ปกติ บางทีก็ไม่ปรกติ เพราะภาษาไทย เขียนได้ทั้งแบบปกติ และไม่ปรกติ ซึ่งโดยปกติ ผมเป็นคนที่เข้าใจอะไรง่าย โดยเฉพาะ การได้ฟัง ได้เห็น ได้อ่าน และดูความเป็นไปเป็นมาในภาพรวม ของประเทศ แต่ตอนนี้ ผมกำลังสับสนกับศัพท์ใหม่ๆ ที่กำลังเป็นเสมือนนโยบายของประเทศกะลาแลนด์เลยทีเดียว นโยบายที่ว่า คือ....แต่น แตน แต้น....กะลาแลนด์ สี่จุดศูนย์
แป่ว....ววววว... มันคืออะไรง่ะ ???
ในยูตูป มีพรีเซนต์เตชั่น ดูแล้วน่าจะจ้างเขาทำมาหลายตังค์อยู่ทีเดียว เริ่มต้นด้วยคำถามที่ว่า คุณรู้หรือไม่ว่า ที่กะลาแลนด์ มีรายได้เฉลี่ยของประชากรอยู่ที่ ปีละ สองแสนสามพันสามร้อยกะอีกหกบาทแน่ะ
เรอะ ???
รายได้ดีนะ แม่ผมขายกล้วยฉาบ วันๆหนึ่ง แกขายได้ไม่กี่ถุง ถุงละไม่กี่บาท แกเลิกทำนามานานมากแล้ว หลังจากขายนาส่งควายเรียนจนจบสามตัว ส่วนน้าๆ อาๆผมที่ยังเหลือ ยังไม่เจ็บ ไม่ป่วยตาย เพราะยาฆ่าแมลง สารเคมี ก็ยังทำนากันต่อไป
ที่กะลาแลนด์ ว่ากันว่า สมัยยังเป็น หนึ่งจุดศูนย์ ชาวไร่ชาวนาทำมาหากินแบบพอมีพอกิน ส่วนใหญ่ไม่พอกิน นี่ดีนะ มีถุงยังชีพแวะเวียนมาแจกเป็นฤดูๆ หน้าแล้ง มีรถมาแจกน้ำ สมัยเด็กๆผมยังเคยเข็นรถที่มีปี๊บไปใส่น้ำที่เขามาแจก สนุกดี เปียกทั้งตัว เย็นดี กว่าจะขโยกขเยกมาถึงบ้าน น้ำเหลือครึ่งปีบ (ที่จริงบ้านผมที่สุพรรณเขาไม่เรียกป้งเรียกปี๊บ เขาเรียก ปีบ ปอ อี บอ หปีบ งง มั๊ย ภาษาบ้าอะไรโคตรสับสนเลย พอใส่หอ อี หี บอ หีบไปข้างหน้า ผิดหลักไวยากรณ์เลย เพราะ ป อี บอ ต้องอ่านว่า หปีบ เหมือนคำว่า ป อา บอ หปาก ) สมันนู้น เราก็อยู่กันแบบ พอมั่ง ไม่พอมั่ง คนสุพรรณไม่ค่อยอพยพทิ้งถิ่น ส่วนถุงยังชีพกันหนาว น้ำท่งน้ำท่วมไม่ค่อยได้กับเขาหรอก เพราะไม่ค่อยหนาว และไม่ค่อยมีแม่น้ำลำคลอง ชลประทาน เขาประทานมาไม่ถึง
พอผมเรียนจบ ก็เข้าไปเป็นแรงงานในระบบ สองจุดศูนย์ คืออยู่โรงงาน เป็นเซฟตี้ไง โรงงานแรก ใช้คนงานเยอะหน่อย สมัยนั้นพวกผู้บริหาร กับผู้ใช้แรงงานมักจะเผชิญหน้ากัน เป็นแบบสหภาพแรงงาน มีการประท้วง ส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นเรื่องค่าแรง ในสมัยกะลาแลนด์สองจุดศูนย์เนี่ย ว่ากันตามจริง ที่บ้านผมก็ยังทำนาอยู่เลย จำได้แม่นว่าอาคนรองกินยาตายประท้วงชีวิตไม่พอกิน เพราะสภาพเศรฐกิจในกะลาแลนด์มันแสนจะฝืดเคือง โรงงานในยุคสองจุดศูนย์หนักไปที่ผลิตของกระจอกงอกง่อย สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก ครีบดับกลิ่นเต่า น้ำยาล้างจาน กระดาษเช็ดตูด ประเภทนั้น โอ้ย เซฟตี้นะเรอะ ไม่มีหรอก สมัยนั้น คนยังเข้าใจว่าเซฟตี้เป็นยาม ยามเป็นเซฟตี้อยู่เลย
