด ไอ้จ้อยหย่อนตูดลงบนแคร่ ใกล้ๆ แต่ยังระแวดระวังหลังตีนอยู่ดังเดิม
ไอ้จ้อย : คนอย่างพวกเรานั้น มันสอนยากสอนเย็นนักแม่ปริก ข้าเองพอจะมีความรู้มาบ้างว่า ไอ้เครื่องมือพวกนี้ ฝรั่ง เขาเรียก พาวเวอร์เร็ด แฮนด์ ทูลส์ (Powered Hand Tools) มันมีอันตรายอยู่หลายอย่างนัก
ว่าแล้ว ไอ้จ้อย ฉวยเอากระดานชนวนมาวาด นางปริก ละมือจากหมูโสร่ง ชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ มองลงไปที่รูปข้างล่างนั่น ท่าทางมิผิด เมื่อครั้งอยู่ด้วยกับนางจวง ที่หนีตามแขกขายผ้าไปเมื่อปีกลาย
อันตรายจากของพรรค์นี้ มีหลายแบบหนาแม่ปริก ไอ้จ้อยเริ่มสาธยาย
อันตรายแรก ก็ได้แก่ อันตรายรอบๆ โซนที่หนึ่ง ได้แก่ อันตรายที่เกิดจากการประกอบ ใบเข้าไปกับเครื่อง
- ใช้ใบผิดประเภท เอาไบตัดไปทำงานขัด เอาไปเจียร์ไปทำงานตัด แบบนี้แหละ ที่พวกข้า ทำกันอยู่เนืองๆเชียว
- ใช้สิ่งที่มันไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้กับเครื่องพวกนี้ ใส่เข้าไป อย่างพวกใบเลื่อยกลมๆนั่น ชอบใช้กันหนักหนาเชียว
- ใช้ใบไม่ถูกกับวัสดุที่จะตัดจะเจียร์ อย่างเอาใบที่ใช้งานกับเหล็ก ไปใช้กับไม้ ใช้กับปูน แบบนี้ ก็บ่อยเลยแม่ปริกเอ้ย
- ใช้ใบที่มันขนาดไม่เหมาะกับเครื่อง เล็กไปมั่ง ใหญ่ไปมั่ง
- ใช้ใบที่รับความเร็วรอบของเครื่องไม่ไหว แหะๆ จริงๆแล้ว พวกข้านั้น ไม่เคยจะได้แหกตาดูหรอกว่า ใบที่ใช้ มีความเร็วที่เรียกว่า Maximum Permissible Speed เท่าไหร่ แหม ก็ใครมันจะอ่านออกเล่านังปริกเอ้ย
นางปริก มองดูไอ้จ้อย ด้วยสายตาชื่นชม มินึกฝันว่า ผัวกูจะมีภูมิรู้มากมาย จากการได้เป็นกรรมกรในโรงงานของท่านหมื่นเรือง กับแม่หญิงจันทร์วาด
ใจหนึ่งก็ พรั่นพรึงนัก ว่าของพวกนี้มันช่างอันตรายเหลือเกิน
ไอ้จ้อย รู้ทัน เอ่ยปากว่า ข้ารู้นะว่าแม่หญิงปริก เป็นห่วงข้านัก ว่าแล้วมันก็ครวญเพลง ออ เจ้า เอย ... สองคนผัวเมียพากันจูงมือหายไปในกระท่อม พักหนึ่ง ก็มีเสียงโหยหวนของนางปริก ออกมา ว่า อออออออ อือ ออออออ อือ
จบดีกว่า อิอิ