สมัยกะลาแลนด์สามจุดศูนย์ เป็นยุคผลิตอุตสาหกรรมหนัก โรงงานรถยนต์ เหล็ก เคมี แห่กันเข้ามาบ้านเราที่กะลาแลนด์ โอ้ย เซฟตี้เรอะ ยังสองจุดศูนย์อยู่เลย นายจ้างใหญ่ ส่วนมากแค่จะให้ทำตามกฎหมายก็แทบจะฆ่ากันตายอยู่แล้ว จำได้มั๊ย โรงงานตุ๊กตาไฟไหม้ แหมๆๆๆๆ ตื่นเต้น ตาแหก แตกตื่น ออกฎหมายมาเพียบ แล้วไงต่อ
นี่กะลาแลนด์กำลังจะก้าวเข้าสู่ยุค สี่จุดศูนย์ ด้วยเหตุผลว่า เรากำลังเป็นประเทศที่ติดกับดักประเทศรายได้ปานกลาง MIC
น้าเขยผมถามลั่น อะไร เหรอไอ้หนู (ทำเสียงเหน่อๆ จะได้อรรถรสมากเลย) Middle Income Country ผมกระแดะใส่ภาษาอังกฤษ
น้าอีกคนถามขัดขึ้นมาเสียงดัง มันเป็นควยอะไรรึ
(ที่บ้านนอก การเติมคำแบบนั้นลงไป ก็คล้ายๆเวลาเราดูหนังฝรั่งซาว์ดแทรก ที่มักจะมีคำว่า Fuck ปนๆอยู่ในบทพูด มันเป็นวัฒนธรรมโบราณที่ไม่หยาบคายควยเคยอะไร (เวลาใช้ เขาใส่สร้อยเข้าไปด้วย จะได้ฟังรื่นหูขึ้น) ผมแปลต่อ ประเทศที่มีรายได้ปานกลาง
ควยยยย คราวนี้ยาวเลย ไม่มีเสียงเหน่อ แถมเน้นหางเสียง
น้าพองนั่งอยู่ด้วย เสริมขึ้นมา อีชิบหายยยย กูจะไม่มีจะแดก มันปานกลางตรงไหน๊ เออ จริงของแก ... ผมยกมือขัด อธิบายต่อ ไอ้ยุคสี่จุดศูนย์นี่ เราต้องใช้นะวัดตากำ (ลิ้นเริ่มคับปาก) ใหม่ๆ คราวนี้ทุกคนเงียบกริบ มองตาล่อกแล่ก
อะไรรึ ไอ้นะวัดตากำ วัดใหม่ที่หลวงพ่อหนุ่มเพิ่งย้ายมาอยู่นะเรอะ เห็นเขาว่าแม่นนักหนา
ขี้เกียจสาธยาย เอารูปกางเกงในให้น้าๆดู ทุกคนครางฮือ
แบบนี้มันดีตรงไหนล่ะไอ้หนู
หน้าตาบ่งบอกความอยากเรียนรู้ เพื่อก้าวไปสู่ กะลาแลนด์สี่จุดศูนย์
ดีสิ เวลาปวดขึ้ ก็แค่ถอดกางเกงนอก
น้าพอเสริมทันที
ขี้ได้เลย ไม้ต้องแก้
น้าคอง ขี้สงสัย แล้วเวลาจะเยี่ยวทำไง
น้านอ ตบกระบาลป๊าบนึง มันจะยากตรงไหน
มึงก็รูดซิบข้างหน้านั่นดิ
คราวนี้ เริ่มเกิดการเผชิญหน้า
ไม่ได้เรื่องแล้ว คงต้องลี้ภัย บรรยากาศ ไม่เอื้อต่อการปรองดอง
เอาเถอะ ไม่ว่ากะลาแลนด์มันจะไปแบบไหน ของจริงๆ เราอยู่กันตรง ศูนย์จุดสองสอง บางทีก็จุดสามแปด หนักหน่อยก็สิบเบ็ดมอมอ เราเองก็รู้ๆกันดีอยู่
ในเมื่อเศรษฐกิจมันแบบนี้ เซฟตี้คงไปไกลกว่า ศูนย์จุดสามคงยาก
เอ้า ดื่มมมมมม กร่อกๆๆๆๆๆๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น